7 Startup จากญี่ปุ่น! คิดล้ำๆ เพื่อกำไรที่ดี

ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ก้าวล้ำใน เรื่องเทคโนโลยี อย่างมากรวมถึงหลายธุรกิจก็ล้วนแต่น่าสนใจและมีความแปลกใหม่ที่ชวนให้คนทั่วโลกสนใจได้เป็นอย่างมาก

ในยุคที่สตาร์ทอัพกำลังเติบโตได้ดีประเทศญี่ปุ่นเองก็มีแนวคิดของธุรกิจสตาร์ทอัพเช่นกันและดูเหมือนว่าสตาร์ทอัพในญี่ปุ่นจะคงคอนเซปต์ล้ำหน้าไว้ได้เช่นเคยซึ่งข้อมูลที่เรานำมาเสนอให้ได้รับทราบกันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com หวังว่าจะใช้เป็นแรงบันดาลใจดีๆให้กับนักคิดเมืองไทยที่อยากมีธุรกิจสตาร์ทอัพได้มีแนวทางในการสร้างธุรกิจที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

1. TABICA

ภาพจาก goo.gl/xqEtwW,  goo.gl/DDgMl7

เป็น Startup ประเภทบริการท่องเที่ยวที่ให้บริการจัดทริปพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นในต่างจังหวัดภายใน 1 วัน ซึ่งบริษัท TABICA นี้จับจุดความน่าสนใจและใช้จุดแข็งของการที่ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากซึ่งบางคนก็มีปัญหาในเรื่องการเดินทาง การหาที่พัก และอื่นๆอีกมากมายนั้นคือการบริการของ Startup นี้

2. Notteco

ภาพจาก goo.gl/kXNjeU

ธุรกิจให้บริการแชร์การเดินทางระยะไกลในประเทศญี่ปุ่น เพราะในญี่ปุ่นแล้วส่วนใหญ่จะใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก แต่สำหรับบางคนที่มีรถยนต์แล้วต้องการจะแชร์การเดินทางไปยังต่างจังหวัดไกลๆก็สามารถเปิดรับผู้ร่วมเดินทางไปด้วยกันได้ผ่านแอพพลิเคชั่นของ Notteco

ซึ่งจะคล้ายกับ Uber แต่ Notteco นั้นจะเน้นระยะทางไกลข้ามจังหวัดเท่านั้น บริการของเขาถือเป็นการช่วยเหลือคนญี่ปุ่นในต่างจังหวัดที่ไม่สามารถขับรถได้โดยเฉพาะคนสูงอายุ จนทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นปรับกฏหมายสำหรับบริการ Carpooling System อีกด้วย

3. Dverse

ภาพจาก goo.gl/Dp2Uhz

ธุรกิจที่พัฒนาซอฟแวร์เกี่ยวกับการสร้างสรรผลงานในรูปแบบของ Virtual Reality ในชื่อว่า SYMMETRY ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ถือเป็น Startup ที่มีทีมงานที่มากความรู้และด้วยประสบการณ์และยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมกำหนดทิศทางของอุตสากรรม Virtual Reality ในประเทศญี่ปุ่นด้วย

จากการที่ Dverse เป็นสมาชิกของ VR Consortium Japan และ The Virtual Reality Society of Japan ทำให้มีกลุ่มนักลงทุน VC หลายรายให้เงินสนับสนุนตลอดมา โดยในปัจจุบัน Dverse ได้รับเงินสนับสนุน(Funding) ไปแล้ว $1.16M จำนวน 2 รอบจากผู้ลงทุน(Investors) ทั้งหมด 8 รายด้วยกัน

4. Hoomano

ภาพจาก goo.gl/0qaynd

นี่คือ Startup ที่เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจของหลายๆคนเนื่องจากเขาเป็นเจ้าของผลงานหุ่นยนต์อัจฉริยะ Pepper อันโด่งดัง Hoomano นั้นมุ่งพัฒนาซอฟแวร์สำหรับหุ่นยนต์เพื่อการพาณิชย์ โดยซอฟแวร์ที่ทาง Hommano พัฒนาขึ้นมานั้นจะเป็นลักษณะ Interactive Intelligence

เพื่อให้สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ในการช่วยเหลือและให้บริการต่างๆได้ เช่นหุ่นยนต์ Aldebaran Nao ตัวแรกที่ทาง Softbank Robotics ได้ซื้อกิจการไป หรือจะเป็นเหุ่นยนต์ Pepper ที่นักท่องเที่ยวเห็นอยู่ตามสนามบินและตามร้านค้าต่างๆในประเทศญี่ปุ่น ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่ทาง Hoomano สร้างขึ้นมาทั้งนั้น

5. Crowd Realty

ภาพจาก www.crowd-realty.com

Startup ที่ให้บริการเกี่ยวกับ “Peer to Property Funding Marketplace” หมายถึงการเป็น Crowdfunding Service ใหม่สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และเงินกู้/หลักทรัพย์ หรือจะเรียกอีกอย่างว่าเป็น P2P (peer-to-peer) platform for real estate

ก็ได้ อธิบายง่ายๆก็คือใครอยากจะร่วมลงทุนให้เกิดโครงการบ้าน คอมโด อาคารเช่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ก็มาร่วมลงทุนกันผ่าน Platform ของ Crowd Realty ได้เลย ซึ่งตัวบริษัท Crowd Realty เองก็ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ

6. Hyakusenrenma

ภาพจาก goo.gl/ZfqEru

Startup ประเภทบริการเช่าห้องพักในประเทศญี่ปุ่น คล้ายกับบริการ Airbnb ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 และมีบริการเช่าบ้านทั้งหลังในประเทศญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย นอกจากนั้นทาง Hyakusenrenma ก็มีบริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าพักในบ้านของชาวนาหรือ

ชาวประมงเพื่อการท่องเทียวแบบศึกษาวิถีชีวิตในชนบทอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่ง Startup ประเภท Sharing Economy ที่น่าสนใจมาก โดยรวมแล้ว Hyakusenrenma ได้รับเงินสนับสนุน ไปแล้วถึง $14.97M จำนวน 3 รอบจากผู้ลงทุน ทั้งหมด 5 รายด้วยกัน

7. Mebiol

ภาพจาก goo.gl/8tuUtx

ถือเป็น Startup ที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก จากนวัฒตกรรมที่ทาง Mebiol คิดค้นขึ้นมาเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ด้วยแผ่นฟิล์ม (Film Planting) ด้วยเทคโนโลยี Hydrogel Agriculture Technology จนเกิดเป็นแผ่นฟิล์มใสที่ชื่อว่า “Hymec”

ซึ่งแผ่นฟิล์มหน้าตาคล้ายแผ่นพลาสติกใสนี้ ช่วยให้การทำฟาร์มในเมืองที่มีความแห้งแล้งหรือเป็นแหล่งโรงงานต่างๆที่มีอุณหภูมิสูงอย่างในทะเลทรายและแม้กระทั่งบริเวณที่อยู่ใกล้ในเตาเผาขยะ ก็สามารถปลูกพืชทางการเกษตรได้

ตัวอย่างฟิล์ม Mymec ได้ถูกนำไปใช้คือโรงแรม Kyoto Brighton ได้ทำการปลูกมะเขือเทศบนพื้นคอนกรีตในเรือนกระจกล้อมด้วยไม้ไผ่ของโรงแรมเพื่อนำมาใช้ประกอบอาหารลดการสั่งมาจากแห่งอื่น

หรือล่าสุดก็เป็นฟาร์มทดลองในดูไบซึ่ง Hymec ทำให้มีการใช้น้ำในปริมาณที่ต่ำและลดการใช้เครื่องปรับอากาศในการปลูกพืชไปได้มาก อีกทั้งยังเป็นหนทางการนำเข้าพืชผักที่มีราคาแพงและคาร์บอนสูงจากยุโรปได้ด้วย

จะเห็นได้ว่าคำว่าStartup ในมุมมองของคนญี่ปุ่นนั้นให้ความสำคัญกับไอเดียมากที่สุดหลายธุรกิจเป็นการจับโจทย์ในสิ่งที่คนต้องการแต่ว่ายังไม่มีสินค้าและบริการนั้นๆ โดยอาศัยความโดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำธุรกิจ

ซึ่งในประเทศไทยจะว่าไปแล้วศักยภาพในเรื่องปัจจัยโดยรอบก็ไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือคนไทยไม่ได้ถูกสอนมาให้เป็นนักคิดซึ่งหากเราก้าวข้ามกำแพงนี้ได้เชื่อว่ามีอีกหลายโปรเจคน่าสนใจที่ทำให้เป็นสตาร์ทอัพได้ดีไม่แพ้ญี่ปุ่นเลยทีเดียว

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S