5 เทคนิคการใช้ “TikTok” ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ

แพลตฟอร์มออนไลน์ ในช่วงนี้ดูเหมือนว่า “TikTok” จะมาแรงอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่คนต้องอยู่บ้าน ต้องกักตัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID 19 ในความเป็นจริง TikTok เองก็ไม่ใช่แค่ Social Media ที่เปิดตัวมาเพื่อให้ทุกคนได้เล่นสนุกสนานกันเท่านั้น ที่จริงแล้ว TikTok ยังมีประโยชน์สำหรับในการใช้โปรโมทธุรกิจต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com ได้เรียบเรียงเอาแง่มุมน่าสนใจของ TikTok มาฝากสำหรับคนทำธุรกิจที่อยากหาช่องทางออนไลน์ช่วยโปรโมทธุรกิจให้มียอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงนี้

TikTok แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดตัวเมื่อปี 2559

แพลตฟอร์มออนไลน์

ภาพจาก bit.ly/35i17lP

TikTok หรือ “Douyin” ในประเทศจีน เป็นแพลตฟอร์ม Social Media ในสังกัดของ ByteDance ที่เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 โดยมีจุดเด่นคือ การสร้างและแชร์วิดีโอสั้นๆ กับเพื่อนบนโลกออนไลน์ โดยในตัวแอปจะมีเอฟเฟคต่างๆ ทั้งภาพและเสียง ให้ผู้ใช้ได้สนุกไปกับการแต่งวิดีโอของตัวเองตามที่ต้องการ ดังนั้นผู้ใช้ TikTok ส่วนมากจึงเน้นเข้ามาเพื่อรับชมความบันเทิงมากกว่าสาระ

ปัจจุบัน TikTok มีผู้ใช้รายวันทั่วโลกประมาณ 500 ล้าน และจากสถิติยังพบว่าแอพพลิเคชั่น TikTok ได้รับการยอมรับอย่างมากในประเทศแถบเอเชีย เช่น กัมพูชา, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย, และเวียดนาม ซึ่งหากนำมาเทียบกับแพลตฟอร์มรอย่าง Instagram ที่ใช้เวลา 6 ปีในการสร้างฐาน ผู้ใช้งานให้ได้ 500 ล้านคน TikTok ถือว่าได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วกว่ามากเพราะใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 3-4 ปีเท่านั้น

ในส่วนของยอดการดาวน์โหลด TikTok ก็นับเป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดในปีที่ผ่านมา โดยมียอดดาวน์โหลดถึง 1,500 ล้านครั้ง (จากทั้งฝั่ง App Store และ PlayStore) ซึ่ง TikTok สามารถขึ้นเป็นแอพพลิเคชั่นอันดับหนึ่งของฝั่ง App Store ในขณะที่การดาวน์โหลดบน Play Store อยู่ในอันดับที่ 3 เป็นรองเพียงแอพรุ่นพี่อย่าง Whatsapp และ Facebook Messenger เท่านั้น

สถิติการใช้ TikTok ของคนทั่วโลก

38

ภาพจาก bit.ly/2yfisQe

จากการสำรวจพบว่าผู้ใช้ให้เวลากับ TikTok เฉลี่ย 52 นาที / วัน โดย 90% ของผู้ใช้มักจะเข้า TikTok มากกว่า 1 ครั้ง / วัน และในแต่ละวัน มีวิดีโอถูกเปิดดูบน TikTok กว่า 1,000 ล้านครั้ง นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ในเวลาไม่ถึง 18 เดือน ฐานผู้ใช้ TikTok ที่เป็นผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา มีเพิ่มขึ้นถึง 5.5 เท่า จากสถิติจะเห็นได้ว่า TikTok สามารถทำให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนต์ได้ค่อนข้างมากในหนึ่งวัน หากนำเวลาเฉลี่ยต่อวันที่ใช้บน TikTok (52 นาที / วัน) มาเทียบกับแพลตฟอร์มอย่าง Facebook (58.5 นาที / วัน) และ Instagram (53 นาที / วัน) จะพบว่าเวลาที่ใช้มีความใกล้เคียงกันมาก

ในขณะที่คอนเทนต์บน TikTok ส่วนมากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายกว่า ด้วยความเป็นคอนเทนต์บันเทิงที่ใช้เวลาสั้นมากๆ ในการรับชม ทำให้ข้อความที่แบรนด์สินค้าต้องการสื่อสามารถเข้าหากลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่โดนกดข้าม (เพราะจบเร็ว) และสามารถเข้าใจได้ง่าย เพราะต้องทำทุกอย่างให้กระชับที่สุด นอกจากนี้สถิติยังระบุว่าแพลตฟอร์มยังมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้ใหญ่อีกด้วย จากการที่ผู้ใช้ในช่วงวัยที่สูงกว่า Gen Z มีการเติบโตขึ้นถึง 5.5 เท่า ในระยะเวลาต่ำกว่า 18 เดือน เท่านั้น

เรียนรู้ระบบการทำงานของ TIKTOK ก่อนใช้ทำการตลาด

37

ภาพจาก bit.ly/2KLJDox

ปัจจุบันพื้นที่โฆษณาของ TikTok มีอยู่ 5 ส่วนด้วยกัน แบ่งเป็นโฆษณาแบบมาตรฐาน 3 ส่วน Brand Takeover ที่เมื่อผู้ใช้เปิดเข้ามาจะเห็นทันที TopView คือวิดีโอแรกที่เล่นซึ่งจะมีความยาวขึ้นสูงสุด 60 วินาที ต่อจากนั้นก็คือ In-Feed Ads ที่จะแทรกเข้าไปอยู่ระหว่างการใช้งาน อีก 2 ส่วนคือการสร้างโฆษณา หรือแคมเปญการตลาดสำหรับแต่ละแบรนด์ คือการสร้าง Hashtag Challenge เพื่อทำให้ผู้ใช้เกิดการตอบรับและทำตามชาเลนจ์ สุดท้ายคือการทำ Branded Effect ที่นำ AI มาช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้เพื่อให้เกิดเอฟเฟกต์

เมื่อมีการอัปโหลดวิดีโอใหม่ใน TIKTOK ระบบจะทำการแสดงวิดีโอนี้ให้กับผู้ใช้งานบางคน แบบที่แทรกไประหว่างวิดีโอยอดนิยมต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับชมหลากหลาย ไม่เบื่อ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงคน ให้กับผู้สร้างสรรค์วิดีโอใหม่ๆด้วย หลังจากนั้นระบบจะทำการวัด ว่าวิดีโอที่ลงไปนั้น มีผู้ชมมากน้อยแค่ไหน มีการดาวน์โหลด แชร์ แสดงความคิดเห็น หรือกดไลก์หรือไม่

อัตราส่วนเหล่านี้ ระบบ TIKTOK จะนำไปพิจารณาว่าควรจะแสดงวิดีโอนี้ให้คนเห็นมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งโดยปกติจะปรับให้วิดีโอเข้าถึงคนมากขึ้น เมื่อวิดีโอมียอด 1 ไลค์ต่อทุกๆ การรับชม 10 ครั้ง นอกจากนี้ ถ้าวิดีโอที่ปล่อยออกไป ได้รับการกดไลค์มากกว่า 40% ของยอดวิวภายในหนึ่งวัน วิดีโอนี้ก็จะถูกกระจายออกไปให้คนเห็นมากขึ้น

5 เทคนิคการใช้ TIKTOK เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ

36

ภาพจาก bit.ly/3aVHstq

1. สร้างสรรค์วิดีโอที่คนทั่วไปมีความรู้สึกร่วม

ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้วิดีโอของธุรกิจเป็นที่นิยม คือการออกแบบคอนเทนต์ ซึ่งคอนเทนต์ที่จะทำให้เป็นที่นิยมใน TIKTOK จะต้องมีความตลก สนุก ไม่เหมือนใคร ถ้าเราสามารถทำให้ผู้ชมวิดี รู้สึกมีความสุขหลังดูจบ อยากจะกดไลก์ หรือคอมเมนต์อะไรบางอย่าง อยากจะนำไปทำตาม เต้นตาม ร้องตาม หรืออัดคลิปตามได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ

ตัวอย่างนี้เป็นวิดีโอจาก Challenge หนึ่งที่โด่งดังใน TIKTOK นั่นก็คือ Challenge #fliptheswitch ที่ให้คนสองคนสลับเสื้อผ้าและบุคลิกกัน สิ่งที่ทำให้วิดีโอ Challenge นี้โด่งดังนั่นเพราะทำให้คนดูรู้สึกอยากจะทำตามได้ คลิปมีความสนุกสนาน รับชมแล้วอยากจะชวนเพื่อน ชวนแฟน มาสลับบุคลิกกันบ้าง

2. เลือกใช้เพลงที่กำลังเป็นที่นิยม

เพื่อเพิ่มโอกาสให้คลิปวิดีโอของเราถูกแนะนำไปยังผู้ใช้คนอื่นๆในหน้า “For You” เราจะต้องเลือกใช้เพลงที่ ณ เวลานั้นกำลังนิยม โดยปกติ ผู้คนมักจะชอบฟังเพลงที่กำลังนิยม หรือเลือกดูวิดีโอที่ใช้เพลงดังเหล่านั้น ซึ่งถ้าเราเลือกใช้เพลงดังด้วย ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนเห็นวิดีโอของเรามากขึ้นด้วยนั่นเอง

ดังนั้นเมื่อเราทำการปรับแต่งวิดีโอใส่เสียง ใสเอฟเฟกต์ต่างๆ ก็อย่าลืมคำนึงถึงความสำคัญขององค์ประกอบเหล่านี้ด้วย เพราะนอกจากจะช่วยทำให้วิดีโอเราน่าสนใจแล้ว ถ้าเลือกเพลงหรือเอฟเฟกต์ที่กำลังนิยมอยู่ ก็ช่วยให้คนพบเห็นมากขึ้นด้วย

35

ภาพจาก bit.ly/3cVvT6A

3. ทำเป็นคลิปโต้ตอบกับ Influencer คนอื่นๆ

การโต้ตอบกับ Influencer หรือผู้ที่โด่งดังบน TIKTOK คนอื่นๆ เป็นอีกวิธีที่ยอดเยี่ยมในการได้รับจำนวนการรับชมที่มากขึ้น และช่วยให้ธุรกิจเรรกลายเป็นที่รู้จักใน TIKTOK ได้หลายครั้งๆ

จะเห็นว่า วิดีโอที่สร้างสรรค์ขึ้นมาโดยนำวิดีโอต้นแบบจาก Influencer มาอัดคลิปโต้ตอบ มักจะได้รับความนิยม เพราะเรามักจะได้ฐานการรับชมจาก Influencer ต้นแบบที่มีอยู่แล้ว ทำให้พวกเขารู้จักเรามากขึ้น หรือเราอาจจะร่วมมือกันโดยตรง สร้างสรรค์คลิปร่วมกันสักชิ้น ก็ช่วยเพิ่มอันดับความนิยมได้ดีมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

4. คลิปวีดีโอแสดงความสามารถที่ไม่ซ้ำแบบใคร

ถ้าต้องการใช้คลิปวีดีโอโปรโมทธุรกิจ อีกเทคนิคน่าสนใจคือการทำคลิปที่แสดงความสามารถที่เรามีเช่น เต้น ร้องเพลง เล่นมายากล เล่นตลก หรืออะไรก็ตามที่คิดว่า สิ่งนั้นเป็นทักษะที่น่าสนใจ

เพราะผู้คนชื่นชอบที่จะรับชมอะไรก็ตามที่มองว่า “เจ๋ง เก่ง แปลก น่าตื่นเต้น” ซึ่งเราจะต้องแสดงออกมาให้เป็นตัวของเราเองมากที่ที่สุด ไม่ซ้ำใคร และห้ามไปลอกเลียนแบบคนอื่นมาเด็ดขาดเราต้องคิดเอง และทำเองใหม่หมดทุกอย่าง

34

ภาพจาก bit.ly/2yYuePi

5. ใช้ #แฮชแท็ก ที่กำลังเป็นที่นิยม

เมื่อเราจะเขียนคำบรรยายวิดีโอ หรือหัวข้อวิดีโอ อย่าลืมที่จะใส่ แฮชแท็ก ที่กำลังเป็นที่นิยมลงไปด้วย เพราะแฮชแท็ก จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนพบเห็น และยังช่วยเพิ่มโอกาสให้วิดีโอเป็นที่รู้จักมากขึ้นได้ หลายครั้ง แฮชแท็กก็เป็นแหล่งของไอเดียดีๆ

เราสามารถเลือกดู แฮชแท็ก ที่ขณะนั้นกำลังเป็นที่นิยม นำมาใช้เป็นโจทย์ตั้งต้น เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องได้ แต่ทำให้ต่างออกไปในแบบตัวเอง วิธีนี้จะช่วยให้คอนเทนต์เรามีความเกี่ยวข้องกับแฮชแท็ก ซึ่งถ้าแฮชแท็กนั้นกำลังเป็นที่นิยมอยู่ด้วย ก็จะทำให้คลิปวิดีโอของเรานั้นเข้าถึงคนได้เยอะขึ้น และเพิ่มโอกาสที่คลิปจะเป็นที่นิยมตามกระแสของแฮชแท็กนั้นตามไปด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างของธุรกิจที่ใช้ TIKTOK ช่วยโปรโมทธุรกิจอย่างได้ผล

33

ภาพจาก bit.ly/2SiH2qi

เริ่มจากยูนิโคล่ (Uniqlo) คือ อีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่นจากญี่ปุ่นที่มองเห็นประโยชน์จาก TikTok ในการสร้างชุมชนชาว ยูนิโคล่ในระดับโลกด้วยการเปิดตัว แคมเปญ #UTPlayYourWorld ท้าทายกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ให้ร่วมสร้างสรรค์วิดีโอ ที่แสดงออกถึงความเป็นตัวตน บ่งบอกถึงช่วงเวลาดีๆ ของทุกคนกับเสื้อยืด ลายกราฟฟิกจาก ยูนิโคล่ (UT Moment) จนโด่งดังมียอดวิวรวมสูงกว่า 684 ล้านวิว!

หรือจะเป็นซัมซุง (Samsung) ที่คว้าเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังอย่าง BLACKPINK มาร่วมโปรโมทโทรศัพท์ มือถือ Galaxy A ภายใต้ แคมเปญ #danceAwesome ท้าทายเหล่าครีเอเตอร์ ให้มาโชว์ลีลาการแดนซ์กระจายด้วยความแรงของ Influencer ระดับโลก อย่าง BLACKPINK ผนวกกับความสนุกของแคมเปญจึงส่งผลให้ มียอดวิวรวมกว่า 11.9 พันล้านวิว!

32

ภาพจาก bit.ly/2WaJPmv

ในประเทศไทย มีแคมเปญที่แบรนด์ต่าง ๆ ได้เข้ามาร่วมกันสร้างสรรค์ และเกิดเป็นกระแสในโลกโซเชียล ยกตัวอย่างเช่น #จิ้มเคี้ยวดูด ของแฟนต้า ซึ่งได้ดึง Influencer มาท้าทายเหล่าครีเอเตอร์คนไทยให้เข้าร่วมเล่นสนุกกับเพลง แฟนต้าและสติกเกอร์สุดคูลกับท่าเต้นชิคๆ ซึ่งสร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลินให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างมาก โดยแคมเปญนี้ประสบ ความสำเร็จด้วยยอดวิวรวมกว่า 30 ล้านวิว และยอดไลค์กว่า 1.5 ล้าน

31

ภาพจาก bit.ly/3cUgSlA

อย่างไรก็ดีธุรกิจเองก็ต้องศึกษาวิธีการและเทคนิคการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้เข้าใจถึงหลักการทำงานและระบบการทำงาน เพื่อจะได้คิดคอนเทนต์ที่สอดคล้อง และคาดว่าหลังสถานการณ์ COVID 19 คลี่คลายพฤติกรรมผู้บริโภคก็อาจจะเปลี่ยนไปและช่องทางออนไลน์จะกลายมาเป็นกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญมาก


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล
https://bit.ly/3cE0fuc , https://bit.ly/2zoMIIJ , https://bit.ly/2xVxyKz , https://bit.ly/3ePySPN

อ่านบทความเพิ่มเติม https://bit.ly/2YkFa4e

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด