5 เทคนิคเอาร้านอาหารร่วมแอพ Food Delivery ให้รวยเร็ว

ตลาดบริการจัดส่งอาหาร หรือ Delivery เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญของคนทำธุรกิจอาหารที่มีข้อดีคือเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งที่มีจำนวนมาก การมีตัวเลือกบริการที่หลากหลายทำให้โอกาสในการเข้าถึงลูกค้ามีมากขึ้น สามารถเพิ่มยอดขายให้กับร้านได้มากขึ้น

ทั้งนี้ Food Delivery มีการเติบโตขึ้นมากมีผู้ลงทุนมากมายที่กระโดดมาแชร์ตลาดนี้ ซึ่งข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าในปี2560 ตลาด Food Delivery มีมูลค่าประมาณ 26,000-27,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2561 นี้ก็คาดว่าจะเติบโตได้มากยิ่งขึ้น

5
ภาพจาก goo.gl/NXSRe9, goo.gl/Zw6U2w

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าปัจจุบันมีผู้ลงทุนหลายรายที่ดำเนินธุรกิจนี้ เช่น Foodpanda, Lineman, UberEATS, honestbee, Grabfood เป็นต้น ซึ่งร้านอาหารส่วนใหญ่ที่เปิดใหม่หรือไม่มีประสบการณ์ในการจัดส่ง Delivery อาจมีปัญหาถ้าต้องดำเนินการเองการเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจเหล่านี้ก็ทำให้ง่ายขึ้นเพราะข้อดีของธุรกิจเหล่านี้คือมีฐานลูกค้าตัวเองอยู่มาก

หากเราเข้าร่วมก็เท่ากับเปิดโอกาสให้มีคนเห็นมากขึ้น โอกาสในการขายก็มากขึ้น แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้นเราควรมาดู 5 วิธีก่อนจะเอาร้านของเราเข้าร่วมกับแอพเหล่านี้ต้องทำอะไรบ้าง

1.เลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับตัวเอง

6652365

ภาพจาก goo.gl/SEZyoR

ผู้ประกอบการธุรกิจจัดส่งอาหารแบบ Delivery มีอยู่ไม่น้อยซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ในฐานะร้านอาหารเราต้องรู้ว่าสินค้าที่เราขายคืออะไรจากนั้นศึกษาข้อมูลของแต่ละแบรนด์ว่ามีขอบเขตในการจัดส่งแค่ไหน จัดส่งอะไรได้บ้าง เช่น Skootar จัดส่งสินค้าในเขตกรุงเทพฯเท่านั้นและไม่รับส่งเค้กทุกชนิด หรือ GrabFood ให้ผู้ใช้งานเลือกสั่งอาหารจากร้านที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร

นอกจากนี้เราต้องรู้อัตราค่าบริการของแต่ละแบรนด์เพราะนั่นคือต้นทุนที่ลูกค้าสั่งอาหารต้องจ่ายหากมีการคิดอัตราค่าบริการที่สูงมาก ลูกค้าอาจเลือกเข้ามาใช้งานน้อยก็ทำให้เราได้รับผลกระทบด้วย

2.ลงทะเบียนร่วมเป็นพาร์ทเนอร์

0656565

ภาพจาก goo.gl/FwxqhE

การเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากการให้ร้านอาหารไปลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ของแบรนด์นั้นๆ เช่น หากต้องการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Lineman ก็ต้องไปสมัครกับ Wongnai หรือหากต้องการเป็นพาร์ทเนอร์กับ foodpanda, UberEATS, honestbee, GrabFood เราสามารถสมัครกับทางเว็บไซต์ของธุรกิจเหล่านี้โดยกรอกตามแบบฟอร์มของแต่ละแบรนด์ที่มีอยู่ในหน้าเว็บไซต์

3.ต้องปรับระบบการรับออร์เดอร์ให้รับลูกค้า 2 ทาง

การเข้าร่วมแอพ Delivery ต่างๆอาจไม่ใช่เรื่องยากแต่ที่ยากกว่าคือเราต้องปรับวิธีการรับออร์เดอร์ให้เหมาะสมสามารถรับลูกค้าได้ 2 ทาง คือลูกค้าจากหน้าร้านและลูกค้าจาก Delivery หากเกิดความผิดพลาดทางใดทางหนึ่งหรือให้น้ำหนักการรับออร์เดอร์ไม่ดีอาจทำให้เสียลูกค้าอีกทางหนึ่ง

ทางที่ดีควรมีพนักงานที่คอยรับออร์เดอร์ทั้ง 2 ทางแยกหน้าที่ให้ชัดเจน ยิ่งเป็นร้านใหญ่ที่คนนิยมมาก การรับออร์เดอร์ต้องมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งการแข่งขันในด้านการบริการก็เป็นหัวใจสำคัญประการหนึ่งของการทำร้านอาหารให้อยู่รอดในยุคนี้

4.ปรับระบบครัวให้มีประสิทธิภาพ

02856565

ภาพจาก https://pixabay.com

ส่วนที่สัมพันธ์กับระบบรับออร์เดอร์ก็คือระบบครัวที่เป็นหัวใจของร้านอาหาร จะต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาดหรือมีก็ให้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นเช่นอาหารที่ควรใส่จานก็เอามาใส่กล่องทำให้เสียทรัพยากรและเปลืองต้นทุนโดยไม่จำเป็น

ในบางร้านที่มีความเป็นมืออาชีพชัดเจนและมีลูกค้ามาก อาจจะแยกครัวออกเป็น 2 ส่วนคือรับออร์เดอร์จากหน้าร้าน และรับออร์เดอร์จาก Delivery แต่หากร้านเรายังไม่ใหญ่โตขนาดนั้นก็ต้องใช้ระบบครัวเดียวแต่ต้องแยกเมนูให้ชัดเจน ที่สำคัญคุณภาพของอาหารต้องรักษามาตรฐานให้ดีที่สุดอย่าให้ลูกค้าตำหนิ เพราะยุคที่โซเชี่ยลรวดเร็วแบบนี้อาจทำให้ร้านอาหารเราเกิดหรือดับได้เพียงชั่วข้ามคืนเช่นกัน

5.แพคเกจจิ้งต้องดีกว่าเดิม

33565566556565656656

ภาพจาก https://pixabay.com

มาถึงช็อตประทับใจที่ไม่ว่าจะเลือกพาร์ทเนอร์ดีแค่ไหน ปรับโครงสร้างทางธุรกิจตัวเองดีอย่างไร สุดท้ายคนที่เห็นสินค้าเราก็คือคนสั่งอาหาร ดังนั้นโจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกว่ารับอาหารมาแล้วประทับใจสุดๆ นั้นคือแพคเกจต้องเนี๊ยบและดีอาจจะต้องดีไซน์ให้มากกว่าเป็นกล่องโฟมหรือถุงพลาสติก

ซึ่งข้อดีของการมีแพคเกจโดนใจลูกค้าที่ทำให้ประทับใจ แพคเกจที่ดียังช่วยป้องกันอาหารไม่ให้เสียหายหรือแพคเกจที่ไม่ดีอาจเสียหายระหว่างการขนส่ง เมื่อถึงมือลูกค้าอาจมีรอยรั่ว หรือเสียหายทำให้รู้สึกไม่ประทับใจ เราจึงต้องเลือกปรับแพคเกจให้เหมาะสม หากคิดจะใช้ช่องทางตลาดแบบ Delivery ช่วยเพิ่มยอดขาย

นอกจากนี้ในยุคโซเชี่ยลก็มีข้อดีสำหรับคนที่อยากมีธุรกิจอาหารแต่ไม่มีเงินทุนเปิดร้านที่อาจจะใช้ช่องทางขายออนไลน์โดยไม่ต้องลงทุนเปิดร้านซึ่งหากไม่ต้องการเปิดเว็บหรือเฟสบุ๊คขึ้นมาเองก็มีเว็บไซต์อาหารออนไลน์ให้เราเลือกใช้งานอย่าง

zabdelivery.com ที่ให้เราโปรโมทร้านอาหารออนไลน์ของเราได้ฟรี และยังไม่มีสัญญาผูกมัดใดๆเพิ่มเติม ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสอันดีของคนยุคนี้ที่มีโซเชี่ยลมาช่วยทำการตลาด แต่ทั้งนี้เราก็ต้องรู้จักใช้ให้เป็น ใช้ให้เกิดประโยชน์มิเช่นนั้นของดีอาจกลายเป็นดาบสองคม ที่ทำให้เราปวดหัวหนักยิ่งกว่าเดิมก็ได้


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

SMEs Tips

  1. เลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับตัวเอง
  2. ลงทะเบียนร่วมเป็นพาร์ทเนอร์
  3. ต้องปรับระบบการรับออร์เดอร์ให้รับลูกค้า 2 ทาง
  4. ปรับระบบครัวให้มีประสิทธิภาพ
  5. แพคเกจจิ้งต้องดีกว่าเดิม

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3hWmLl5

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด