สัญญาแฟรนไชส์และภาระภาษีที่แฟรนไชส์ซีต้องรู้

องค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของระบบแฟรนไชส์ ที่เจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ต้องจัดทำขึ้นมาเพื่อแจ้งให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ได้ทราบ นั่นคือ สัญญาแฟรนไชส์ เป็นการกำหนดสิทธิและหน้าที่ของแฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซี ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ในสัญญาแฟรนไชส์มีการกำหนดและเงื่อนไขอะไรบ้าง วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอให้ทราบ

สัญญาแฟรนไชส์และภาระภาษี

รายละเอียดที่ระบุชัดเจนในสัญญาแฟรนไชส์ ส่วนใหญ่จะมีข้อตกลงและข้อกำหนดเกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนให้กับแฟรนไชส์ซอร์ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise Fee) และ ค่าสิทธิต่อเนื่อง (Royalty Fee) รวมถึง Marketing Fee กำหนดให้แฟรนไชส์ซีจ่ายเป็นรายเดือน หรือรายปี โดยจะคิดอัตรา 3-5% ของยอดขายในแต่ละเดือน

นอกจากนี้ ในสัญญาแฟรนไชส์ยังต้องระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขกรณีต่างๆ ที่จะนำไปสู่การผิดสัญญา และการยกเลิกสัญญาในที่สุด เช่น แฟรนไชส์ซีนำสินค้าจากที่อื่นวางขายในร้านสาขาแฟรนไชส์ หรือแฟรนไชส์ซีไม่ซื้อวัตถุดิบบางส่วน ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่สร้างความเป็นมาตรฐานจากแฟรนไชส์ซอร์ เป็นต้น

ภาระภาษีของผู้ซื้อแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซี)

สัญญาแฟรนไชส์และภาระภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

  1. ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แรกเข้า (Franchise Fee) เป็นรายจ่ายในด้านการลงทุนต้องทยอยหักเป็นค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา ได้แก่
    • สัญญาแฟรนไชส์ไม่จำกัดระยะเวลา หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคารอบระยะเวลาบัญชีละไม่เกินอัตราร้อยละ 10 (10 ปี)
    • สัญญาแฟรนไชส์ระบุระยะเวลา หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคารอบระยะเวลาบัญชีละไม่เกินอัตราร้อยละ 100 หารด้วยจำนวนปีอายุการใช้สิทธิแฟรนไชส์ (กำหนด 5 ปี ไม่เกินร้อยละ 20) กรณีที่รอบระยะเวลาใดไม่เต็ม 12 เดือน ต้องเฉลี่ยตามสัดส่วนสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
  2. ค่าสิทธิต่อเนื่อง (Royalty Fee) เป็นรายจ่ายที่แฟรนไชส์ซีสามารถนำไปหักออกจากรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี (ไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม)

ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย

สัญญาแฟรนไชส์และภาระภาษี

แฟรนไชส์ซีมีหน้าที่หักภาษีและนำส่งต่อกรมสรรพากรภายใน 7 วัน นับจากวันสิ้นเดือนของเดือนที่มีการจ่ายเงินได้ตามสัญญาแฟรนไชส์ (เงินได้ประเภท 3) ให้แก่แฟรนไชส์ซอร์ ซึ่งเป็น

  • นิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย แฟรนไชส์ซีต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3 ของเงินที่จ่าย
  • นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ที่ไม่ได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แฟรนไชส์ซีต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ของเงินที่จ่าย

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

สัญญาแฟรนไชส์และภาระภาษี

สัญญาแฟรนไชส์ ถือเป็นการให้บริการ กรณีแฟรนไชส์ซอร์อยู่ต่างประเทศ แฟรนไชส์ซีเป็นมาสเตอร์รับสิทธิในประเทศไทย จะเข้าลักษณะเป็นการจ่าย “ค่าบริการ” ให้กับแฟรนไชส์ซอร์ที่อยู่ต่างประเทศ และแฟรนไชส์ซอร์ที่อยู่ต่างประเทศได้ให้มีการใช้บริการนั้นๆ ในประเทศของผู้รับสิทธิ โดยแฟรนไชส์ซี (ผู้รับบริการ) มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 83/6 (2) (แบบ ภ.พ.36)

นั่นคือ สัญญาแฟรนไชส์และภาระภาษี ที่แฟรนไชส์ซีต้องรู้

เจ้าของธุรกิจสนใจขอรับคำปรึกษาธุรกิจแฟรนไชส์ คลิก https://bit.ly/3Z7yYZS

เจ้าของธุรกิจสนใจสมัครคอร์สเรียนแฟรนไชส์อย่างเป็นระบบ คลิก https://bit.ly/3Zwg6U3

รวมบริการ #ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ (Service of ThaiFranchiseCenter)

  • รับจดเครื่องหมายการค้า
  • รับเขียนแผนธุรกิจ
  • รับร่างสัญญาแฟรนไชส์
  • รับสร้างระบบแฟรนไชส์
  • รับปรึกษาแฟรนไชส์
  • รับบริหาร Social Media
  • รับทำ Proposal แฟรนไชส์

สนใจรับคำปรึกษาโทร.02-1019187, Line : @thaifranchise

 

 

หลักสูตร ปั้นธุรกิจ SMEs ให้เป็นแฟรนไชส์

 

 

ข้อมูลจาก https://bit.ly/3ZbZH7A

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3ZdI5IK


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไชส์