6 วิธีเปลี่ยนร้านโชห่วย ทั้งสวยและรวยขึ้น !

ใครที่มองว่าหมดเวลาของร้าน โชห่วย คงต้องมาทบทวนความคิดกันใหม่ แม้ปัจจุบันเราจะคุ้นเคยกับคำว่า ร้านสะดวกซื้อมากกว่าเนื่องด้วยมีให้เห็นในทุกตรอกซอกซอยแต่อย่าลืมว่าพื้นฐานของร้านสะดวกซื้อเหล่านี้ก็มีต้นกำเนิดมาจากร้านโชห่วยแทบทั้งสิ้น

ในฐานะที่ www.ThaiSMEsCenter.com เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลเชิงธุรกิจและแฟรนไชส์จำนวนมาก มองว่าธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิมนี้ยังมีอนาคตที่สดใสเพียงแต่เจ้าของร้านยุคใหม่ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนกระบวนความคิดเลิกยึดติดกับธรรมเนียมเดิมๆ แล้วฟ้าหลังฝนย่อมสดใสกำไรย่อมเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

ทำไมต้องโชห่วย?

โชห่วย

คำว่า “โชห่วย” นั้นเป็นคำที่มาจากภาษาจีนฮกเกี้ยน หมายถึงร้านขายของสะดวกซื้อสารพัดสิ่ง มักเป็นกิจการในครัวเรือนโดยส่วนใหญ่เริ่มต้นมาจากชาวจีนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย

สมัยก่อนร้านโชห่วยที่ว่านี้ถือเป็นร้านค้าสำคัญประจำชุมชนเรียกว่าขายดิบขายดีขายจนเจ้าของร้านร่ำรวยมีตึกมีบ้านมีเงินเก็บกันอย่างถ้วนหน้าแต่เมื่อเวลาเปลี่ยนสภาพสังคมเปลี่ยนร้านโชห่วยกลับถูกกระแสของร้านสะดวกซื้อที่เราคุ้นเคยเขามาทดแทนจนเดี๋ยวนี้เกิดเป็นคำถามว่าทิศทางร้านโชห่วยนั้นจะเป็นอย่างไร

ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยเลิกกิจการ แต่ก็ยังมีอีกส่วนมากที่ขอปรับตัวเข้ากระแสยุคใหม่แต่ไม่ทิ้งกลิ่นอายของคำว่าโชห่วยให้หายไป และดูเหมือนว่าความพยายามเหล่านี้จะไม่สูญเปล่า ร้านโชห่วยหลายร้านกลายเป็นต้นแบบของร้านโชห่วยในยุคใหม่ที่ทำกำไรได้ดีเป็นอย่างยิ่งทีเดียว

จุดด้อยของโชห่วยในอดีต

m4

สมัยก่อนร้านโชห่วยที่ว่านี้มักเป็นร้านในอาคารพาณิชย์คูหาเดียวหรือพื้นที่ไม่กว้าง สินค้าทุกอย่างวางอยู่ใกล้ชิดกันไม่เป็นระเบียบมีทางเดินเข้าไปในร้านเพียงช่องแคบๆ ซึ่งคนซื้อส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะเดินเข้าไปสักเท่าไหร่อยากได้อะไรก็บอกเจ้าของร้าน

ซึ่งเจ้าของร้านก็ต้องมีความจำดีทีเดียวที่ต้องรู้ตำแหน่งของสินค้าในร้าน นอกจากนี้ยังต้องจดจำสต็อคสินค้าไว้ในสมองมากกว่าการจดบันทึกอย่างเป็นทางการ เรียกว่าเจ้าของร้านต้องบริหารทั้งความคิดและความจำ

m2

ทำให้มีโอกาสที่จะผิดพลาดในเรื่องการขายสินค้าค่อนข้างสูงและยิ่งสังคมเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเท่าไหร่สัดส่วนการขายสินค้าของร้านโชห่วยนี้ก็จะยิ่งน้อยลงโดยเฉลี่ยแล้วมียอดขายสินค้าในตลาดรวมไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

แน่นอนว่าปัญหาที่นำมาสู่ยอดขายสู้ร้านสะดวกซื้อไม่ได้คือปัจจัยภายนอกที่เราเห็นจนชินตาไม่ว่าจะรูปแบบร้าน การจัดวางสินค้า วิธีบริหารจัดการ โดยเหตุนี้ร้านโชห่วยยุคใหม่จึงต้องลุกขึ้นมาทำการ “รีโนเวท” ให้เข้ากับกระแสความต้องการได้มากขึ้นจึงจะอยู่รอดปลอดภัยได้

แนวทางการรีโนเวทร้านค้าปลีกในยุคใหม่

m11

ภาพจาก goo.gl/EVtGhr

1.ตั้งคอนเซปต์ของร้าน

มีหลายธีมของการจัดร้านค้าที่เราสามารถเลือกให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ ถ้าเปิดในย่านคนจีนก็ทำร้านแบบจีน หรือถ้าอยู่ในย่านนักศึกษาก็อาจจัดธีมร้านที่ดูเป็นวัยรุ่นมากขึ้น

หรือถ้าอยู่ใกล้แหล่งออฟฟิศอาจจัดธีมร้านเน้นความเป็นธรรมชาติก็น่าสนใจเช่นกัน การกำหนดธีมของร้านนี้เท่ากับเป็นการเปิดประตูการค้าที่ทำให้ลูกค้าเห็นว่านี่ไม่ใช่แค่ร้านโชห่วยแต่เป็นร้านค้าที่น่าสนใจใกล้เคียงหรือมากกว่าร้านสะดวกซื้อที่มีรูปแบบจำเจด้วยซ้ำไป

2.ออกแบบการจัดเรียงสินค้าใหม่

ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นร้านขนาดใหญ่หรือว่าขนาดย่อมการจัดสรรพื้นที่วางสินค้าเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้ร้านโชห่วยดูน่าสนใจขึ้นได้มาก ทั้งนี้เจ้าของร้านอาจต้องมีแนวทางจัดร้านที่ดีพอสมควร ซึ่งรูปแบบการจัดวางนั้นควรมีเชลล์สินค้าหรือการเรียงสินค้าที่ทำให้ลูกค้าเข้าไปหยิบจับได้ง่าย ที่สำคัญคือทำให้ดูแล้วสบายตาสบายใจอีกด้วย

m14

ภาพจาก goo.gl/e6ExZW

3.ลงทุนออกแบบภายในให้สดใสกว่าเดิม

การเพิ่มความสว่าง การเพิ่มสีสันเป็นเทคนิคเบื้องต้นของการออกแบบภายใน แน่นอนว่าการลงทุนในเรื่องนี้ย่อมทำให้เจ้าของร้านมีงบต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในกลุ่มชาวจีนแล้วมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะส่วนใหญ่จะเน้นการขายแบบอารมณ์เดิมๆ แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านยุคใหม่ เรื่องนี้ต้องสนใจให้มากโดยใช้การออกแบบภายในที่สัมพันธ์กับคอนเซ็ปต์ร้านจะช่วยได้มากทีเดียว

4.ตกแต่งบริเวณรอบร้านให้น่าสนใจยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างที่เห็นภาพจากการประกวดร้านโชห่วยโชเสน่ห์ที่จัดโดยแมคโครงานนี้ผู้ชนะคือร้านกิตกิตย่านลาดพร้าว ที่ใช้ไอเดียการแต่งหน้าร้านแบบแนวเฉียง คือให้เคาร์เตอร์หน้าร้านที่ส่วนใหญ่จะตั้งขนานกับตัวร้านอยู่ในแนวทแยงมากขึ้น

เป็นการเปิดพื้นที่หน้าร้านเหมือนการเชิญลูกค้าให้กล้าเดินเข้ามาในร้านถือเป็นจิตวิทยาทางการค้าอีกประเภทหนึ่ง นอกจากนี้อาจเพิ่มเสน่ห์ด้วยการจัดที่นั่งเล็กๆให้ลูกค้าได้มีมุมส่วนตัวเพิ่มความเป็นธรรมชาติด้วยการใช้ไม้เลื้อยง่ายๆมาช่วยในการตกแต่งก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

m10

ภาพจาก goo.gl/2zIRjz

5.เพิ่มเวลาเปิดปิดให้มีความชัดเจนกว่าเดิม

ร้านโชห่วยในอดีตเป็นกิจการของครอบครัวบางครั้งการเปิดปิดร้านไม่มีความแน่นอนลูกค้าที่ต้องการสินค้าก็คาดเดาไม่ได้ว่าออกมาที่ร้านแล้วจะได้สินค้าตามต้องการหรือไม่ และเพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องนี้ควรมีเวลาเปิดปิดร้านที่แน่นอน

โดยเขียนประกาศให้ทราบโดยทั่วกันที่สำคัญเวลาปิดร้านอาจขยายเวลาเพิ่มขึ้นเพราะส่วนมากร้านประเภทนี้พอมืดหน่อยก็ปิดทันทีทั้งที่ลูกค้าในตอนกลางคืนก็มีความต้องการซื้อสินค้าจำนวนมากเช่นกัน

6.พัฒนาระบบบริหารจัดการร้านให้เป็นระบบมากขึ้น

นั้นคือการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาร่วมด้วยในการทำบัญชี สต็อคสินค้า หรือรวบรวมข้อมูลเชิงธุรกิจสำคัญๆเอาไว้ และเป็นงานที่เจ้าของร้านโชห่วยรุ่นใหม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อยกระดับการขายสินค้าให้ดีหรือเทียบเท่าพวกร้านสะดวกซื้อ

หลายสิ่งหลายอย่างที่กล่าวมาหากทำได้ข้อได้เปรียบสำคัญของร้านโชห่วยคือเรื่องราวความเป็นมากลิ่นอายของวัฒนธรรมที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไปไม่มี นี่คือจุดแข็งสำคัญและเมื่อคุณกำจัดจุดอ่อนที่เหลือออกไปได้ร้านโชห่วยที่หลายคนมองว่าคงเหลือแค่ตำนานก็จะเป็นบริบทหน้าใหม่ที่ทำกำไรได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด