3 เทคนิคขายของออนไลน์ให้ได้ผลช่วงสงกรานต์

ต้องยอมรับว่า สินค้าออนไลน์ ยังขายดีต่อเนื่อง แม้จะผ่านช่วงเทศกาลไปแล้ว แต่คนก็นิยมซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น และใช้โซเชียลเป็นแหล่งค้นหาไอเดียใหม่ๆ เพราะนอกจากผู้บริโภคจะใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขในเทศกาลต่างๆ ทำกิจกรรมต่างๆ กับเพื่อน คนรัก ครอบครัว ทำให้เกิดการแชร์ภาพ ข้อความ หรือแม้แต่วิดีโอจำนวนมากบน Social Network 

ในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อหาของขวัญ ของฝาก ให้คนรู้ใจ ครอบครัว หรือเพื่อนฝูง ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการเลือกซื้อของบนออนไลน์ ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดี แค่เลือกของ แล้วซื้อ ชำระเงิน และรอสินค้ามาส่ง ก็เป็นอันจบ ได้ทั้งสินค้าหรือของขวัญที่ถูกใจ และไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปถึงที่ด้วย

รายงานจากเฟซบุ๊ก ระบุว่า สถิติในการซื้อของออนไลน์ของคนไทยในช่วงสงกรานต์ สูงเกือบเทียบเท่าช่วงเดือนธันวาคมที่เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ เท่ากับว่า 2 เทศกาลนี้เป็นช่วงสำคัญในการขายที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า จะขายของอย่างไรให้ตรงใจผู้บริโภค ไม่ใช่ว่าผู้ประกอบการหรือพ่อค้าแม่ออนไลน์จะขายเมื่อไหร่ก็ขายได้ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน ความน่าสนใจ คือ ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันสงกรานต์ มากกว่าช่วงสงกรานต์เฉลี่ย 28%

ทั้งนี้ แม้ว่าการซื้อสินค้าในช่วงสงกรานต์จะมีน้อย แต่ใช้เฟซบุ๊กในการลงคอนเทนต์เฉลิมฉลอง และการช้อปปิ้งจะกลับมาอีกครั้งหลังสงกรานต์ ที่ข้อมูลระบุว่ามีการช้อปมากกว่าช่วงสงกรานต์ 36%

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com ได้มีวิธีการขายของออนไลน์ให้ได้ผล ตรงใจ ตรงความต้องการของผู้บริโภคในช่วงสงกรานต์ ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า ก็ลองนำเอา 3 วิธีการขายออนไลน์ ไปเป็นแนวทางการขายมัดใจลูกค้าได้นะครับ\

1.ก่อนวันสงกรานต์

ภาพจาก goo.gl/E5EuGF

ก่อนวันสงกรานต์ ผู้บริโภคจะมีการซื้อสินค้าหรือบริการเยอะ พ่อค้าแม้ค้าต้องพยายามที่จะสร้างแคมเปญทางการตลาด ลด แลก แจก แถม หรือมีโฆษณาเด็ดๆ ไว้ดึงดูดความสนใจ เพื่อกระตุ้นการซื้อ หาโอกาสการปิดการขายให้ได้

เพราะผู้บริโภคจำนวนมาก มักจะใช้เฟซบุ๊กบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพื่อค้นหาไอเดียการเลือกซื้อของขวัญในเวลาว่าง รวมถึงการแบ่งปันภาพช่วงเวลาแห่งความสุขของสงกรานต์ ไปยังเพื่อน คู่รัก ครอบครัว

ดังนั้น ช่องทางนี้จึงเหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการเข้าถึงตัวลูกค้า ด้วยโฆษณาที่ดูสะดุดตา ภาพสินค้าสวยงาม เนื้อหากระชับ เหมาะสมกับหน้าจอขนาดเล็ก เพื่อสื่อสารให้ลูกค้าสนใจในธุรกิจของคุณและตัดสินใจซื้อทันที

2.ช่วงวันสงกรานต์

ภาพจาก goo.gl/w30rAZ

พอเข้าถึงช่วงสงกรานต์ ผู้บริโภคจะใช้จ่ายไปกับการเที่ยว หรือฉลองกับครอบครัว ทำให้ไม่สนใจซื้อของทางออนไลน์ แต่ก็ยังมีการใช้เฟซบุ๊กเยอะอยู่ แบรนด์สินค้าต่างๆ หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องทำคอนเทนต์ ที่อิงไปกับกระแสช่วงสงกรานต์เพื่อสร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และคล้อยตามให้กับผู้บริโภค ช่วงนี้เป็นเวลาที่ใครๆ ต่างพากันหาซื้อของขวัญ

ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าจึงควรลงโฆษณาโดยตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างสร้างสรรค์ และแปลกใหม่ เข้ากับช่วยเวลาแห่งการมีความสุข กระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์หรือที่หน้าร้าน จะเลือกใช้วิธีเจาะจงสินค้าไม่กี่ประเภทเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย หรือจะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการหลายๆ ตัวพร้อม แต่สินค้าต้องเข้ากับเทศกาล

3.ช่วงหลังสงกรานต์

ภาพจาก goo.gl/pauU5z

ช่วงหลังสงกรานต์ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องลงโฆษณาใหม่อีกครั้ง เพื่อสร้างการรับรู้อีกครั้ง กระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากจะใช้จ่าย ที่สำคัยอย่าขาดการติดต่อสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเด็ดขาด แม้จะเลยช่วงเทศกาลไปแล้ว

แต่นักช้อปจำนวนไม่น้อย ยังคงมองหาของขวัญและของใช้เด็ดอยู่ตลอด คุณจึงควรพยายามเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายต่อไปในช่วงนี้ เพื่อค้นหาลูกค้าใหม่ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับฐานลูกค้าปัจจุบัน ทั้งยังต้องใส่ใจเพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า

อย่างไรก็ตาม ยังมีสถิติที่น่าสนใจระบุว่า นักช้อปออนไลน์ชาวฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย นิยมช้อปปิ้งในวันจันทร์ ขณะที่ชาวเวียดนามนิยมช้อปในวันพฤหัสบดี และสิงคโปร์เลือกช้อปในวันอาทิตย์ แต่หากเป็นการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการผ่านอุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต จะพบว่ามียอดการซื้อสูงสุดในวันศุกร์

ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า ก็ลองนำเอา 3 วิธีการขายออนไลน์ในช่วงสงกรานต์ ไปเป็นแนวทางโพสต์ขายของทาง Social Media ต่างๆ ทั้งก่อนวันสงกรานต์ ช่วงสงกรานต์ และหลังสงกรานต์ ที่สำคัญอาจต้องนำไปพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ของลูกค้าไปปรับใช้ด้วย เพื่อที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด

ใครอยากเปิดร้านค้าออนไลน์ คลิกเข้าไปเปิดร้านฟรีได้ที่ goo.gl/1c0ofv

---

Tips

1. สร้าง Content และโฆษณาเด็ดๆ ดึงดูดความสนใจ
2. ส่งสินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างสร้างสรรค์
3. ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง