5 เทรนด์ฮิต “ร้านกาแฟ” เกาหลี เปิดแบบนี้ รวย!

ร้านกาแฟยุคนี้ต้องแตกต่าง อย่าคิดว่าแค่ “เปิดร้านกาแฟ” แล้วจะมีลูกค้าเข้าร้าน กาแฟก็เหมือนๆกาแฟ ดังนั้นลูกค้าอาจคิดว่าเข้าร้านไหนก็ได้เพราะไม่แตกต่าง

www.ThaiSMEsCenter.com มีข้อมูลน่าสนใจของเทรนด์กาแฟสุดฮิตในเกาหลีใต้ที่ผู้ประกอบการเมืองไทยน่าจะเอาข้อมูลนี้มาปรับใช้กับตัวเองได้

เทรนด์ร้านกาแฟในเกาหลีใต้ ปี 2020

เทรนด์ฮิต

ภาพจาก bit.ly/2tQnD7f

ข้อมูลของ Small Enterprises and Market Service หรือ SEMAS กระทรวงเอสเอ็มอีและ สตาร์ทอัพของเกาหลีใต้ ระบุตัวเลขร้านกาแฟเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา พบว่า มีอยู่กว่า 100,000 ร้านทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าร้านสะดวกซื้อเกือบ 1 เท่าตัว โดยในปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้ มีร้านกาแฟถึง 90,809 ร้าน โดยยังไม่ได้นับรวมร้านขายเบเกอรี่ หรือขนมหวานที่ขายกาแฟด้วย ขณะที่ตัวเลขร้านสะดวกซื้อทั่วทั้งประเทศมีอยู่ราวๆ 54,000 ร้าน

วัฒนธรรมการบริโภคกาแฟของคนเกาหลีเป็นที่นิยมไปทั่วประเทศ ด้วยปริมาณการดื่มกาแฟมากกว่า 2.5 หมื่นล้านถ้วย ในปี 2016 หรือเท่ากับ 500 ถ้วยต่อคนต่อปีโดยเฉลี่ย และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขรายได้จากการจำหน่ายกาแฟในประเทศมีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว จากราวๆ 3 แสนล้านวอน เป็น 8.8 แสนล้านวอน ซึ่งถือว่ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

26

ภาพจาก bit.ly/38mpMGz

โดยมีแบรนด์ร้านกาแฟเปิดใหม่ในเกาหลีเพิ่มขึ้นมากหรือบรรดาร้านที่เปิดมานานก็มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็น Starbucks, A Twosome Place , The Coffee Bean & Tea Leaf , Ediya Espresso , Baskin Robbins เป็นต้น

ซึ่งกลุ่มลูกค้าร้านกาแฟในเกาหลีมี 2 ประเภทใหญ่ๆคือ

1.กลุ่มที่บริโภคกาแฟเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน กลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับคุณภาพของกาแฟเป็นหลัก ส่วนใหญ่ซื้อแบบ Grab and Go คือไปทำงานหรือกิจวัตรประจำวันต่อ โดยคนเกาหลีสามารถบริโภคกาแฟได้ตลอดทุกช่วงเวลาของวันเรื่อยไปจนถึงกลางดึกเลยทีเดียว

2.กลุ่มที่เน้นการสัมผัสบรรยากาศของร้าน นี่คือกลุ่มที่เติบโตมาก ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้มุ่งมาที่ตัวสินค้าอย่างเดียวแต่ต้องการบรรยากาศของร้านในการพบปะพูดคุย นัดพบเพื่อน ซึ่งธุรกิจร้านกาแฟที่ต้องการจับลูกค้ากลุ่มนี้ต้องเน้นเมนูที่มากกว่าแค่เครื่องดื่มและการจัดร้านที่ดึงดูดใจ

ในเกาหลีจะมี 5 เทรนด์ร้านกาแฟสุดฮิตที่คนนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งในประเทศไทย ธุรกิจร้านกาแฟก็มีอัตราการเติบโตที่ไม่ต่างกัน ดังนั้นการจับจุดเทรนด์ฮิตในเกาหลี ก็สามารถนำมาผสมผสานเป็นการเปิดร้านกาแฟในเมืองไทยที่คาดว่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้า ชนิดที่สร้างรายได้มากยิ่งขึ้น โดย 5 เทรนด์ร้านกาแฟดังกล่าว ได้แก่

1. ร้านกาแฟที่สร้างดึงบรรยากาศเด่นๆในต่างประเทศ

25

ภาพจาก bit.ly/2ULKaNq

การสร้างบรรยากาศคือสิ่งสำคัญ แต่บรรยากาศในร้านที่ดีบางทีอาจต้องเป็นเรื่องที่แตกต่าง ที่เราเห็นในประเทศไทยถ้าแต่งร้านแนวนี้ส่วนใหญ่จะยึดธีมจากประเทศญี่ปุ่น แต่ถ้าลองเลือกเอาจุดเด่นในประเทศอื่นมาแต่งร้านบ้างจะสร้างเป็นจุดขายได้ดีและไม่ซ้ำแบบใคร ยกตัวอย่างในเกาหลีเช่นร้าน Awesome Malta ย่านยอนนัมดง ที่เจ้าของร้านได้รับแรงบันดาลใจ มาจากการไปเที่ยวประเทศมอลตา ภายในร้านจึงตกแต่งด้วยกลิ่นอายศิลปะสไตล์ Maltese ซึ่งธุรกิจร้านกาแฟในเมืองไทยควรหาจุดแตกต่างในเรื่องนี้ให้มากขึ้น

2. ร้านกาแฟเพื่อสุขภาพ

24

ภาพจาก bit.ly/39piWQX

เป็นการผสมผสานเอาเทรนด์สุขภาพมาผนวกรวมกับการดื่มกาแฟ ที่จะใช้เพิ่มจำนวนลูกค้าได้มากขึ้นไม่ใช่แค่คอกาแฟแต่คนที่รักสุขภาพก็จะมาเป็นลูกค้าได้ด้วย ในเกาหลีมีตัวอย่างที่น่าสนใจเช่น ร้าน Plant Cafe ย่านอีแทวอน ที่ทุกเมนูของทางร้านจะเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ ซึ่งในประเทศไทยก็ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในการขยายธุรกิจร้านกาแฟ

3. ร้านกาแฟที่ชูจุดขายด้วยเมนู “โดดเด่น”

23

ภาพจาก bit.ly/39rKIw3

การจะให้คำจดจำแบรนด์ หรือร้านกาแฟ ถ้าเราขายแค่กาแฟ หรือมีแค่บรรยากาศอาจไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือการสร้าง เมนูที่ “โดดเด่น” ชนิดที่ลูกค้าถ้าอยากสัมผัสเมนูนี้ “ต้องที่ร้านนี้เท่านั้น” ถ้ายังมองไม่เห็นภาพ ยกตัวอย่างร้าน Osulloc Tea House ที่ปัจจุบันมีกว่า 63 สาขาในเกาหลีใต้ มีจุดขายเป็นชาเขียว จากเกาะเจจู ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในหลายเมนูของทางร้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มชาเขียว เค้กโรลชาเขียว บิงซูชาเขียว และไอศกรีมชาเขียว ในเมืองไทยผนวกใช้วิธีนี้ไม่ยาก กับจุดเด่นในแต่ละจังหวัดที่มีของดีน่าสนใจไม่เหมือนกัน ร้านกาแฟเองก็ควรดึงจุดเด่นนั้นๆ เอามาใช้ เพิ่มยอดขายได้ดีแน่นอน

4. ร้านกาแฟ D.I.Y

22

ภาพจาก bit.ly/31JSv5U

เป็นรูปแบบร้านกาแฟที่เน้นให้ลูกค้าได้ทำกิจกรรมนอกเหนือจากการดื่มกาแฟ ซึ่งก็เป็นธีมของร้านกาแฟที่แตกต่าง ยกตัวอย่างร้าน Ring Making Cafe ย่านฮงแด ที่ลูกค้าสามารถประดิษฐ์และออกแบบแหวนได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่ เลือกรูปแบบแหวน สไตล์ รวมไปถึงการแกะสลักแหวนที่เราสามารถทำได้ตามชอบ โดยคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ประมาณ 30,000 – 50,000 วอนเกาหลี เป็นต้น สำหรับร้านกาแฟเมืองไทย ลองผนวกเอาความคิดนี้ไปใส่ในร้านกาแฟของตัวเองดู ส่วนจะทำกิจกรรมอะไร จะ D.I.Y อะไรก็ให้เหมาะสมกับร้านก็เป็นพอ

5. ร้านกาแฟ “เกรดพรีเมี่ยม”

20

ภาพจาก bit.ly/31KFIzW

เป็นการชูจุดเด่นในเรื่องความเป็น “พรีเมี่ยม” โดยร้านกาแฟแนวนี้จะโฟกัสที่กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงเป็นสำคัญและตอบแทนลูกค้าด้วยเมนูที่พิเศษ ส่วนใหญ่เป็นร้านกาแฟที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น Dior Cafe by Pierre Herme, Hermes Cafe เป็นต้น ซึ่งในฐานะของผู้ประกอบการก็ต้องตัดสินใจเองว่า ร้านกาแฟที่เราเปิดจะเน้นกลุ่มลูกค้าแบบไหน ถ้าต้องการกลุ่มบนที่มีกำลังซื้อสูงก็ควรหาทำเลที่เหมาะสม ทำสินค้าให้เหมาะสมกับราคา ทุกอย่างต้องพรีเมี่ยมสมกับราคา เพื่อตอบสนองความพอใจให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

ซึ่งทั้ง 5 เทรนด์ร้านกาแฟที่ยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพเหล่านี้ สามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อยกระดับการลงทุนในธุรกิจร้านกาแฟให้ดียิ่งขึ้น เพราะธุรกิจที่จะอยู่รอดแบบมีกำไรยุคนี้ต้องแตกต่าง แม้กาแฟจะเป็นสินค้ายอดฮิตที่ใครๆต้องการ แต่จะดีกว่าหากร้านกาแฟของเรามีจุดต่างและไม่ใช่ร้านกาแฟธรรมดาที่มองไปทางไหนก็เจอ


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/2ORMgI1
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecente

อ้างอิงข้อมูลจาก https://bit.ly/2UL5a6W

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด