5 แนวโน้มธุรกิจที่จะเกิดขึ้น ในปี 2017

จากที่ กระแส Startup บูมมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เชื่อกันว่าปี 2017 จะเป็น disruptive year หรือเรียกได้ว่าธุรกิจไหนที่ยังทำสิ่งเดิมๆ ไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล มีโอกาสล้มหายตายจากไปได้ง่ายๆ นั้นเท่ากับเป็นการบ่งบอกให้ธุรกิจทั้งหลายต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับกระแสที่เปลี่ยนแปลงไป

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com เองก็มองเห็นว่ามีปัจจัยทางธุรกิจหลายอย่างที่จะมีส่วนกำหนดกลยุทธ์การตลาดของภาคธุรกิจในปี 2017 ได้มากขึ้นซึ่งการเรียนรู้ข้อมูลเหล่านี้ก็จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการขยับขยายและเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่สำคัญเพื่อทำให้ธุรกิจอยู่ในเวทีการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. ธุรกิจต้องยกระดับความสัมพันธ์กับลูกค้า

กระแส Startup

ภาพจาก goo.gl/2Upvrx

การเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้แสดงให้เห็นแล้วว่าแบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากขึ้น การเก็บข้อมูลลูกค้า การทำ retargeting การทำตลาดแบบรายบุคคล เฉพาะเจาะจงตามความสนใจของลูกค้า

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ลูกค้าต้องการให้แบรนด์รู้และเข้าใจ นำเสนอได้ตรงกับความต้องการ ถ้าบริษัทไหนทำได้ จะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า มากกว่าแค่ขายของ และจะกลายเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ความจงรักภักดี สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์

2. ต้องรู้จักการเก็บข้อมูลลูกค้าให้ดี และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ให้ได้

rr2

ภาพจาก goo.gl/UBHMOZ

การศึกษาลูกค้าต้องดูว่า ความต้องการ ความชื่นชอบ และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด ฟังดูง่ายแต่ทำจริงยาก เพราะแบรนด์ต่างๆ เริ่มมีการเก็บข้อมูลลูกค้าแล้ว ซึ่งถ้าธุรกิจไหนยังไม่ได้เริ่มต้นตรงนี้จะต้องรีบแก้ไขโดยด่วนทั้งนี้สิ่งสำคัญอีกประการคือข้อมูลที่เก็บไว้เหล่านั้นเราจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ได้

ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่ใช้สายการบินไหนเป็นประจำ ถ้าสายการบินเก็บ “ลักษณะ” การใช้บริการ และสามารถให้บริการได้ตามที่ลูกค้าเป็น นั่นคือการสร้างประสบการณ์ส่วนตัวขั้นสุด และลูกค้าก็จะเลือกใช้บริการสายการบินนั้นอยู่เสมอ ส่วนสำคัญคือ การเก็บข้อมูล และนำมาใช้ ต้องรู้ว่าจะใช้เมื่อไร ใช้อย่างไร

3. รู้จักการระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ

rr5

ภาพจาก goo.gl/KL3xrk

เรื่องของ AI และ Robot กำลังมาแรง อย่างน้อยที่สุดในแวดวงธุรกิจที่เห็นได้ชัดคือ chatbot ที่ถูกนำมาใช้งานมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาอาจมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่ แต่เชื่อกันว่าในปีนี้ การพัฒนาให้ระบบมีความฉลาดมากขึ้น จะทำให้ chatbot มีความสามารถในการให้บริการได้มากขึ้น

ขณะที่ Social Media มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ แบรนด์ต่างๆ จึงหลีกเลี่ยงอยากที่จะติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางนี้ และนั่นทำให้ chatbot กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่แบรนด์จะต้องหยิบมาใช้ประโยชน์ ซึ่งอนาคตจะเห็นการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้แบรนด์กับลูกค้าใกล้ชิดกันมากขึ้น

4. ต้องรู้จักการระดมทุนผ่าน Crowdfunding

rr4

ภาพจาก goo.gl/rtO6vC

Crowdfunding เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่น่าสนใจ มีธุรกิจจำนวนไม่น้อยใช้ Crowdfunding เพื่อตรวจสอบสินค้าและบริการก่อนปล่อยออกสู่ตลาดการใช้ Crowdfunding ไม่ใช่เพียงแค่สามารถระดมทุนได้เท่านั้น แต่ยังทำให้บริษัทได้เรียนรู้ ได้ฟังความคิดเห็นตรงๆ จากกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจ ถือเป็นแหล่งข้อมูลชั้นยอดเพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น GE ยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์ ได้ก่อตั้งชุมชน co-creation และโรงงานขนาดเล็กมาเพื่อพัฒนาอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านใหม่ๆ ซึ่งถ้ามองอีกมุมหนึ่ง นี่คือการทำ Focus Group ด้านการตลาดนั่นเอง

5. รู้จักการค้นหาจุดเด่น แล้วมุ่งไปทางนั้น

rr3

ภาพจาก goo.gl/BXG3rA

ทุกวันนี้บริษัทต่างๆ จ้างผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ เหมือนเวลาที่เราไปหาหมอ เราก็อยากได้หมอเฉพาะทางที่สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ไม่ใช่แค่หมอทั่วๆ ไป ซึ่งในโลกธุรกิจก็เหมือนกัน

คำว่า one-size-fits-all ดูจะไม่ใช่แนวทางที่ธุรกิจควรจะมุ่งเน้น แต่ควรจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการรายบุคคลได้มากกว่า (นั่นคือพลังของดิจิทัล) ถ้าแบรนด์ต่างๆ สามารถตอบความต้องการของลูกค้ารายคนได้ นั่นคือ แบรนด์นั้นจะอยู่ในใจของลูกค้าตลอดไปการจะทำแบบนี้ได้ แบรนด์ต้องรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ดี วางกลยุทธ์ให้ถูกต้อง

ตัวอย่างเช่น Netflix ที่สามารถเลือกคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และนำเสนอไปให้ มองให้ออกว่าลูกค้าต้องการอะไร ไม่ใช่นำเสนอทุกอย่างที่มีให้กับลูกค้าทุกคนเหมือนในอดีต

ข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้คือปัจจัยการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก แม้บางกิจการจะได้เริ่มในบางเรื่องไปบ้างแล้วแต่ก็ควรเพิ่มประสิทธิภาพในการทำนั้นให้มากกว่าเดิม

ส่วนตัวไหนที่ยังดูเป็นเรื่องใหม่ของธุรกิจและยังไม่เคยทำก็ให้ค่อยๆพิจารณาและเริ่มปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับกระแสแห่งยุคสมัยที่จะทำให้ธุรกิจเราเติบโตได้อย่างมีอนาคตสดใส

ขอบคุณข้อมูลจาก: goo.gl/aqpbLW

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด