5 วิธี SMEs ดัง!ปัง! ยั่งยืน

การลงทุนที่ ยั่งยืน ทางธุรกิจทุกอย่างย่อมแฝงไปด้วยความกังวล เมื่อเม็ดเงินที่จ่ายไปหมายถึงต้นทุนที่เราก็ยังไม่รู้ว่าจะงอกเงยคืนมาได้สมกับที่ตั้งใจไว้หรือไม่

ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้การลงทุนย่อมต้องคิดหน้าคิดหลังมากขึ้น หลายคนกำลังมองหาว่ามีวิธีการสำคัญอย่างไรที่จะทำให้การลงทุนในธุรกิจมีอัตราเสี่ยงต่ำ ความมั่นคงสูง เพื่อให้เติบโตได้อย่างมั่นใจ

www.ThaiSMEsCenter.com ขอเสนอวิธีสำคัญ 5 ประการเพื่อลดความกังวลใจ นี่คือ 5 วิธีที่พร้อมทำให้กิจการ SMEs เติบโตอย่างมีคุณภาพถ้าลองทำตามนี้รับประกันได้ถึงกำไรที่ชัดเจนในอนาคต

5 วิธี

1.ทำให้ลูกค้าเก่าประทับใจ

สิ่งสำคัญของธุรกิจก็คือกำลังการซื้อ และการซื้อที่ดีคือการซื้อที่สม่ำเสมอ สิ่งที่เราพูดนั้นหมายถึง ลูกค้าเก่า นักเศรษฐศาสตร์ทางเศรษฐกิจกล่าวในเรื่องนี้ว่า Customer is the best customer. And must be preserved as much and as long as possible. (ลูกค้าเก่าคือลูกค้าที่ดีที่สุด ลูกค้าเก่าคือลูกค้าที่เราควรรักษาไว้ให้มากและนานที่สุด)

บางทฤษฏีถึงกับมีการกำหนดกลยุทธ์แยกเป็น 3 ระดับ คือการตลาดเพื่อลูกค้าเก่า การตลาดเพื่อลูกค้าปัจจุบัน และการตลาดเพื่อลูกค้าในอนาคต นั้นก็แสดงให้เห็นถึงอำนาจการซื้อของลูกค้าที่อยู่กันมานาน ว่ากันว่าธุรกิจใดมีฐานลูกค้าเก่ายิ่งมากรายได้ยิ่งมั่นคงและยืนหยัดในแวดวงธุรกิจได้นานขึ้น

การสร้างความประทับใจนี้ย่อมต้องใช้เวลาแต่ถ้าฝังใจนิยมในสินค้าและบริการแล้วจะเปลี่ยนแปลงได้ยาก นี่คือSection ที่สำคัญประการหนึ่งในธุรกิจยุคนี้เลยทีเดียว

ad6

2.การตลาดเป็นสิ่งสำคัญ

“Marketing is not just important, but it is the Heart.” คำกล่าวที่ทำให้มองเห็นภาพเรื่องของการตลาดว่าเป็นมากกว่าความสำคัญเพราะมันคือหัวใจของการทำธุรกิจทุกประเภท จากการวิจัยพบว่า กว่า 49% การตลาดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้เรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม การตลาดเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากและซับซ้อน แต่หากคุณวางแผนการทำการตลาดให้ดี วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย งบประมาณ และสินค้าของคุณให้ถูกจุด แค่นี้ การตลาดก็ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป

การทำตลาดที่ดีคือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการธุรกิจที่เดินหน้าอย่างมั่นคงมีเทคนิคด้านการตลาดที่เหนือชั้นเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายชนิดที่เราเองยังแทบไม่รู้ตัวการช่วงชิงมือการตลาดเก่งๆ ในแวดวงธุรกิจจึงมีให้เห็นอยู่เสมอๆ

ad7

3.สร้างทางเลือกที่มีความแตกต่าง

ธุรกิจที่ดีย่อมต้องมีเทคนิคที่สร้างความสนใจได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าหรือว่าบริการ ข้อจำกัดระหว่างลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ต้องวางกลยุทธ์สร้างทางเลือกให้ถูกต้องเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าได้เต็มที่ “Old and new products need to switch to the right. นักกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดบอกว่าต้องรู้จักสลับสินค้าเก่าและใหม่ให้ถูกต้อง

หากพบว่าลูกค้าใหม่ไม่สนใจสินค้าหรือบริการที่มีตอนนี้ เราต้องเสนอสินค้าหรือบริการในรูปแบบเก่าให้ดูบ้าง หรือกลุ่มลูกค้าเก่าที่เบื่อในลักษณะเดิมๆ เราต้องนำเสนอสินค้าในรูปแบบที่แตกต่างมากยิ่งขึ้น วิธีนี้แม้จะดูเรียบง่ายแต่ในเชิงปฏิบัติถือว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจมาก

ad8

4.ถ้าส่งออกได้นั้นคือโอกาสแห่งความสำเร็จขั้นสูง

“The domestic market is good But markets outside the country, much better.” (ตลาดในประเทศนั้นก็ดี แต่ตลาดนอกประเทศนั้นดีกว่ามาก) เพราะนี่คือช่องทางที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างถึงขีดสุด มีงานวิจัยเปิดเผยว่าธุรกิจที่มีการส่งออกสามารถมีเป็นกิจการที่มั่นคงได้ถึงร้อยละ 78 แต่ถึงจะเป็นเรื่องดี แต่ก็มีความยากอยู่ในตัวไม่ใช่น้อย

ผู้ประกอบการต้องทำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ความรู้เรื่องระบบการขนส่ง กฎหมายระหว่างประเทศ คุณภาพสินค้า ฯลฯ สิ่งจำเป็นหลายประการคือปัจจัยที่หลายคนยังเดินไปไม่ถึงจุดนี้

ad10

5.เมื่อมีปัญหาแม้เพียงเล็กน้อยต้องหาทางแก้ไขโดยด่วน

การดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการขับเคลื่อนมีปัจจัยมากมายที่มักจะส่งผลให้ความต่อเนื่องนั้นต้องหยุดชะงัก ดังนั้นเมื่อเริ่มเกิดปัญหาสิ่งที่ต้องทำคือการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

แม้ปัญหานั้นจะดูเป็นเรื่องไม่สำคัญนักก็ตามเหมือนที่นักเศรษฐศาสตร์กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “Even a small leak must be corrected before a large cracks in the future” รอยรั่วที่แม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องรีบแก้ไขก่อนที่จะเป็นรอยแตกขนาดใหญ่ในอนาคต

ปัญหาในเชิงธุรกิจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพียงแต่ใครจะเจอมากน้อยกว่ากัน การรักษาตัวรอดในทางธุรกิจคือการชี้วัดความสามารถในการแก้ปัญหาระดับหนึ่ง

บทเรียนจากการแก้ปัญหาคือความแข็งแกร่งของธุรกิจที่พร้อมเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้กระบวนการทางความคิดเป็นสิ่งสำคัญมากรวมถึงการเรียนรู้ด้านต่างๆเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการห้ามละเลยเป็นอันขาด

ad9

นี่คือกระบวนการ 5 ข้อที่เป็นพื้นฐานทางธุรกิจแม้จะดูเป็นเรื่องที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายแต่ในความเป็นจริงหลายอย่างผู้ประกอบยังไม่สามารถปฏิบัติได้

ทฤษฏีจึงเป็นแค่การเรียนรู้แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการลงมือทำจริงๆ ธุรกิจระดับโลกจำนวนมากต่างมีหลักปฏิบัติที่ยึดถือ ซึ่งธุรกิจในเมืองไทยก็มีศักยภาพมากพอที่จะก้าวไปถึงจุดนั้น สำคัญคือต้องเรียนรู้ ใจกว้าง และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงให้มากยิ่งขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: http://goo.gl/v91Vwi

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด