5 วิธีทำตลาดติดไอเดียให้เด่นดังปี 2017

ในปี 2560 นี้คาดว่าไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่ในเวทีธุรกิจต่างประเทศก็เช่นกันคงมีการขับเคี่ยวกันใน เชิงกลยุทธ์ กันมากขึ้น ประสบการณ์จากปี 2559 จะถูกนำมาเป็นพื้นฐานเพื่อต่อยอดให้ปีนี้ธุรกิจสามารถทำกำไรได้มากขึ้นและหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่คาดว่าจะเป็นความน่าสนใจอย่างมากคือการโฆษณาแบบสร้างสรรค์หรือเรียกว่าจะต้องมีการcreativeกันมากขึ้น

และนี่คือ 5 วิธีการทำตลาดแบบติดไอเดีย ที่คาดว่าจะเป็นเทรนด์สร้างสรรค์น่าสนใจในปี 2560 และน่าจะเป็นข้อมูลพื้นฐานอันดีที่ให้เราสามารถผลิตโฆษณาสินค้าที่น่าสนใจได้มากขึ้นซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com ได้รวบรวมเอา 5 เทรนด์ดังกล่าวมาฝากกันเพื่อให้ไปต่อยอดการทำธุรกิจได้ทันทีทันใด

1.เทคโนโลยี และ Interface ต่างๆ จะเริ่มมาอยู่บนร่างกายมนุษย์ อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

เชิงกลยุทธ์

ภาพจาก goo.gl/Q89ibV

ในปีที่ผ่านๆมาการโฆษณาบนเว็บไซต์เราอาจคุ้นเคยกับคำว่า User Experience (UX) และ User Interface (UI) ซึ่ง UX นั้นจะเน้นไปที่การสร้างความพึงพอใจของผู้ใช้

ส่วน UI เน้นที่ความสวยงามของฟังก์ชั่นเป็นหลัก แต่ในปี 2560 นี้สิ่งที่จะแตกต่างออกไปคือการที่เราอาจจะได้เห็นร่างกายของมนุษย์กลายเป็นช่องทางมีเดียมากขึ้น (Interface) นั้นหมายถึงอาจจะมีเทคโนโลยีที่สามารถใช้โปรแกรมคำสั่งที่ Touch Screen ผ่านร่างกายได้มากขึ้น

ซึ่งก็เป็นความพยายามในการสร้างไอเดียการค้าที่แตกต่างและฉีกแนวออกไปและไม่ใช่แค่แนวคิดแต่ทุกวันนี้ Google Jacquard เองก็เริ่มทดลองใช้ Touch ผ่านเสื้อผ้าและคาดว่าคงมีอีกหลายค่ายที่จะใช้ไอเดียนี้มาต่อยอดการค้าให้น่าสนใจได้มากยิ่งขึ้น

2. การโฆษณาสินค้าต้องเน้นสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น

f4

ภาพจาก goo.gl/8Ab3Zk

การทำงานครีเอทีฟ และ การตลาด ในรูปแบบเดิมๆ มักเกิดขึ้นแบบ “บนลงล่าง” คือความคิดสร้างสรรค์ และกระแสต่างๆที่ เหล่าแบรนด์ต่างๆสร้างขึ้นมาจะกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ในปี 2560 นี้คาดว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตรกลายเป็นแนวครีเอทีฟแบบ “ล่างขึ้นบน” มากขึ้น ซึ่งนักการตลาดทั้งหลายเองคาดว่าด้วยวิธีใหม่นี้จะกระตุ้น Passion ของผู้บริโภคได้มากขึ้น

ซึ่งตัวอย่างของเรื่องนี้เช่นกิจกรรมทางการตลาด ที่สร้างขึ้นเฉพาะบุคคลกลุ่ม เช่นBaby Night ของ ห้างสรรพสินค้า Carrefour ในประเทศฝรั่งเศส ที่พบ Insight ว่าพ่อแม่ลูกอ่อนนั้น ตอนกลางคืนย่อมไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเป็นเรื่องธรรมดา เขาเลยจัดโปรโมชั่นช้อปสินค้าออนไลน์ ประเภทของใช้เด็กอ่อน กันรอบดึกในเว็บไซต์ ยิ่งดึกเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกเท่านั้น

3. การโฆษณาที่ต้อง “ความจริง” เป็นสิ่งสำคัญ

f5

ภาพจาก goo.gl/pqqHjA

หลายคนอาจจะเคยได้ยิน คำว่า TRUTH-VERTISING คือการใช้ “ความจริง” ออกมาโฆษณา ซึ่งหลายๆปีที่ผ่านมา ก็เป็นที่ยอมรับความวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผล และมีประสิทธิภาพ เพราะจะทำให้ลูกค้า หรือผู้บริโภคเชื่อใจ ในแบรนด์ที่จริงใจมากกว่า

ซึ่งในปี 2560 นี้ น่าจะเป็นปีที่ผู้คนมีความหลากหลายมากขึ้น ผู้คนจะแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆอย่างละเอียดมากขึ้น นั้นหมายถึงการใช้ศาสตร์แห่งความจริงมาเกี่ยวโยงในงานโฆษณาจะสร้างความประทับใจได้ดีกว่า

ยกตัวอย่าง “Run like a girl” ซึ่งเป็นแคมเปญที่หยิบเอา”เรื่องจริง” ของสังคมออกมาพูดถึง ทัศนคติที่คนทั่วไปมองผู้หญิงว่าอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้นเลย ผลงานชิ้นนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของ การใช้”ความจริง” พูดกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะอย่าง”ผู้หญิง”ได้อย่างตรงจุดที่สุดแน่นอนว่าย่อมทำให้คนสนใจในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญนั้นๆได้ดีด้วย

4. เปลี่ยน Data ให้เป็น งานโฆษณาสุดสร้างสรรค์

f6

ภาพจาก goo.gl/MjeNbP

คำว่าข้อมูล (Data) สินค้านั้นสามารถขับเคลื่อนแบรนด์ให้เกิด คุณค่า สร้างประสบการณ์เฉพาะของแต่ละคน ที่ผู้บริโภคจะสนใจ และทำให้แบรนด์มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ ความจริงแล้วการนำข้อมูลของสินค้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการโฆษณาถือเป็นการสร้างให้ลูกค้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ได้อย่างเป็นธรรมชาติและถ้าครีเอทีฟจะหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นโจทย์ในการทำโฆษณาก็ถือว่าเดินมาถูกทางแล้วเช่นกัน

ยกตัวอย่างการใช้ Data มาใช้ในการสร้างสรรค์ที่ผ่านมานี้ เช่น Billboard ของ Spotify บริการ Streaming เพลง ของอเมริกา ที่นำข้อมูลเฉพาะของผู้ใช้งาน เวลาที่พวกเขาเสิร์ชเพลง

เอามาขึ้นบิลบอร์ดเพื่อทักทายผู้คนหรืออย่างสายการบินอย่าง Brittish Airways ที่นำเอา Data ซึ่งเป็นเส้นทางของเครื่องบินที่บินผ่านท้องฟ้ามาเป็นโจทย์แล้วสร้างบิลบอร์ดขนาดเล็กโดยมีเด็กทำท่าทักทายเครื่องบินของจริงที่อยู่บนท้องฟ้าก็ถือว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อยทีเดียว เมื่อเครื่องบินบินผ่านบิลบอร์ด เด็กในบิลบอร์ดก็จะทักทายเครื่องบินบนฟ้า แบบแม่นยำ

5.การใช้ความเชื่อใจเป็นโจทย์หลักในการสร้างสรรค์งานโฆษณา

f7

ภาพจาก goo.gl/2eiCuo

ในปัจจุบันเราอาจมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการตัดสินใจได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น (algorithm) แต่อย่างไรเทคโนโลยีก็ยังมีข้อผิดพลาดและนั้นอาจทำให้แบรนด์ที่ยึดมั่นกับการใช้เทคโนโลยีจาก algorithm สูญเสียความเชื่อมั่นไปจากลูกค้าได้

ยกตัวอย่างเช่นการใช้ภาษาที่ผิดๆกับผู้บริโภค ก็อาจทำให้ลูกค้าไม่สนใจในแบรนด์นั้นๆและกด Skip Ad เวลาที่เขาไม่ต้องการ กดปิดโฆษณาทิ้งไป หรือ แม้กระทั่ง การใช้ Virtual reality ซึ่งตัวอย่างการใช้ความเชื่อใจมาสร้างสรรค์งานโฆษณาได้อย่างน่าสนใจคือHungerithm จากแบรนด์ Snickers ที่เมื่อไหร่คนโมโห อัลกอริทึมจะตรวจจับอารมณ์ในอินเตอร์เน็ต ผ่านการโพสระบายอารมณ์ต่างๆของผู้คน

ต่อมา algorithm จะปรับราคา Snickers ให้ถูกลง และยิ่งโกรธมากเท่าไหร่ ราคา Snickers ก็ยิ่งถูกลงเท่านั้น Hungerithm นี้เป็นผลงานที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สร้างยอดขายให้กับ Snickers และ ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก

ยิ่งโลกของเราก้าวล้ำในเรื่องเทคโนโลยีไปมากเท่าไหร่การตลาด หรือไอเดียในการสร้างสรรค์ก็ควรพัฒนามากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้การตลาดไม่ได้มีขอบเขตว่าจะหยุดที่ไหนแต่การตลาดคือการสร้างสรรค์ที่ไม่มีปลายทางยิ่งสร้างสรรค์มากโอกาสยิ่งเปิดกว้างนั้นหมายถึงเรื่องของกำไรที่ดีตามมาในอนาคตด้วย


SMEs Trip สรุปเทคนิคติดไอเดีย 2017

  1. การตลาดยุคใหม่ต้องรู้จักการผสมผสานเอาไอเดียและเทคโนโลยีมาไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
  2. แม้การสร้างสรรค์จะเป็นเรื่องดีแต่สิ่งที่ลูกค้ายังต้องการคือความประทับใจและคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก
  3. นักโฆษณาที่ดีต้องรู้ความต้องการของผู้บริโภคและหยิบมาผสมกับไอเดียจะช่วยดึงดูดสินค้าได้มากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/yWxMmn

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด