8 บริษัทชื่อดัง แสดงความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบไวรัสโคโรน่าที่มีต่อธุรกิจของพวกเขา

ธุรกิจค้าปลีกในเวลานี้เริ่มมีการปิดตัวทั่วประเทศจากเหตุไวรัสโคโรน่าได้ระบาด ในช่วงเวลาเดียวกัน ธุรกิจระหว่างประเทศได้เริ่มจับตาเฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ห่วงโซ่อุปทานได้เสื่อมถอยลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคจนนำไปสู่การเสียชีวิตและเจ็บไข้ได้ป่วย ทำให้เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยง สอดคล้องกับธนาคารกลาง

ทาง Business Insider ได้ทำการติดต่อกับบริษัทต่าง ๆ ที่พบว่า พวกเขาเองก็ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสระบาด นี่เป็นมุมมองที่แตกต่างกันในส่วนของบริษัทต่าง ๆ ทั้งบริษัทแบรนด์ชื่อดังกับบริษัทฟาสต์ฟู้ดที่ได้ตอบเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัส

Walmart

ภาพจาก Kim Kyung-Hoon/Reuters

ผู้บริหาร Walmart เจอกับผลกระทบการค้าปลีกที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรน่าที่แพร่ระบาดในเมืองจีนระหว่างที่บริษัทได้จัดงานอีเว้นท์การลงทุนเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์

“พวกเราได้จัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสโคโรน่าในแต่ละวัน” Doug Mcmillon ซึ่งเป็น CEO ได้กล่าวเอาไว้ก่อนที่จะมีการนำเสนอเรื่องนี้ “เป้าหมายหลักของพวกเรานั้น แน่นอนโฟกัสไปที่เรื่องของคนของพวกเรากับผู้บริโภคของพวกเรา”

บริษัทคาดว่า ผลลัพธ์ทางการเงินออกมาเป็นลบในช่วงไตรมาสแรกอันเนื่องมาจากการแพร่เชื้อไวรัส เช่นกันทาง Walmart ได้ลงทุนในเรื่องการจัดส่งมากขึ้นผ่านหุ้นส่วนจีนและโลจิสติกส์กับบริษัท Dada-JD Daojia

แต่ผู้ค้าปลีกยังคงเดินหน้าทำธุรกิจในประเทศจีนต่อไป แม้ว่าจะมีการลดชั่วโมงการทำงานก็ตาม

“พวกเรายังคงเปิดร้านค้าต่อไป” McMillion กล่าว “ลูกค้าต้องการพวกเรา พวกเราเคยทำมาแล้วในช่วงที่พายุเฮอร์ริเคนเข้ามาในอเมริกา และพวกเราจะทำแบบเดียวกันในประเทศจีน”

Burberry

ภาพจาก Thomas Peter/Reuters

ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสส่งผลต่อกิจการของ Burberry และแบรนด์แฟชั่นหรูที่อื่น

“การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่มาจากประเทศจีนส่งผลให้สินค้าฟุ่มเฟือยมีความต้องการน้อยลง” Marco Gobbetti ซึ่งเป็น CEO ของ Burberry ได้กล่าวเอาไว้กับ Business Insider “ในขณะเดียวกันพวกเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า สถานการณ์จะจบลงที่ตรงไหน พวกเรายังคงมีความเชื่อมั่นในยุทธศาสตร์ของพวกเราอยู่”

ร้านค้า 24 แห่งจากทั้งหมด 64 แห่งได้ปิดตัวลงในประเทศจีนแล้ว ในขณะที่ 40 แห่งที่เหลือยังคงทำงานภายใต้ “การลดระยะเวลาในการทำงาน” “จากสัญญาณที่เป็นเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญ”

ทางด้าน Gobbetti ได้กล่าวเอาไว้ในแถลงการณ์ของบริษัทว่า “จะต้องเยียวยาบรรเทาและดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่า มีความปลอดภัยและทำให้พนักงานมีความเป็นอยู่ที่ดี”

Home Depot

ภาพจาก Donald Chan/Reuters

สอดคล้องกับ Seth Basham ซึ่งเป็นผู้อำนวยการทางด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่ Wedbush Security, Home Depot ได้พูดถึงผลิตภัณฑ์สินค้าของจีนกว่า 30 % เอาไว้ว่า

“นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน โดยพวกเราได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด” ตัวแทน Home Depot ได้กล่าวใน Business Insider “พวกเรายังคงยึดมั่นในผู้ผลิตของพวกเราและยังคงวางแผนเพื่อให้แน่ใจว่า จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานให้น้อยที่สุด”

ทางด้าน Basham ได้กล่าวว่า “ความไม่แน่นอนของผู้บริโภค” ทำให้นักช็อป “ทำการชะลอโครงการปรับปรุงบ้าน” ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลต่ออุตสาหกรรมการปรับปรุงบ้าน

McDonald’s

ภาพจาก Jason Lee/File Photo/Reuters

“สถานการณ์ในประเทศมีความไม่แน่นอนและมีความเชื่อมโยงกับเรา” Chris Kemczinski ประธานและ CEO ของ McDonald’s ได้กล่าวเอาไว้เกี่ยวกับรายได้ “ตอนนี้อย่างที่คุณคาดการณ์เอาไว้ พวกเราจะต้องดูแลเอาใจใส่พนักงานของพวกเรา ทั้งลูกค้าของพวกเรา โดยที่พวกเราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขามีความปลอดภัยและสุขภาพดี”

จนถึงตอนนี้ Kempczinski ได้กล่าวว่า บริษัทได้ทำงานกับพื้นที่ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด โดยทำการป้องกันการแพร่ระบาดและควบคุมความเสี่ยงอย่างเต็มที่ และจะต้องจัดเตรียมอาหารให้กับเจ้าหน้าที่พยาบาล ทาง McDonald’s ได้เปิดร้านภัตตาคารทั้งหมดในจังหวัดหูเป่ยของประเทศจีนหมดแล้ว เขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การแพร่ระบาดจริง ๆ แล้ว “ส่วนที่ส่งผลต่อธุรกิจของพวกเราเป็นเรื่องเล็กน้อย” เมื่อเทียบกับไวรัสที่หลงเหลืออยู่ในประเทศจีน

“ที่สำคัญก็คือ พวกเรายังคงเปิดภัตตาคารกว่า 3 พันแห่งในประเทศ” เขากล่าว “ด้วยเหตุนี้แม้ว่าจะมีร้านพันกว่าแห่งที่ถูกปิดแต่ก็ยังมีร้านอีก 3000 แห่งที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่”

Walgreens Boots Alliance

ภาพจาก Mohammad Khursheed/Reuters

Walgreens Boots Alliance ได้สังเกตถึงแนวโน้มความต้องการสินค้าอย่างเช่นหน้ากาอนามัยกับเจลล้างมือหลายพื้นที่ด้วยกัน

“พวกเรายังคงทำงานกับหุ้นส่วนผู้ผลิตของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่า พวกเรายังคงเป็นที่ต้องการของลูกค้าของพวกเราอยู่” ตัวแทน Walgreen ได้กล่าว

The person ได้กล่าวว่า ย้อนกลับไปในปี 2018 บริษัท Sinophram Holding Guoda Drugstore ซึ่งได้ทำธุรกิจขายยาก็ได้เริ่มวางมาตรการป้องกันพนักงานแล้ว

“ในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับแพทย์ของพวกเรากับการทำให้ที่ทำงานมีความปลอดภัยนั้น พวกเราต้องทำการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับยาให้กับทีมสมาชิกเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ป่วยโดยใช้ข้อมูลอัพเดตล่าสุดจากเจ้าหน้าที่กรมสาธารณสุขและ” The person กล่าว

Starbucks

ภาพจาก bit.ly/2VNfbkI

ไม่นานมานี้มีการแถลงผลกำไรของทาง Starbuck ว่า ธุรกิจกาแฟได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า

ประธานและ CEO ของบริษัทอย่าง Kevin Johnson ได้กล่าวว่า บริษัทที่เป็นหุ้นส่วนในประเทศจีนได้เฝ้าติดตามรายงานของเจ้าหน้าที่กรมอนามัยเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าอย่างเคร่งครัด”

ธุรกิจ Starbuck ในประเทศจีนได้ปิดตัวลงไปมากกว่าครึ่ง ในขณะที่ร้านกาแฟเจ้าอื่นยังเปิดปกติพร้อมกับวางมาตรการรับมือ “การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า” สอดคล้องกับรายงาน โดยบริษัทได้กล่าวว่า ปัจจัยทางด้านการเงินยังคงไม่เปลี่ยนจากเหตุไวรัสโคโรน่า ตลอดจนถึงทำการจับตาเฝ้าดูในช่วงที่ผู้คนแห่เดินกันน้อยลงกับ “ความท้าทายทางธุรกิจที่เป็นอยู่”

“พวกเรายังคงมองโลกในแง่ดีและยังคงมองหาโอกาสในระยะยาวกับประเทศจีน โดยพวกเราได้สร้างแบรนด์เป็นที่จดจำและเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ผลกำไรของพวกเราเติบโตขึ้น” Johnson กล่าว

Macy’s

ภาพจาก Bethany Biron/Business Insider

มีการประชุมนักลงทุนเมื่อวันที่ 25 เดือนกุมภาพันธ์ โดย CFO ของบริษัท Macy อย่าง Paula Price ได้กล่าวว่า “มันเร็วเกินไปที่รู้เรื่องนี้” จากผลกระทบที่เกิดขึ้นของไวรัสโคโรน่า บริษัทคาดว่าจะมียอดขายต่างประเทศลดน้อยลงและทำการชะลอการส่งสินค้าที่มาจากประเทศจีนไปก่อน

“พวกเราคาดว่า ยังมีผลกระทบยอดขายต่างประเทศในส่วนที่มาจากการท่องเที่ยว” Price กล่าว “พวกเรายังคงทำงานร่วมกับหุ้นส่วนจัดจำหน่ายที่ได้รับผลกระทบไม่มากนักอยู่”

ระหว่างที่ทำการประชุมนั้น ทาง CEO ของบริษัท Macy อย่าง Jeff Genette ได้กล่าวว่า ในขณะที่บริษัทที่ตั้งอยู่ในฮ่องกง ยังคงเปิดทำงานปกติตั้งแต่พนักงานได้กลับมาในช่วงเทศกาลวันหยุด อย่างไรก็ดีทาง Macy มีนโยบายที่ยืดหยุ่นในช่วงที่เจอกับโรคซาร์สระบาดเมื่อปี 2002 เขากล่าว

จากการที่เจอกับปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ทางด้าน Gennette ได้กล่าวว่า ในช่วงปี 2019 ภาษีสำหรับชาวจีนช่วงคงช่วยให้ผู้ค้าปลีกเข้าใจในผู้ขายได้ดีขึ้นและต่อมามีมาตรการเยียวยาระหว่างที่ทำการจับตาเฝ้าดูเชื้อไวรัสโคโรน่า

“พวกเราคาดว่าจะมีการชะลอการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มาจากจีน แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่น่ากังวลในเวลานี้” เขากล่าว “นี่เป็นตัวอย่างสถานการณ์ทางภาษีที่กินเวลามากกว่า 18 เดือนที่ช่วยให้พวกเราได้จับตาเฝ้าดูประเทศจีนและผู้ขาย”

KFC, Pizza Hut, Taco Bell และแบรนด์ภายใต้ Yum China

ภาพจาก Aly Song/Reuters

บริษัท Yum China ได้แยกตัวออกมาจากบริษัทจาก Yum Brand ในปี 2016 โดยเมืองเซี่ยงไฮ้นั้นมีบริษัทที่บริหารอิสระทั้งในส่วนของ KFC, Taco Bell และ Pizza Hut ในประเทศจีนและอยู่ภายใต้เจ้าของแบรนด์อื่น ๆ

ในผลประกอบการล่าสุดของบริษัทนั้น ทาง CFO Ka Wai Yeung ได้กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ระบาดก่อนมีเทศกาลวันหยุด ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่ผู้คนส่วนใหญ่ซื้อของกันในประเทศจีน “จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจของพวกเรามีปัญหาอย่างมีนัยสำคัญ”

“ผลกระทบตรงนี้ทำให้ภัตตาคารของพวกเราได้ทำการปิดชั่วคราว เช่นเดียวกับการที่ยอดขายร้านภัตตาคารที่ลดน้อยลงขณะที่ส่วนที่เหลือยังเปิดทำการอยู่” Yeung กล่าว

CFO ได้ทำการอธิบายไปว่า “ทั้งข้อจำกัดการเดินทาง, การยกเลิกงานเทศกาลต่าง ๆ และการเปิดทำการเพียงแค่ชั่วเวลาสั้น ๆ” นั้น เป็นตัวที่สร้างความเจ็บปวดเช่นกัน แต่จุดสำคัญนั้น Yeung ได้กล่าวว่า “การจัดส่งสินค้าได้มีการชะลอลงไป” สำหรับ Yum China

“ตอนนี้ในการปกป้องลูกค้ากับพนักงานของพวกเรานั้น พวกเราได้ขยายพื้นที่การจัดส่งสินค้าน้อยลง ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับลูกค้าของพวกเรา” Yeung กล่าว “นอกจากนั้นแล้ว พวกเราได้ทำการเพิ่มช่องทางการสั่งซื้อทางออนไลน์ ซึ่งเป็นการลดช่องทางการให้บริการและมองหาทางเลือกอื่นเพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดูดี”

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

ที่มา : https://bit.ly/39tdJYx

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3aBMNpO