7 การตลาดแบบ nestle สร้างแบรนด์ให้เป็นขวัญใจคนทั่วโลก

เราอาจจะไม่รู้ตัวแต่เชื่อได้ว่าหากพูดถึง ผลิตภัณฑ์ ที่อยู่รอบตัวเราและใกล้ชิดเรามากที่สุดนั้นสินค้าต่างๆจาก nestle นั้นคือคำตอบที่ใช่มากที่สุดไม่ว่าจะเครื่องดื่ม ขนมหวาน กาแฟ หลายยี่ห้อล้วนแต่อยู่ภายใต้บริษัท nestle โดยเฉพาะกับกาแฟที่เราคุ้นเคยกันดีและแบรนด์อย่างเนสกาแฟนั้นก็ครองอันดับการเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลกได้อีกด้วย

ในปัจจุบันผู้ดื่มกาแฟสำเร็จรูปยี่ห้อ เนสกาแฟ หลากหลายรสชาติ มากกว่า 5,500 ถ้วยทั่วโลกในทุกๆ วินาทีและ เนสกาแฟก็มีวางจำหน่ายกว่า 180 ประเทศทั่วโลกโดยจุดเด่นที่ www.ThaiSMEsCenter.com มองเห็นถึงการผลักดันให้แบรนด์เหล่านี้ติดอันดับเป็นขวัญใจของคนทั้งโลกมาจากแผนการตลาดที่สุดยอดที่มีการผลิต คิดค้น สร้างนวัตกรรม สานต่อการตลาดทุกอย่างทำได้อย่างลงตัวและต่อเนื่อง

จึงเป็นเหตุผลใหญ่ว่าทำไมใครๆก็รู้จักแบรนด์นี้ซึ่งในฐานะของคนทำธุรกิจนี่คือกรณีศึกษาที่น่าสนใจกับแนวทางการตลาดที่ทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งล้วนแต่ส่งให้ธุรกิจของ nestle โตวันโตคืนแม้ในช่วงเศรษฐกิจจะย่ำแย่แค่ไหนก็ตามที

1.ธุรกิจที่ดีต้องเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส

ผลิตภัณฑ์

ภาพจาก goo.gl/6v9oaa

ในปี พ.ศ.2472 มร. หลุยส์ แดปเปิลส์ ประธานบริษัทของเนสท์เล่ในขณะนั้นได้รับการขอร้องจากธนาคาร Banque Française et Italienne pour l’Amérique du Sud ว่าธนาคารมีเมล็ดกาแฟที่จำหน่ายไม่ได้เหลืออยู่เป็นจำนวนมากในโกดังที่บราซิล ธนาคารจึงสอบถามมายังเนสท์เล่ว่าจะสามารถแปลงสต็อกเมล็ดกาแฟดังกล่าวเป็นก้อนกาแฟที่ชงได้เพื่อขายให้แก่ผู้บริโภคได้หรือไม่นี่คือโอกาสที่เนสท์เล่ได้รับหากปฏิเสธก็เท่ากับเปิดโอกาสให้คู่แข่งรายอื่นทันที

รวมถึงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเนสกาแฟก็ใช้วิกฤตินี้ทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการของเหล่าทหารทั้งหลายโดยมาจาก3ประเทศหลักคือสวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

เหตุผลคือสินค้าเหล่านี้มีอายุที่เก็บได้นานกว่าจึงทำให้มียอดการผลิตที่สูงขึ้นสวนทางกับกระแสเศรษฐกิจโลกโดยเท่าตัวเนสกาแฟเป็นจำนวนมากถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้เป็นเสบียงให้กับทหารของสหรัฐอเมริกา ในระหว่างการสู้รบ จนได้มีการก่อตั้งโรงงานผลิต เนสกาแฟสองแห่งขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2486 เพื่อรองรับกับปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้น

2.ทุ่มเทงานวิจัยสร้างสินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภค

er17

ภาพจาก goo.gl/0DExA6

Nestle มีนักเคมีชื่อดร. แม็กซ์ มอร์เกนเธเลอร์ ที่ทำงานวิจัยให้สินค้าของ Nestle เป็นที่ต้องการในตลาด โดยเริ่มจากการผลิตกาเเฟนม (café au lait)ซึ่งเป็นกาแฟผสมกับนมและน้ำตาล แล้วทำให้กลายเป็นผง จะช่วยเก็บรสชาติของกาแฟให้ได้นานขึ้นดร. มอร์เกนเธเลอร์

สรุปว่าความลับในการเก็บรักษากลิ่นหอมของกาแฟเอาไว้ก็คือการผลิตกาแฟที่สามารถละลายได้คงสภาพของคาร์โบไฮเดรตให้มีปริมาณมากพอ การค้นพบนี้เป็นสิ่งใหม่และสวนทางกับความเชื่อแบบเดิมๆทางวิชาการในขณะนั้น

3.สินค้าที่ดีต้องมีพัฒนาการแบบต่อเนื่องหยุดอยู่กับที่ไม่ได้

er19

ภาพจาก goo.gl/jkhQNB ภาพจาก goo.gl/Iqz7BN

สองปีหลังจากผลิตกาแฟนมแบบผงก็มีการเปิดตัวเนสกาแฟซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟที่สามารถละลายได้ เปิดตัวครั้งแรกในสวิตเซอร์แลนด์ และเนสท์เล่ได้จัดตั้งสายการผลิตขนาดใหญ่สำหรับการสกัดและอบแห้งเมล็ดกาแฟ เพื่อผลิต

เนสกาแฟขึ้นที่โรงงานในเมือง Orbe ประเทศสวิตเซอร์แลนด์จากนั้นก็มีการเปิดตัวเนสกาแฟในสหราชอาณาจักร และในอเมริกา จนเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2483 เนสกาแฟก็มีวางจำหน่ายใน 30 ประเทศทั่วโลก

4.นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้คนพูดถึงแบรนด์อยู่ตลอดเวลา

er16

ภาพจาก goo.gl/jkhQNB

เนสท์เล่ให้ความสำคัญกับนวัตรกรรมสินค้ามากจะเห็นได้ว่าในอดีตและปัจจุบันเนสท์เล่มีสินค้าตัวใหม่ออกมาต่อเนื่องก็เป็นผลมาจากทีมงานวิจัยที่ดีและมีพัฒนาการด้านสินค้าก่อให้เกิดนวัตรกรรมที่ทำให้อยู่ในกระแสความต้องการได้ตลอดเวลา

ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตเนสกาแฟในเมืองเซนต์ เมเนต์ประเทศฝรั่งเศสที่ผลิตกาแฟแบบที่ไม่ต้องเติมคาร์โบไฮเดรตเข้าไป รวมถึงในช่วงทศวรรษ 1960 ก็มีการสร้างบรรจุภัณฑ์แบบแก้วเพื่อรักษาความสดใหม่ของกาแฟ และการเปิดตัว เนสกาแฟ โกลด์ เบลนด์

ซึ่งเป็นกาแฟผงรูปแบบใหม่ที่ใช้กระบวนการผลิตแบบ Freeze Dried และการพัฒนารสชาติของกาแฟให้หลากหลายอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันเช่น Nescafé Decaffeinated, Nescafé Gold Espresso, Nescafé Frappé, Nescafé Cappuccino และ Nescafé Ready-to-Drink เป็นต้น

5.ใช้เทคโนโลยีเข้าถึงความต้องการของลูกค้าแบบได้ใจเต็มๆ

r20

ภาพจาก goo.gl/tpbAAx

เนสกาแฟยังคงมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ต่อไป และได้เปิดตัวเครื่องชงกาแฟออกมาหลายรุ่นในหลายประเทศ เช่น Nescafé Dolce Gusto ในสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี สหราชอาณาจักรในปี และสเปน ซึ่งเครื่องนี้มีทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่

Melody, Circolo, Piccolo, Fontana และ Creativa จากนั้นอีก 2 ปีต่อมาก็สร้างเครื่องชงกาแฟ Nescafé Barista และวางจำหน่ายเฉพาะประเทศญี่ปุ่น Nescafé Barista เป็นเครื่องชงที่ใช้ภายในครัวเรือนแบบครั้งละถ้วยโดยใช้กาแฟผงสำเร็จรูปในการชง

และรุ่นล่าสุดที่ผลิตออกมาคือ Nescafé Milano Lounge ที่สามารถแข่งขันกันได้ในตลาดซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยสามารถชงกาแฟได้ด้วยตนเอง และสามารถชงได้ในช่วงเวลาเร่งรีบ โดยรวมแล้วเครื่องชงกาแฟเหล่านี้ถูกติดตั้งใช้งานในจุดต่างๆ 400,000 แห่งทั่วโลก และให้บริการกาแฟแก่คอกาแฟทั่วโลก 175 แก้วต่อวินาทีเลยทีเดียว

6.กล้าได้กล้าเสียทุ่มเทการตลาดเพื่ออนาคตอย่างชัดเจน

er20

ภาพจาก goo.gl/xs3JdO

เนสท์เล่ญี่ปุ่นได้ค้นหาวิธีใหม่ในการขยายฐานธุรกิจกาแฟโดยพบว่าเบื้องต้นภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยทำให้บริษัทต่างๆในญี่ปุ่นหยุดจัดหากาแฟให้บรรดาพนักงาน ซึ่งจากตัวเลขของบริษัทต่างๆในญี่ปุ่นมีจำนวนกว่า 6 ล้านแห่งและมีพนักงานไม่น้อยกว่า 20 คน/บริษัท

เมื่อคำนวณปริมาณลูกค้าดูแล้วก็เป็นตัวเลขที่สูงเอาการ จึงเป็นที่มาของ Nescafe Ambassador ที่เนสท์เล่ขอทำหน้าที่เป็น barista” ในที่ทำงานและบริษัทต่างๆด้วยการการจัดเครื่องชงกาแฟในนาม Nescafé Barista ให้กับบริษัทต่างๆแบบฟรีๆ

ถือเป็นการตลาดที่ไม่สูญเปล่าแม้จะดูว่าเนสท์เล่ต้องลงทุนกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อยแต่สิ่งที่เนสท์เล่ได้กลับมาในระยะยาวถือว่าคุ้มค่าโดยโครงการนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะจัดตั้ง Nescafe Ambassador 500,000 แห่งในที่ทำงานและสร้างร้านกาแฟได้อีกกว่า 6,000 แห่งภายในห้าปีต่อจากนี้

7.ให้ความสำคัญกับแหล่งวัตถุดิบเพื่อการผลิตในอนาคต

er21

ภาพจาก goo.gl/Rya6jc

เพื่อเดินหน้าการเป็นธุรกิจติดอันดับโลกการจัดหาวัตถุดิบจึงสำคัญมาก เหตุนี้เนสท์เล่จึงเปิดตัวโครงการ Nescafé Plan ขึ้นในเมืองเม็กซิโกซิตี้โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้เนสท์เล่เพิ่มประสิทธิภาพของระบบจัดการวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยตามแผนนั้นบริษัทจะสามารถสั่งซื้อเมล็ดกาแฟได้อย่างถาวรกว่า180,000 ตันจากเกษตรกร 170,000 รายทั่วโลก

ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/WKxWcP

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด