6 แนวคิดเป็นเถ้าแก่ตั้งแต่เป็นลูกจ้าง

ปัจจุบันการที่จะ เริ่มต้นทำธุรกิจ หรือเป็นเถ้าแก่หน้าใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ เถ้าแก่หน้าใหม่จึงต้องมีการเตรียมตัวให้มาก ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาข้อมูลในธุรกิจ

ที่จะทำให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และมีการวางแผนงานทางธุรกิจที่รอบคอบและชัดเจน จึงมีคำถามตามมาว่า การที่เราจะเป็นเถ้าแก่ได้นั้น ต้องทำอย่างไร

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอ 6 แนวคิดในการก้าวสู่การเป็นเถ้าแก่ชั้นเทพ ตั้งแต่ยังเป็นลูกจ้าง เพื่อเป็นแนวทางให้กับบรรดาลูกจ้างทุกคน ที่อยากผันตัวเองมาเป็นเถ้าแก่ บริหารธุรกิจด้วยตัวเองครับ

1.ริเริ่มความคิด

เริ่มต้นทำธุรกิจ

หากอยากประสบความสำเร็จแบบเถ้าแก่ เราต้องริเริ่มเป็น อาจจะริเริ่มความคิดใหม่โดยไม่ต้องมีใครมาสั่ง องค์กรส่วนใหญ่ ชอบที่จะให้พนักงานของตนมีความคิดริเริ่มอยู่แล้ว ฝึกถามตัวเองบ่อยๆว่า

ถ้าบริษัทนี้เราเป็นเจ้าของ เราจะทำอะไรแตกต่างไปจากเดิมบ้าง หรือเราจะเริ่มต้นทำอะไรที่เรายังไม่เคยทำมาแล้วบ้าง แล้วลองนำความคิดนั้นไปลงมือทำ หากสามารถทำได้ภายใต้ขอบเขตที่ตนเองมีอำนาจก็ทำเลย หากต้องการการอนุมัติก็นำไปหารือกับนาย

2.โน้มน้าวคนเป็น

y4

ถ้าเราเป็นเถ้าแก่ เราต้องโน้มน้าวคนจำนวนมาก เช่น ลูกค้า นายธนาคาร พนักงาน ดังนั้น เราควรฝึกโน้มน้าวคนตั้งแต่ตอนเป็นลูกจ้าง ฝึกสังเกตคนที่โน้มน้าวคนเก่งว่าเขาทำอย่างไร แล้วลองมาทำบ้าง

3.ฝึกทำงานหนัก

y3

การเป็นเถ้าแก่ ต้องทำงานหนัก มีคนจำนวนมากบอกว่า ตอนเป็นลูกจ้างก็ทำงานแบบพอผ่าน แต่ว่าหากเป็นธุรกิจของเราเองเมื่อไร จะทุ่มสุดตัวเลย จะหนักแค่ไหนก็ทำเพราะมันเป็นของเรา จริงๆ แล้ว การทำงานหนักเป็นนิสัย ต้องเกิดจากการทำแบบสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เป็นระยะเวลาหนึ่ง

ถ้าอยากฝึกทำงานหนัก ก็ต้องเริ่มฝึกตั้งแต่ตอนเป็นลูกจ้าง ยิ่งทำงานมากยิ่งมีประสบการณ์มาก คนที่ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง เทียบกับคนทำงานวันละ 12 ชั่วโมง คนแรกทำงาน 2 ปีเท่ากับคนที่สองทำงานมา 3 ปี

4.ทำงานอย่างมีคุณภาพ

y8

ในหนังสือ “สตีฟ จ็อบส์” โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน สตีฟ เล่าปรัชญาการทำงานที่เขาเรียนมาจากพ่อของเขา ตอนเด็กๆ พ่อสอนเขาทาสีรั้ว แม้กระทั่งด้านหลังที่ไม่มีคนเห็น พ่อของเขาชอบทำให้ดีเยี่ยม เขาใส่ใจในคุณภาพ

แม้ในจุดที่คนมองไม่เห็นก็ตาม จ็อบส์บอกว่าปรัชญานี้ทำให้เขาสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแอปเปิ้ล ด้วยความใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด แม้ว่ามันจะเป็นส่วนที่ลูกค้ามองไม่เห็นก็ตาม

5.ทำงานดีภายใต้การแยกส่วน

y6

คือแยกส่วน ต่างคนต่างทำ แนวคิดนี้มาจากการที่คนคิดว่า ฉันจะทำงานภายใต้ฝ่าย หรือส่วนที่ฉันรับผิดชอบ โดยมักจะไม่แบ่งปันข้อมูลในการทำงานให้คนนอกฝ่ายตนเอง แม้ว่าจะเป็นคนในองค์กรเดียวกันก็ตาม

วิธีคิดแบบนี้ทำให้ลดประสิทธิภาพลงไปมาก และเป็นอุปสรรคที่ไม่ดี หากองค์กรไหนมีวิธีคิดแบบนี้ เรื่องนี้อาจจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของคนส่วนใหญ่ แต่ว่าหากใครที่เป็นคนที่มุ่งมั่น กัดไม่ปล่อย

พวกเขาจะเลือกใช้วิธีโน้มน้าวใจ ต่อรอง ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว เพื่อให้งานเดินไปได้ด้วยดี การทำงานแบบนี้คือการเตรียมตัวที่ดีเยี่ยมสำหรับคนที่อยากเป็นเถ้าแก่ เพราะว่าคุณมีโอกาสฝึกฝนหลายๆเรื่องในเวลาเดียวกัน ข่าวดีคือการฝึกแบบนี้จะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนก็ไม่มีสอนมีแต่ในองค์กรของคุณเท่านั้น

6.อย่าห่วงแต่ขอบข่ายงานตัวเอง

y5

ลองมองเถ้าแก่ร้านก๋วยเตี๋ยวดูว่า เขาไม่เคยถามตัวเองหรอกว่า นี่มันงานของใคร นี่ใช่งานฉันหรือ ในฐานะเถ้าแก่ที่เป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น เราต้องทำทุกอย่าง ดังนั้น เตรียมตัวเองตั้งแต่ตอนเป็นลูกจ้างดีที่สุด ทำงานตนเองให้ดีเยี่ยม เมื่องานเสร็จเสนอตัวช่วยคนอื่น ทำงานให้หลากหลายสายงาน แม้ว่าจะมันจะไม่ใช่หน้าที่ของเราก็ตาม

เราจะเห็นได้ว่า หากคิดเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเอง มีหลากหลายวิธี และเราอาจเลือกวิธีการอื่นๆ ที่จะช่วยให้เราเริ่มต้นการทำธุรกิจให้ง่ายขึ้น โดยการซื้อแฟรนไชส์ หรือการซื้อกิจการต่อจากผู้อื่น เพราะจะทำให้เราตัดปัญหาในการวางระบบการทำงานและการบริหารเอง การสร้างฐานลูกค้าก็ง่ายขึ้น และสามารถลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

แต่อย่างไรก็ตาม การที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น เราต้องมีการหาความรู้เพิ่มเติม และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อธุรกิจของเรา จะสามารถอยู่ในโลกที่มีแข่งขันอย่างเข้มข้นได้ ถ้าอยากเป็นเถ้าแก่ จงเปลี่ยนแนวคิดตั้งแต่ยังเป็นลูกจ้าง

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เริ่มต้นธุรกิจ goo.gl/STUiPB


SMEs Tips

  1. ริเริ่มความคิด
  2. โน้มน้าวคนเป็น
  3. ฝึกทำงานหนัก
  4. ทำงานอย่างมีคุณภาพ
  5. ทำงานดีภายใต้การแยกส่วน
  6. อย่าห่วงแต่ขอบข่ายงานตัวเอง

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช