3 เรื่องลึกแต่ไม่ลับ สำหรับการออกบูธ ทำแบบนี้ดีชัวร์

เครื่องมือการตลาดที่สำคัญอย่าง การออกบูธ นั้นว่าไปแล้วก็มีเทคนิคน่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย และไม่ใช่แค่การเอาสินค้าไปวางแสดงแล้วจบๆไป การจะทำให้งานแสดงสินค้ามีคุณค่ากับธุรกิจมากที่สุดเราต้องแบ่งแยกการเตรียมการออกเป็น 3 ช่วงเวลาหลักๆ ได้แก่ ก่อนการจัดงาน ระหว่างการจัดงาน และภายหลังการจัดงาน

ซึ่งในแต่ละส่วนนั้นก็มีเทคนิคการเตรียมตัวและดำเนินการที่แตกต่างกันไป เป็น 3 เรื่องลึกแต่ไม่ลับ ที่ www.ThaiSMEsCenter.com เห็นว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับบรรดานักธุรกิจหน้าใหม่ที่อาจจะยังไม่เข้าใจแก่นแท้ของงานแสดงสินค้าว่ามีสิ่งที่น่าสนใจมากและไม่ใช่แค่การเอาสินค้าไปโชว์เพียงอย่างเดียว

สิ่งที่เราต้องคาดหวังว่าจะได้จากการร่วมงานเหล่านี้คือยอดขายที่ดี ธุรกิจที่เติบโตขึ้น ทั้งนี้ก็อยู่ที่การใส่ใจในรายละเอียดการจัดงานที่ต้องให้ความสำคัญแบบเต็มที่ด้วย

ก่อนการจัดงาน

เรื่องลึกแต่ไม่ลับ

จำเป็นที่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าให้ชัดเจน โดยเอาพนักงานที่จะเกี่ยวข้องกับการออกงานครั้งนี้มาวางแผนและกระตุ้นให้ทีมงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเราต้องให้ทีมงานเข้าใจในเป้าหมายที่เราต้องการได้จากการออกงานครั้งนี้

รวมถึงต้องมีการวางแผนในการจัดเตรียมงานซึ่งต้องทำให้เสร็จก่อนถึงวันจัดแสดงสินค้าซึ่งก็มีอยู่หลายกิจกรรมสำคัญเช่น การออกบัตรเชิญ , การส่งอีเมลล์ แจ้งให้ลูกค้าหรือคนทั่วไปได้ทราบว่าเรากำลังจะไปทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่และเขาเหล่านั้นจะพบเจอเราได้ที่ส่วนไหนของงาน (ตำแหน่งที่ตั้งบูธ)

นอกจากนี้เราต้องจูงใจให้คนอยากเข้าร่วมงานครั้งนี้เพื่อประโยชน์ของเราเองโดยอาจใช้กิจกรรมของานมาเป็นสื่อในการกระตุ้น เช่น การลดราคา การแสดงคอนเสิร์ต การจับรางวัลเหล่านี้เป็นต้น ที่สำคัญเราต้องเตรียมเอกสารทางการตลาดให้ใครถ้วนไม่ว่าจะเป็น นามบัตร ใบปลิว แคตตาล็อก ที่จะมอบให้กับลูกค้าที่มาเยี่ยมชมบูธของเรา

ในระหว่างร่วมงานจัดแสดงสินค้า

er8

ถือเป็นไฮไลต์ที่สำคัญมาก โดยหากเราต้องการให้คนส่วนใหญ่ในงานจดจำภาพของบูธเราได้มากขึ้นก็มีหลากหลายเทคนิคที่สามารถนำมาใช้ได้เช่น

  1. ออกแบบบูธให้โดดเด่นรวมถึงการออกแบบป้ายโฆษณาต่างๆให้แสดงถึงประโยชน์และบริการของเราอย่างชัดเจน
  2. พนักงานต้องมีความกระตือรือร้นและมีหัวใจของการบริการ รวมถึงต้องมีการแสดงออกที่เหมาะสมเชนไม่กินไม่อ่านไม่คุยโทรศัพท์ในระหว่างการนั่งประจำบูธ
  3. มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนพนักงานประจำบูธให้เพียงพอเพื่อให้เกิดการหมุนเวียและไม่จำเจอยู่ในบูธ
  4. เอกสารทางการตลาดต้องดูมีความเป็นมืออาชีพมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไม่ใช่แค่กระดาษที่ลูกค้าดูแล้วไม่น่าสนใจซึ่งจะกลายเป็นขยะ เรื่องนี้เราอาจต้องลงทุนในเรื่องการพิมพ์ที่มีคุณภาพมากขึ้นด้วย
  5. มีการใช้ presentation ที่เหมาะสมไม่ว่าจะฉายทาง projector หรือว่า คอมพิวเตอร์ แล้วแต่ความเหมาะสมในงาน ซึ่งการนำเสนอนี้จะเป็นจุดสร้างความสนใจให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อย่างดี
  6. การจัดบูธด้วยรูปแบบการจัดเรียงสินค้าที่น่าสนใจเพิ่มสีสันให้คนสนใจได้มาก เทคนิคของการจัดสินค้าเป็นหมวดหมู่ เล่นสีสัน หรือการทำ POPUP ก็ล้วนแต่น่าสนใจและควรนำมาใช้ร่วมกับการจัดเรียบสินค้าในทุกๆครั้งด้วย

หลังการจัดงาน

er12

แม้ว่าการจัดแสดงสินค้าจะจบไปแล้วแต่หน้าที่ของผู้ประกอบการเองยังไม่จบและดูเหมือนว่าเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำกับการติดตามลูกค้าจากข้อมูลที่มีอยู่จากการจัดงาน โดยเทคนิคในการเข้าถึงความรู้สึกนั้นอาจไม่ใช่การโทรไปเสนอขายสินค้าแต่อาจส่งเพียงข้อความหรือการ์ดในการขอบคุณที่มาเยี่ยมชมบูธ

รวมถึงการแนบนามบัตรของธุรกิจไปให้ หรือในบางรายอาจได้การสนทนาเพิ่มเติมเข้ามาสิ่งเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจในระยะยาวและเราควรบันทึกฐานลูกค้าเหล่านี้ไว้และมีการพูดคุยติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในโอกาสต่อไปด้วย

เราจะเห็นได้ว่าการออกงานแสดงสินค้านั้นไม่ใช่แค่เรื่องที่จะมาทำกันเล่นๆ หรือทำแบบขอไปที ถ้าเราหวังผลในเชิงธุรกิจนี่คือศาสตร์การตลาดที่มีเทคนิคสำคัญหลายอย่างผสมผสานกันอยู่

บริษัทที่มีประสบการณ์ในงานด้านนี้บางแห่งถึงกับมีการตั้งแผนกขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบงานออกบูธโดยเฉพาะนั้นเพราะเขามองเห็นถึงผลที่จะได้รับหากทำเต็มที่และทำให้มีประสิทธิภาพซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ต้องศึกษาแนวทางนี้เอาไว้ให้ดี

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด