7 เหตุผลต้องเข้าใจ!เพื่อทำธุรกิจเจาะตลาดเมืองจีน

เชื่อว่าทุกคนที่ทำธุรกิจต้องมีความคิดใน การขยายฐานธุรกิจ ของตัวเองเข้าไปในประเทศจีน ด้วยจำนวนประชากรที่มากติดอันดับโลก รวมถึงการพัฒนาเรื่องรายได้ของคนจีนยุคใหม่ที่ทำให้เกิดกำลังซื้อมหาศาลแต่ทว่าหลายธุรกิจที่เคยมีแนวคิดนี้กลับคว้าน้ำเหลวกับการเปิดตลาดจีนที่ดูว่าเป็นช่องทางสดใสแต่การทำกำไรจากตลาดจีนนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนัก

www.ThaiSMEsCenter.com เองก็มุ่งหวังที่จะให้คนทำธุรกิจทุกคนได้มีช่องทางในการเติบโตดังนั้นเราจึงสรรหาบทความที่เป็นไกด์ไลน์ดีๆสำหรับคนที่กำลังหาช่องทางว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำให้การเจาะตลาดเมืองจีนนั้นสัมฤทธิ์ผลได้มากที่สุด

โดยการตั้งเป้าในภาคธุรกิจกับส่วนแบ่งการตลาดในจีนนั้นก็ไม่ต้องมากขอเพียงสัก 5-10% ของประชากรจีนที่หันมาใช้สินค้าและบริการก็สร้างตัวเลขกำไรให้กับธุรกิจได้งดงามมาก ดังนั้นลองมาดู 7 เหตุผลที่เราต้องรู้ไว้เพื่อให้การขยายตลาดในเมืองจีนเป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างที่ตั้งใจไว้

1. ต้องหาแผนการตลาดที่เหมาะสมกับคนจีนเท่านั้น

การขยายฐานธุรกิจ

ภาพจาก goo.gl/b5AT1m

หลายๆ แบรนด์จากนานาประเทศที่เข้ามาขุดทองในแผ่นดินจีนมักจะใช้แผนการตลาดแบบเดียวกับที่ทำในตลาดยุโรปหรือว่าสหรัฐ ซึ่งทั้งสองตลาดที่ว่านี้ต่างก็เป็นตลาดใหญ่ระดับโลก แต่สุดท้ายแล้วก็จะพบว่ารูปแบบการโฆษณาหรือแคมเปญต่างๆ นั้นมันไม่โดนใจคนท้องถิ่นเลยแม้แต่น้อยย้อนกลับไปดูรายชื่อแบรนด์ระดับโลกที่มาตกม้าตายในจีนก็มีตั้งแต่ Gap, Walmart และ Mark & Spencer

ยกตัวอย่าง Walmart ที่วางตำแหน่งของตัวเองเป็นแบรนด์ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนในราคาประหยัด แต่ผู้บริโภคในจีนมอง Walmart เป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมเพราะสินค้าแบบเดียวกันที่อยู่ใน Walmart นั้นแพงกว่าร้านธรรมดาที่เป็นร้านค้าแบบท้องถิ่นซึ่งคนจีนจะนิยมมากกว่า

2. เอาตลาดฮ่องกงมาอ้างอิงในตลาดเมืองจีนไม่ได้

n2

ภาพจาก goo.gl/ePHfbg

ถึงแม้ว่าฮ่องกงจะเป็นเขตการปกครองพิเศษของจีน แต่ผู้บริโภคใน 2 ประเทศนี้อยู่คนละพื้นที่กัน ดังนั้น แบรนด์จากตะวันตกที่ทำวิจัยตลาดในฮ่องกงมาแล้วจึงไม่สามารถนำมาอ้างอิงถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในจีนได้

แม้รูปแบบการดำเนินชีวิตจะคล้ายคลึงกันแต่จิตวิญญาณของคนจีนนั้นเป็นแบบดั้งเดิมและหยั่งรากลึกกว่าฮ่องกงที่เป็นประเทศยุคใหม่ดังนั้นการตลาดจะใช้ร่วมกันนั้นคงเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว

3. ต้องทำใจกับการเผชิญหน้ากับแบรนด์สินค้าท้องถิ่น

n3

ภาพจาก goo.gl/PSlK1I

อย่างที่เราเห็นว่าจีนเป็นตลาดใหญ่มาก แบรนด์ท้องถิ่นจึงมีโอกาสที่จะขยายตัวมากขึ้นตามไปด้วย แบรนด์เหล่านี้จึงสามารถสู้กับแบรนด์ดังระดับโลกได้แบบสบายๆ เมื่อเป็นเจ้าบ้าน

รวมไปถึงรัฐบาลจีนเองก็สนับสนุนแบรนด์ภายในประเทศมากกว่าปัจจัยแห่งความสำเร็จที่จะทำให้แบรนด์ใหญ่ระดับโลกประสบความสำเร็จในจีน คือการแปลงความเป็นอินเตอร์ให้เข้ากับผู้บริโภคในจีน หรือ Localisation ถ้าไม่จ้างนักการตลาดที่เป็นคนท้องถิ่นหรือคนที่มีความเข้าใจในตลาดจีนเป็นอย่างดีก็คงเป็นเรื่องที่ยากลำบากในการทำตลาดมากทีเดียว

4. ต้องทำตลาดแบบ Nichemarket

n4

ภาพจาก goo.gl/QKAc1g

ตลาดจีนกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดที่กลุ่มผู้บริโภคระดับบนๆ กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะและโดดเด่น โดย 3 ปีก่อนหน้านี้ ทุกคนจะใช้ของเหมือนๆ กัน แต่มาวันนี้ผู้บริโภคในจีนเริ่มต้องการสินค้าที่มีความเฉพาะตัวมากขึ้น และอยากจะแตกต่างจากคนอื่นๆ แล้ว การทำตลาดด้วยนิชแบรนด์จะตอบโจทย์นี้ได้สิ่งนี้เองที่เป็นเรื่องยากสำหรับแบรนด์ที่ครองตลาดใหญ่ๆ ระดับโลก ด้วยแผนการตลาดฉบับเดียวกัน

ขณะนี้ต้องยอมรับว่าพวกเขาไม่สามารถครองตลาดได้ทั้งหมดด้วยแบรนด์เพียงแบรนด์เดียวอีกต่อไปแล้ว ทางเลือกที่ดีกว่าคือการออกแบรนด์ใหม่ที่ขายกับตลาดเฉพาะ โดยอาจจะพัฒนาขึ้นมาเองหรือซื้อแบรนด์ที่มีอยู่แล้วมาทำการตลาดเอง เหมือนที่ LVMH ซื้อภัตตาคาร Crystal Jade มาเป็นของตัวเองเพื่อทำตลาดในท้องถิ่นแถบเอเชีย

5. รู้จักการเลือกบริษัทตัวแทนทำตลาดในจีน

n5

ภาพจาก goo.gl/a5mLK9

แบรนด์จากตะวันตกที่เข้ามาในจีนจะชอบบริษัทเอเจนซี่หรือตัวแทนในจีนที่มีขนาดเล็กมากกว่าบริษัทใหญ่ๆ ความใหม่กว่าและเล็กกว่าคือพื้นที่ที่นวัตกรรมจะเกิดขึ้นแต่ปัญหาคือโดยส่วนมากแล้วแบรนด์จะไม่เข้าใจการตลาดดิจิทัล

และอาจจะจัดสรรงบประมาณเพียงแค่ 5% มาลงที่การโฆษณาในระบบออนไลน์และขอให้บริษัทที่ดูแลเรื่องซื้อสื่อช่วยเอาไปวางไว้ในที่ที่มีคนเห็นเยอะๆ หลังจากนั้นบริษัทตัวแทนซื้อสื่อก็จะเลือกที่ที่ให้ค่าคอมมิชชั่นหรือผลตอบแทนมากที่สุด ซึ่งไม่ได้แปลว่ามันจะดีกับแบรนด์เสมอไป

6. ไม่สร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภค

n6

ภาพจาก goo.gl/VwmYCI

การเจาะตลาดเมืองจีนที่น่าสนใจคือการสร้างประสบการณ์ให้คนจีนมีความรู้สึกร่วมไปกับสินค้าและบริการนั้นๆ โดยเครื่องมือสำคัญคือแคมเปญบนโซเชี่ยลมีเดียแต่สถิติกลับบอกว่าบริษัทต่างชาติที่เข้ามาทำตลาดในจีนจะใช้เงินทำการตลาดดิจิตอลเพียงแค่ 3 – 6% จากงบการตลาดทั้งหมด

ซึ่งถือว่าน้อยมาก แม้สินค้าหลายตัวจะพยายามการโฆษณาบน TVC โดยใช้ดาราชื่อดังในจีนมาเป็นพรีเซนเตอร์แต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบในการให้คนเข้าใจและต้องการใช้สินค้าตรงข้ามกับซื้อโฆษณา ณ จุดขายหรือการโฆษณาบนโมบายล์ที่ใช้งบประมาณน้อยกว่าแต่กลับได้ผลมากกว่าอย่างชัดเจน

7. ใช้คนดังมาทำตลาดก็ไม่ใช่การกระตุ้นให้คนจีนนอยากซื้อสินค้าได้

n7

ภาพจาก goo.gl/AY5iAB

คนดังระดับโลกหรือบรรดาเซเลบที่เรารู้จักดีก็อย่าหวังว่าคนจีนจะต้องรู้จักหรือสนใจไปด้วย หนังฮอลลีวู้ดน่าสนใจหลายเรื่องแม้พลอตหนังจะเป็นที่นิยมในจีนแต่ตัวแสดงก็ใช่ว่าจะทำให้คนจีนรู้สึกประทับใจการการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าได้หากคนจีนไม่รู้สึกถึงด้านมุมดีๆ งานนี้สินค้าก็แจ้งเกิดไม่ได้เช่นกัน

แม้กระทั่ง Jacky Chan ที่โด่งดังทั่วโลกก็ยังไม่ได้ถูกยอมรับจากคนจีนทุกคนการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าบางชนิดจึงล้มเหลวไม่เป็นท่าเช่นกัน

ทั้งนี้ถ้าประมวลความคิดเหล่านี้มาสรุปเป็นข้อๆก็จะได้สัก 2 ข้อใหญ่คือการตลาดที่ดีต้องมีความเหมาะสมกับสภาพสังคมนั้นๆ การตลาดที่ดีในประเทศหนึ่งไม่อาจใช้ได้กับอีกประเทศหนึ่ง และการตลาดที่ดีที่สุดคือการเข้าถึงความรู้สึกและทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีส่วนร่วมนั้นคือต้องรู้จักการใช้สื่อในโลกโซเชี่ยลที่ลงทุนไม่ต้องมากแต่ผลตอบแทนคุ้มค่ามากที่สุดในยุคนี้

สำหรับท่านใดที่มีแผนอยากทำธุรกิจและต้องการแผนธุรกิจดีๆไว้เป็นไกด์ไลน์ในการต่อยอดการลงทุน เรามีรวบรวมแผนธุรกิจหลากหลายแนวทางเลือกใช้กันได้ตามความเหมาะสม

ดูรายละเอียด goo.gl/rqOXhJ  

plann01

ท่านใดสนใจอยากให้ร่างสัญญาแฟรนไชส์โดยถูกต้องตามหลักกฎหมายแจ้งความประสงค์ได้ที่
โทร : 02-1019187, Line : @thaifranchise

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด