Price Pattern รูปแบบการกำหนดราคาที่มีประสิทธิภาพ

หากดูผิวเผินการเทรดหุ้น ทองคำ น้ำมันหรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา(ฟอเรกซ์) มักจะไม่มีความซับซ้อน เหมือนดังเช่นการขายของโดยทั่วไปที่เน้นซื้อ “ถูก” แล้วนำไปขาย “แพง” แต่ทำไมจึงมีคนจำนวนมาก “ขาดทุน” จากการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านั้นอยู่

นั่นเพราะในเหตุการณ์จริงมีหลากหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ตลาดมีเกี่ยวเปลี่ยนแปลง ปรับตัวอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้คนมากกว่า 90% ที่ยังขาดทุนและวนเวียนกับการเทรดในรูปแบบเดิมๆ แท้จริงแล้วทุกสินทรัพย์ไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยว่าจุดที่เข้าซื้อนั้นราคาถูกที่สุดหรือยัง ในขณะที่คนขายก็ไม่รู้เช่นกันว่าราคาที่ขายนั้นแพงหรือยัง มีแต่กราฟทางเทคนิคเท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่าควรซื้อและขายในราคาและเวลาที่เหมาะสม

กราฟทางเทคนิคคืออะไร

กราฟทางเทคนิค คือ การวิเคราะห์ราคา ปริมาณและการคาดเดาทิศทางของราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยอาศัยข้อมูลในอดีต โดยสามารถดูได้จากโปรแกรมวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค ตามช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น กราฟรายนาที กราฟรายชั่วโมง กราฟรายวัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถมองในรูปแบบของราคา หรือ Price Pattern ที่มีการวิเคราะห์มาอย่างยาวนาน ซึ่งในปัจจุบันรูปแบบดังกล่าวยังคงได้รับความนิยมและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้เทรดเดอร์นิยมใช้ในการตัดสินใจเพื่อเข้าซื้อและขายสินทรัพย์เหล่านั้นออกมา

3 รูปแบบการกำหนดราคาที่มีประสิทธิภาพ และเห็นได้บ่อยที่สุด

1. Cup and Handle

รูปแบบถ้วยกาแฟ มักเกิดในแนวโน้มขาขึ้น โดยจะมีการสะสมราคาในช่วง Bottom หรือบริเวณก้นถ้วยกาแฟ หลังจากที่ราคามีการปรับตัวขึ้นไปชนแนวต้านแล้วไหลลงเพื่อปรับฐาน จุดสังเกต บริเวณดังกล่าวจะต้องไม่เกิด New Low หรือ จุดต่ำสุดใหม่ อาจจะเป็นลักษณะย่ำฐานราคาแล้วออกด้านข้าง เพื่อรอจังหวะและปรับตัวขึ้น ในครั้งแรกที่ปรับตัวขึ้นไปจะยังไม่ผ่านแนวต้านเดิม บริเวณดังกล่าวเรียกว่า ขอบถ้วย ก่อนพักตัวลงมาเพียงเล็กน้อยเพื่อทำ หู ถ้วย ก่อนปรับตัวขึ้นและทะลุขอบถ้วยขึ้นไปในที่สุด ซึ่งจุดดังกล่าวถือเป็นจุดเข้าสำหรับนักเทคนิคสายกราฟ บริเวณศรชี้

Price Pattern

ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

2. Head and Shoulder

รูปแบบไหลและหัวมักจะเกิดขึ้นไปบ่อยกับตลาดหุ้นไทยและทั่วโลก เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นแล้ว มักจะมีความแม่นยำสูงและคาดว่าจะเกิดจริง ดังจะเห็นได้จากกราฟราคาหุ้นรายตัวและฟอเรกซ์ ถือเป็น1ในรูปแบบที่นักลงทุนควรจดจำและเฝ้าเพื่อทำเงินให้ได้ รูปแบบ Head and Shoulder สามารถเกิดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง เพราะมักจะเกิดบริเวณจุดสูงสุดและต่ำสุดของเทรน หากนักลงทุนเห็นรูปแบบดังกล่าว ควรเฝ้าระมัดระวังเพราะอาจทำให้มีกำไรและขาดทุนได้ รูปแบบของราคา Head and Shoulder จะทำการก่อตัวเพื่อสร้างไหล่ซ้ายและสวนหัวเสียก่อน จากนั้นค่อยทำการสร้างไหลขวา หากเทรดเดอร์มือใหม่ไม่ทันระวังอาจพบกับความเสียหายได้ ในส่วนของขาขึ้นจะเรียกว่า Reverse Head and Shoulder หรือการกลับตัวของรูปแบบหัว-ไหล่ ถือเป็น รูปแบบการกำหนดราคาที่มีประสิทธิภาพ มากที่สุดรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจเข้าซื้อได้ทันพร้อมกับขายเมื่อถึงเป้าหมาย

24

ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

จากรูปด้านบน เป็นรูปแบบ Head and Shoulder ที่เกิดขึ้นใน SET ซึ่งกำลังบ่งบอกว่ากำลังเข้าสู่แนวโน้มขาลง โดยมี Neck Line เป็นจุดตัดขาดทุนสุดท้าย เพราะเป้าหมายของราคาที่ลงไปจะเป็นความสูงจาก Head ถึง Neck Line หรืออาจลงลึกได้กว่านี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น

23

ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

จากรูปกราฟต่อเนื่องจากด้านบน จะเห็นว่า หากหลุด Neck Line แล้วนักลงทุนไม่ยอมตัดขาดทุนหรือ cut loss อาจพบกับการเสียหายมหาศาลได้ เพราะราคาทิ้งดิ่งจนทะลุความสูงของ Head ลงไปเกือบเท่าตัว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2019 ที่ทั่วโลกผจญกับวิกฤตโรคระบาดที่รุนแรง

ในส่วนของ Reverse Head and Shoulder เป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นการเทรดในทองคำ ฟอเร็กส์หรือตลาดหุ้น เทคนิคในการเทรดจะคล้ายกับด้านบน เพียงแต่ใช้ Neck line เป็นจุดเข้าซื้อ ก่อนที่จะขายตามความสูงของ Head หรือปล่อยรันเทรนต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเหตุการณ์ Reverse H&S นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อราคาลดต่ำลงมาในระดับหนึ่ง ก่อนที่จะสร้างจุดต่ำสุดใหม่ ในส่วนของ Head และกลับตัวขึ้น ย่อเพื่อทำ Shoulder แต่ไม่ทำ New Low ตามรูป

22

ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

3. รูปแบบ Triangle

รูปแบบสามเหลี่ยมเป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยทุกช่วง Time Frame และมีหลากหลายรูปแบบให้นักลงทุนได้ศึกษาและหาช่องทางในการทำกำไร โดยเฉพาะการเทรดฟอเรกซ์ที่มักจะเกิดได้บ่อยกว่าการเทรดสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ รูปแบบ Triangle หลักๆ ที่พบได้บ่อยมีด้วยกัน 3 Pattern ดังนี้

1.1 Ascending Triangle เกิดจากการลากเส้น Trend Line 2 เส้น มาบรรจบกัน จนเกิดเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยเส้นแรกจะลากจากจุดสูงสุด ที่ราคาขึ้นมาทดสอบหลายครั้งและไม่สามารถผ่าน ในขณะที่เส้นที่สองจะลากจากจุดต่ำสุดที่ราคามีการปรับตัวลงมาครั้งแรก ไปหาจุดต่ำสุดถัดไปเหมือนเป็นการยก Low ขึ้นเรื่อยๆ โดยจุดเข้าจะเป็นราคาที่เบรกขึ้นหรือลง ทั้งสองฝั่ง ในขณะที่เป้าหมายคือความสูงของสามเหลี่ยม ตามรูป

21

ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

1.2 Symmetrical Triangle คือ รูปแบบสามเหลี่ยมที่มีความลาดเอียงเข้าหากัน คล้ายๆ กับสามเหลี่ยมด้านเท่า ก่อนที่ราคาจะปรับตัวไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ซึ่งรูปแบบ Symmetrical Triangle สามารถหลอกนักลงทุนที่ไม่มีวินัยได้มาก เพราะเวลาที่เกิดสามเหลี่ยมแล้วเบรกลงข้างล่าง มักลงลึกมากกว่าขึ้น หากเกิดรูปแบบดังกล่าวและยังไม่มั่นใจพยายามหลีกเลี่ยงใน Pattern ดังกล่าวนี้

20

ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

1.3 Descending Triangle คือรูปแบบสามเหลี่ยมที่ตรงกันข้ามกับ Ascending Triangle ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นใน Pattern ขาลงแบบต่อเนื่อง เหมือนทำท่าว่าแนวรับดังกล่าวจะสามารถรับได้ ในขณะที่ราคาก็ทำจุดสูงสุดต่ำลงเรื่อยๆ ก่อนที่จะทะลุแนวรับลงไป จุดเข้าคือจุดที่ทะลุแนวรับลงไปนั่นเอง

19

2. ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

2.1 Broadening & Broadening Formation สามเหลี่ยมปากกว้าง ขาขึ้น-ขาลง รูปแบบดังกล่าวมักเกิดขึ้นได้บ่อยในการเทรดที่มี Time Frame ขนาดเล็ก เทรดเดอร์ควรใช้แนวรับ-แนวต้านเข้าช่วยในการตัดสินใจ เพราะสามเหลี่ยมสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเทรนขาขึ้นและเทรนขาลง หากเกิดในเทรนขาขึ้นราคามักจะปรับตัวลง ในขณะที่เกิดในเทรนขาลงราคามักจะปรับตัวขึ้น รูปแบบจะคล้าย Symmetrical Triangle แต่จะเป็นลักษณะบานออก เป็นการสวิงขึ้น สวิงลง ทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดใหม่เกิดขึ้น ภายใน Time Frame นั้นๆ

18

ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

จากรูปเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมปากกว้างในทิศทางขาลงก่อนที่จะทำการเบรกเอ้าท์แล้วปรับตัวขึ้น

3. Double Top

รูปแบบทำจุดสูงสุดคู่ การที่ราคาทำจุดสูงสุด 2 ครั้ง บริเวณแนวต้านเดียวกันแล้วไม่สามารถ Break Out ทะลุออกไปได้ ให้นักลงทุนพึงระวัง เพราะจะทำให้เกิดการปรับตัวลงอย่างรุนแรง นั่นเพราะบริเวณดังกล่าว อาจเป็นแนวต้านที่สำคัญและมีนัยยะ โดยรูปแบบดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อเป็นเทรนขาขึ้นบริเวณจุดสูงสุด ตามรูป

17

ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

4. Double Bottom

เป็นรูปแบบการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น โดยรูปแบบดังกล่าว จะเหมือนกันกับรูปแบบ Double Bottom เพียงแต่เปลี่ยนจากด้านบน มาเป็นด้านล่าง ถือเป็นอีกหนึ่ง รูปแบบการกำหนดราคาที่มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะเวลาที่เกิดเทรนขาลงแบบแรงๆ แล้วมีการรีบาวน์เกิดขึ้น แล้วย่อโดยที่จุดต่ำสุดเท่ากับจุดเดิมก่อนหน้าหรือใกล้เคียงกัน ก่อนที่จะปรับตัวชึ้นเหมือนรูป W

16

ที่มารูปภาพ : https://th.tradingview.com/chart/

จากรูปการทำ Double Bottom สามารถเกิดได้หลายครั้ง และอาจเกิดแบบต่อเนื่องได้ โดยจุดเข้าจะมีด้วยกัน 2 จุดนั่นคือ บริเวณ Low เดิม ที่ไม่หลุดลงไป แต่หากหลุดนักลงทุนจะต้องออกให้ทัน ในขณะที่จุดที่สอง คือจุดปลอดภัย นั่นคือบริเวณเส้นสีเขียว คือรอให้ราคาเบรกขึ้นไปก่อนค่อยเข้าจึงจะปลอดภัยมากที่สุดและขายทำกำไรเมื่อถึงเป้าหมาย

สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และคนที่สนใจการเทรดในช่วงเวลาสั้นๆ กราฟทางเทคนิคมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะรูปแบบราคาต่างๆ ซึ่งมีมากกว่าที่นำเสนอนี้ เพียงแต่รูปแบบที่นำมาแสดงเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นบ่อย ไม่ว่าจะอยู่ใน Time Frame รายนาที รายวันหรือแม่แต่รายสัปดาห์และเป็น รูปแบบการกำหนดราคาที่มีประสิทธิภาพ และให้ความแม่นยำกว่าการเกิดรูปแบบกราฟอื่นๆ นอกจากรูปแบบกราฟดังกล่าวแล้ว เทรดเดอร์จำเป็นจะต้องดูรายละเอียดข้อมูลอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น แรงซื้อ แรงขาย อินดิเคเตอร์อื่นๆ เพื่อความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต