DADDY DOUGH ผู้นำวงการเบเกอรี่ หยุดใช้ “ไขมันทรานส์” รายแรกของประเทศไทย

กลายเป็นกระแสที่ฮือฮาในวงการเบเกอรี่เมืองไทยกับการที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย “ไขมันทรานส์” ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในน้ำมันพืช

โดยได้กำหนดเป็นข้อกฏหมายให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้มีเวลาปรับปรุงโครงสร้างวัตถุดิบการผลิตเป็นเวลา 180 วัน นับแต่วันประกาศ 13 กรกฏาคม 2561 ที่ผ่านมา

สิ่งที่เห็นตามมาคือการเข้าไปสืบค้นความหมายของ “ไขมันทรานส์” ว่าคืออะไร มีผลกระทบอย่างไรกับร่างกาย ยิ่งกว่านั้นสืบค้นกันลึกไปอีกว่ามีเบเกอรี่แบรนด์ไหนอย่างไรที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์กันบ้าง

แต่หนึ่งแบรนด์เบเกอรี่ที่ปรับตัวเรื่องนี้ก่อนใครที่สำคัญไม่ใช่เพิ่งทำแต่ทำมานานกว่า 8 ปีนั้นคือ DADDY DOUGH ที่เป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่หยุดใช้ “ไขมันทรานส์”

www.ThaiSMEsCenter.com มองว่านี่คือการมองการณ์ไกลที่เฉียบขาดจากยุคที่ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมารณรงค์ให้หยุดใช้ “ไขมันทรานส์” แต่ DADDY DOUGH กลับสวนกระแส คิดเอง หยุดใช้เอง และเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง แม้ในช่วงแรกจะยอมรับว่า “โดนลูกค้าบ่นมากกว่าชม” ก็ตาม

ไขมันทรานส์คืออะไร อันตรายแค่ไหน?

ผู้นำวงการเบเกอรี่

ในยุคโซเชี่ยลหลายคนอาจสืบค้นเรื่องนี้กันจนทะลุปรุโปร่งไปแล้วแต่เราจะมาสรุปรวบยอดให้ฟังพอสังเขปกันอีกสักที เผื่อใครยังไม่รู้จะได้รู้กันซะทีเดียว ซึ่งไขมันทรานส์หรือที่รู้จักกันในนาม Trans Fat มักพบได้ในขนม

เช่น เบเกอรี่ หรือ โดนัท ที่ใช้เนยขาว เนยเทียม ครีมเทียม หรือมาการีน เป็นส่วนผสม และเมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะเพิ่มระดับไขมันเลว (LDL) และลดไขมันดี (HDL) ในเส้นเลือด ซึ่งนำไปสู่โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ รวมถึงโรคเบาหวานอีกด้วย

เหตุที่อุตสาหกรรมเบเกอรี่นิยมใช้ไขมันทรานส์เพราะช่วยลดต้นทุนการผลิต และอีกข้อดีคือทำให้เบเกอรี่มีความหอมยิ่งขึ้น แต่องค์การอนามัยโลก (WHO ) ตระหนักในอันตรายแบบภัยเงียบ

m3

จึงได้ประกาศแผนให้รัฐบาลทั่วโลกห้ามการใช้ไขมันทรานส์ ซึ่ง WHO เชื่อว่าหากสามารถกำจัดไขมันทรานส์ให้หมดไปจากอุตสาหกรรมอาหารภายในปี 2023 จะรักษาชีวิตประชากรโลกไว้ได้อีกกว่า 10 ล้านคน

ทั้งนี้หลายประเทศทั่วโลกต่างก็ตอบรับการยกเลิกใช้ไขมันทรานส์ในอุตสาหกรรมอาหาร อย่างเดนมาร์กที่หยุดใช้อย่างสิ้นเชิงมาตั้งแต่ปี 2003 หรือแม้แต่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) เคยให้เวลา 3 ปีสำหรับผู้ประกอบการในการยกเลิกไขมันทรานส์และเพิ่งครบกำหนดเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

DADDY DOUGH มองการณ์ไกลเลิกใช้ ไขมันทรานส์ ตั้งแต่ 8 ปีก่อน

mm2

เราได้พูดคุยกับคุณ ปกรณ์ ทวีผลเจริญ หนึ่งในผู้บริหารกิจการของ DADDY DOUGH ที่พูดถึงธุรกิจนี้ว่าเริ่มมาจากคุณพ่อสมชาย ทวีผลเจริญที่เริ่มเปิดร้านเบเกอรี่ครั้งแรกในอเมริกาเมื่อปี 1985 จากนั้นได้นำเอาสูตรแป้งพร้อมเครื่องจักรมาตั้งธุรกิจในเมืองไทย เปิดสาขาของ DADDY DOUGH แห่งแรกที่ร้านอาหาร Maria Pizzeria ย่านถนนสีลม

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2549 ในช่วงแรกก็ยังเป็นการใช้วัตถุดิบทั่วไป ซึ่งอาจมีส่วนผสมประกอบของไขมันทรานส์บ้าง แต่จากการศึกษาเบเกอรี่ของต่างประเทศ พบว่ามีหลายแบรนด์ที่ Trans fat free หรือปราศจากไขมันทรานส์ เป็นจุดเริ่มที่ทำให้ DADDY DOUGH มองการณ์ไกลว่าหากต้องการเป็นเบเกอรี่ที่ขยายตลาดเมืองนอกได้ การหันมาปราศจากไขมันทรานส์ เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง

mm3

ประมาณปี 2552 ที่ DADDY DOUGH ปรับปรุงสูตรการผลิตใหม่ทั้งหมด ยกเลิกวัตถุดิบที่มีไขมันทรานส์ ในช่วงแรกยอมรับว่าลูกค้าไม่เข้าใจ หลายคนบ่นปนด่าว่าทำไมรสชาติเปลี่ยนไป ไม่อร่อยเหมือนเดิม จนคุณปกรณ์บอกว่า ก็เริ่มท้อใจและคิดจะกลับไปใช้สูตรเดิม แต่คิดว่าจะเป็นเรื่องดีกว่าหากสิ่งที่ทำนี้คือการลงทุนเพื่ออนาคต

นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ DADDY DOUGH เดินหน้าต่อทำสินค้าแบบปราศจากไขมันทรานส์ โดยพยายามปรับสูตรแป้งให้สอดคล้องกับวิธีการผลิตแบบใหม่ ซึ่งในช่วงแรกที่ปรับเปลี่ยนยอมรับว่ามีผลกระทบต่อยอดขาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปลูกค้าเริ่มยอมรับได้ ธุรกิจก็เริ่มเดินหน้าและกลายมาเป็น DADDY DOUGH เบเกอรี่ที่ปราศจากไขมันทรานส์รายแรกของประเทศไทยในที่สุด

DADDY DOUGH เบเกอรี่ไร้ไขมันทรานส์ ตัวจริงเสียงจริง

m4

ประมาณ 2 ปีก่อนนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ทำการประชุมผู้ประกอบการเบเกอรี่ในประเทศไทยเกี่ยวกับการจะประกาศกฏหมายยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ ซึ่ง DADDY DOUGH ได้กลายมาเป็นตัวอย่างอันดีให้กับผู้ประกอบมองเห็นว่า แม้การยกเลิกใช้ไขมันทรานส์จะมีส่วนทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น

แต่ประชาชนก็จะมีอาหารที่ปลอดภัยและลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้มากขึ้นที่สำคัญ DADDY DOUGH ทำให้เห็นแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ส่งผลต่อธุรกิจในระยะยาวเพราะปัจจุบัน DADDY DOUGH ก็มีสาขาทั่วประเทศกว่า 18 แห่งและได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ ปตท.ในการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ขยายกิจการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ไขมันทรานส์จากมาตราฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ คือสูงสุดไม่เกิน 0.5 กรัม/ หน่วยบริโภค ซึ่งหากน้อยกว่าที่กำหนดนี้ถือว่าไม่มีโทษต่อร่างกายถือว่าเป็น Trans fat freeซึ่งจากการทดสอบปรากฏว่า DADDY DOUGH มีปริมาณไขมันทรานส์ 0.0729 กรัม/ ชิ้น ถือว่าเป็นTrans fat free แบบ 100%

DADDY DOUGH พร้อมขยายธุรกิจโตต่อเนื่อง

m5

จุดเด่นของ DADDY DOUGH ที่เป็น Trans fat free แบบ 100% ในยุคที่กระแสสุขภาพมาแรงถือเป็นเบเกอรี่อันดับต้นๆของเมืองไทยที่คนสนใจอย่างมาก และด้วยราคาที่ไม่แพงเพียงชิ้นละ 28 บาททุกรสชาติ รวมถึงมีการคิดค้นเครื่องดื่มรวมถึงพาย

และเมนูขนมต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่น่าแปลกใจที่ DADDY DOUGH จะเติบโตได้ดีในด้านการลงทุนและยิ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับ ปตท. ในการขยายสาขาซึ่งคุณปกรณ์ตั้งเป้าว่าในปี 2561

จะขยายเพิ่มได้อีก 5-10 สาขาพร้อมการเติบโตไปยังต่างประเทศซึ่งถือว่ามีความพร้อมเพราะสินค้าเองก็ได้มาตรฐานระดับสากล และในขณะที่ผู้ประกอบการเบเกอรี่รายอื่น กำลังสาละวนกับการจัดการโครงสร้างการผลิต ต้องคิดวิเคราะห์หาทางจัดการต้นทุนให้เหมาะสม

m2

DADDY DOUGH เองสามารถใช้ช่วงเวลานี้ในการต่อยอดธุรกิจให้ไปได้เร็วกว่าเพราะการที่เปลี่ยนตัวเองเมื่อประมาณ 8 ปีก่อนทำให้วันนี้ DADDY DOUGH มีความแข็งแกร่งพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้เข้ามามีส่วนร่วม

และสามารถต่อขยายธุรกิจตัวเองให้เดินหน้า ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เอาประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ และคำนึงถึงสุขภาพคนกินเป็นอันดับแรกและจากผลของการเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนใครทำให้ DADDY DOUGH วันนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำของเบเกอรี่เพื่อสุขภาพหมายเลขหนึ่งของประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ

m6

m7

สนใจรายละเอียดการลงทุนสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.daddydough.com

หรือหากท่านต้องการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์อื่นๆสามารถเลือกการลงทุนได้ตามต้องการ ดูรายละเอียดที่ goo.gl/cGFuaG

ภาพจาก facebook.com/daddydough

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด