“Reebok” สอนธุรกิจ.. กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ ทางลัดสู่ ความสำเร็จ ที่ดีเกินคาด

โลกของธุรกิจไม่ใช่จะมีแค่ในตำราเนื้อหาที่ถูกสอนกันมาแท้ที่จริงก็เป็นเพียงคำบอกเล่าที่ไม่มีวันประสบ ความสำเร็จ ได้ถ้าปราศจากการนำมาใช้ง่ายอย่างถูกวิธี ทั้งนี้การพลิกแพลงดัดแปลง เรียนรู้ สะสมประสบการณ์ถือว่ามีค่ากว่าการเรียนรู้จากตำรานับพันเล่ม ธุรกิจระดับโลกมากมายกว่าจะก้าวมาถึงจุดสูงสุดที่ใครมองว่าสุดยอด

แท้ที่จริงเขาต้องผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านจุดต่ำสุดและแน่นอนว่าเมื่อมีวิกฤติธุรกิจที่โชกโชนย่อมตกผลึกถึงความคิดที่เรียกว่าเป็นสูตรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง “Reebok” ก็เป็นเช่นนั้น และจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีถ้าเราประยุกต์เอาแนวคิดตกผลึกนี้มาใช้กับการทำธุรกิจของตัวเองได้บ้าง

www.ThaiSMEsCenter.com พาทุกท่านมาสู่โลกของธุรกิจที่ใช้หลักการของการเปลี่ยนภาพลักษณ์สร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจชนิดที่เรียกว่ากล้าได้กล้าเสียถือเป็นการเดิมพันที่มีค่าเพราะสุดท้ายถ้ามีการวางแผนอย่างเป็นระบบวิธีการนี้พาธุรกิจของเราไปติดลมบนได้สบายๆทีเดียว

จุดกำเนิดของ Reebok เน้นที่ความเป็นนักกีฬาเท่านั้น!

ความสำเร็จ

ภาพจาก http://goo.gl/XETIuh

Reebok ก่อตั้งขึ้นในปี 1958 จากสไตล์ของการเป็นอุปกรณ์เสริมของร่างกายในการเล่นกีฬาให้มีประสิทธิภาพหรืออีกนัยหนึ่งคือการสร้างภาพจดจำว่าการใส่ Reebok นั้นจะทำให้กลายเป็น Sport man หรือ Sport woman มากขึ้น

สอดคล้องกับแนวทางการออกกำลังกายที่กำลังท็อปฮิตไปทั่วโลก ซึ่งคู่แข่งที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันต่างก็หยิบจับเอาประเด็นนี้ขึ้นมาสู้ ผลที่สุดเมื่อแนวคิดไม่แตกต่างก็ต้องใช้กลยุทธ์เพื่อสร้างการจดจำถึงความเป็นสุดยอดแบรนด์และจุดนี้ที่ทำให้ Reebok ถูกสั่นคลอนจากคู่แข่งรายอื่นๆอยู่ไม่ใช่น้อย

จากข้อมูลทางการตลาดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Reebok มีส่วนแบ่งการตลาดเพียงแค่ 8 เปอร์เซ็นต์ และแนวโน้มก็ดูว่าจะลดลงต่อไปเรื่อยๆอีกด้วย เหตุผลหนึ่งคือการเลือกใช้พรีเซนเตอร์เป็นนักร้องฮิปฮอปชื่อดัง สู้กับแบรนด์คู่แข่งที่เลือกใช้ซุปเปอร์สตา เหตุผลเดียวกันคือแข่งขันกันชูภาพลักษณ์แต่แตกต่างที่กลุ่มคนและฐานการนิยมในพรีเซนเตอร์

ในขณะที่คู่แข่งดึงซุปเปอร์สตาที่เป็นระดับไฮโซทำให้คนที่ติดตามจดจำภาพลักษณ์สินค้าว่าโดดเด่นและเป็นเกรดพรีเมี่ยม ขณะที่นักร้องฮิปฮอปของ Reebok อยู่ในกลุ่มตลาดกลาง

ทำให้การกำหนดราคาขายไม่สามารถโดดเด่นและแพงกว่าคู่แข่งได้ข้อสรุปเรื่องนี้คือในขณะที่ด้านหนึ่งเป็นภาพตัวแทนของชีวิตสุดหรูและทะเยอะทะยาน Reebok กลับเป็นภาพของชุมชนทั่วไปซึ่งเรื่องนี้ฉุดกระแสการซื้อขายและสร้างปัญหาอย่างมากให้กับ Reebok

ปฏิรูปความคิดใช้การตลาดที่สื่อความเป็นตัวเองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

u2

ภาพจาก https://goo.gl/nqiDK6

Marcus Wilson และ Michael Schaeffer หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของ Reebok มองว่าตลาดที่เข้าไปแข่งขันด้วยการชูภาพลักษณ์ที่ผิดเพี้ยนไม่ใช่ตัวตนของ Reebok ที่แท้จริง เพราะจุดกำเนิดของ Reebok คือกีฬาไม่ใช่แฟชั่นหรือว่าสังคมไฮโซ

การเข้าไปแข่งในเวทีที่ไม่มีวันชนะย่อมหมายถึงความเสียหายที่ตามมา Reebok จึงปฏิรูปความคิดหันมาใช้กลยุทธ์เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ 3 อย่างแต่ผลที่ตามมากลับดีเกินคาดแม้ไม่แย่งส่วนแบ่งการตลาดได้มากนักแต่ก็ทำให้ Reebok มีภาพลักษณ์สำหรับการจดจำที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

1.เน้นรูปลักษณ์ที่ความเรียบง่าย

u3

ภาพจาก http://goo.gl/6rAUuu

ความเป็น Reebok คือสวมใส่แล้วต้องสบายไม่จำเป็นต้องโฉบเฉี่ยวหรือเป็นผู้นำแฟชั่นแต่ในกลุ่มคนรักการเล่นกีฬาขอเพียงแค่รองเท้าที่มีประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวที่ให้ความกระฉับกระเฉงด้วยเหตุนี้ Reebok พัฒนาสินค้ามาหลายรุ่นที่ตอบสนองความต้องการชัดเจนที่สุดคือ Reebok EasyTone สำหรับคุณผู้หญิงที่สนใจออกกำลังกาย

แต่ยังขาดความสะดวกสบายเรื่องรองเท้า Reebok EasyTone นี้ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องเน้นความไฮโซแต่ใช้แล้วรู้สึกดีและที่สำคัญเป็นราคาที่ง่ายๆทุกคนสามารถจ่ายเงินและเป็นเจ้าของแบบไม่ยากเย็น

2.สร้างจุดอ่อนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

u4

ภาพจาก http://goo.gl/6rAUuu

การตลาดของ Reebok ถ้าให้สู้กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่คงเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะแนวทางการตลาดที่ก้าวไปไกลกว่าแต่ Reebok เองก็ใช่ว่าจะยอมให้ส่วนแบ่งที่ถือครองอยู่สั่นคลอนได้ง่ายๆ กับแนวทางการนำเสนอที่เปลี่ยนรูปแบบจูงใจให้คนรู้ว่ารองเท้ากีฬาสไตล์ Reebok นั้นแท้ที่จริงมีความสำคัญกับการเล่นกีฬาเพียงใด

แม้ไม่ใช่รองเท้าราคาเลิศหรู แต่ในเมื่อเป้าหมายของการเล่นกีฬาคือเน้นที่สุขภาพหรือว่าชัยชนะ Reebok ไม่สวยเว่อร์แต่พร้อมสู่ความสำเร็จกับการแข่งขันได้ทุกเวลา นั้นคือนิยามที่สื่อออกมาทำให้คนเห็นภาพและรู้สึกถึงทางเลือกที่น่าสนใจทำให้แบรนด์ของ Reebok ชัดเจนในสายตาผู้บริโภคมากขึ้น

3.มีวัฒนธรรมและเรื่องราวของสินค้าที่น่าสนใจ

u5

ภาพจาก https://goo.gl/VWiABL

นั้นคือการสร้าง Story ในแบบที่เราคุ้นเคย สิ่งใดก็ตามถ้ามีแหล่งที่มา มีประวัติศาสตร์ คุณค่าในตัวเองยิ่งสูงขึ้นกรรมวิธีของ Reebok ชูเอกลักษณ์สำคัญผ่านการโฆษณาที่เน้นเรื่องราวมีจุดเริ่ม มีไฮไลต์ มีปัญหา และมีความสำเร็จ

ซึ่งทุกขั้นตอนมีสินค้า Reebok ร่วมอยู่ในทุกเหตุการณ์กลายเป็น ดราม่าน่าสนใจที่ Reebok ไม่ใช่เพียงแค่รองเท้าแต่เป็นมากกว่าจิตวิญญาณยิ่งคนที่มีความฝันมีจินตนาการ Reebok ใช้จุดนี้ดึงความคิดของทุกคนให้เห็นไปในทางเดียวกันเป็น Story เฉพาะทางที่ตอกย้ำไปในความคิดและทำให้คนสนใจผลิตภัณฑ์กันมาขึ้น

การเดินหน้าทางการตลาดของ Reebok ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ จากกลุ่มคนเล่นกีฬา เข้าไปสู่ความนิยมของคนรักสุขภาพยุคใหม่ที่เน้นการเข้า ฟิตเนส ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจสินค้าของ Reebok มีหลายรุ่นที่พัฒนามาให้สอดคล้องกับฐานความต้องการใหม่นี้

ซึ่งคาดว่าผลประกอบการของ Reebok เองจะขยับตัวได้มากขึ้น ก็ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ Reebok เองก็เอามาทุกทางเพื่อให้ต่อสู้ในยุคธุรกิจที่ดุเดือดนี้ได้และรู้สึกว่าการตลาดเมื่อเปลี่ยภาพลักษณ์ไม่ไหลไปตามคู่แข่งจะทำให้ Reebok ดูมีคุณค่าและศรัทธาในตัวสินค้าก็เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าสนใจทีเดียว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://goo.gl/nqiDK6

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด