3วิธีคิดทำธุรกิจให้สำเร็จแบบ Steve Wozniak
ในฐานะที่ แบรนด์คอมพิวเตอร์ ชื่อดังอย่าง Apple เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลายคนอาจจะคุ้นหูกับคนที่ชื่อ Steve Jobs ผู้ที่ได้ชื่อว่าเปลี่ยนแปลงคอมพิวเตอร์ไปสู่ยุคใหม่และ Steve Jobs ก็เป็นนักคิดนักวางแผนและนักนำเสนอทางการตลาดที่ดี
แต่ทั้งนี้ความสำเร็จดังกล่าวไม่ใช่เกิดจาก Steve Jobs เท่านั้นทีมวิศวกรที่อยู่เบื้องหลังโดยเฉพาะ Steve Wozniak ถือเป็นผู้ลงมือทำที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กันทีเดียว
ความสำเร็จของ Steve Wozniak หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Apple ร่วมกับ Steve Jobs หลายคนคงยังไม่รู้ถึงแนวทางการทำงานของคนที่อยู่เบื้องหลังกับการผลักดันให้ Apple กลายเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในปัจจุบันและวันนี้
www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอแนวคิดและวิธีการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องอยู่เบื้องหน้าแต่ก็สร้างสรรค์ธุรกิจให้มีกำไรมหาศาลได้เช่นเดียวกัน
รู้จักกับ Stephen Wozniak ชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Apple
ภาพจาก goo.gl/yAyXLc
Stephen Wozniak คือผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Apple เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่มการสร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดยสามารถประดิษฐ์วิทยุเองตอนอายุ 11 ขวบ และประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ของเขาเองเครื่องแรกสองปีหลังจากนั้น Wozniak ชอบประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นงานอดิเรกของเขา
จนกระทั่งพบกับ Steve Jobs และมีความเห็นตรงกันคือสร้างคอมพิวเตอร์ขายในราคาไม่แพงคงจะประสบความสำเร็จ Wozniak เปิดโรงรถที่บ้านของจ๊อบเป็นที่ออกแบบและสร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแม่แบบขึ้นมา
และก่อตั้งบริษัทชื่อ Apple Computer ขึ้นในปี 1976 ความสามารถของคอมพิวเตอร์จากบริษัท Apple คือแสดงผลภาพกราฟฟิกได้ความละเอียดภาพสูง และยังมีตัวอ่านแผ่นดิสก์แบบบาง (floppy disk) อีกด้วย
นอกจากนี้ Wozniak ยังสร้างซอฟต์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ Apple โดยเฉพาะ เช่น โปรแกรมวิสิแคลค์ จึงทำให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงนั้นและต่อไปนี้คือ 3 บทเรียนจากความสำเร็จของ Steve Wozniak ที่นักธุรกิจและผู้ลงทุนสามารถนำไปใช้เป็นแบบอย่างในการทำธุรกิจที่ดีได้
1. จงทุ่มเทกับงานที่รักชนิดที่ไม่สนใจเรื่องอื่น (Be Geek)
ภาพจาก goo.gl/tY6wp6
Wozniak คือตัวจริงในด้านนี้เพราะถ้าสตีฟ จ๊อป ไม่มีวิศวกรที่เก่งและรักในการสร้างอย่าง Wozniak ก็คงไม่มีบริษัท Apple ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก และด้วยเวลาที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน จนหลายคนคิดว่า Wozniak จะต้องนำเงินที่มีไปลงทุนใน Startup ต่างๆ ผันตัวเองกลายเป็นนักลงทุน
แต่ที่จริงแล้วนั้น ไม่มีเลย! เพราะด้วยความที่เป็นคนซึ่งทุ่มเทกับการสร้างสรรค์งานแบบชัดเจน ถึงขั้นปฏิญาณกับตัวเองว่า ‘Engineer for life’ จึงไม่สนใจด้านการลงทุน
โดย Wozniak ได้เคยพูดถึง Startup หน้าใหม่ไว้ว่า หากคุณอยากให้บริษัทของคุณประสบความสำเร็จ คุณต้องหา Engineer ที่หลงใหลในการสร้าง รักการเรียนรู้ด้วยตัวเอง แม้จะไม่มีบทเรียนใดๆที่สอนในโรงเรียนเลยก็ตาม แต่ก็ยังสามารถสร้างบางสิ่งขึ้นมาได้ จากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง
2. จงรู้จักการตอบแทนบุญคุณกับคนที่เคยช่วยเหลือ (Giving Back)
ภาพจาก goo.gl/KBUUkz
Wozniak ไม่เคยลืมคนที่ช่วยให้ธุรกิจของ Apple นั้นประสบความสำเร็จ เมื่อวันที่ Apple ประกาศขายหุ้น IPO ให้กับคนทั่วไป Wozniak ไม่ลืมว่า พนักงานกว่า 80 ชีวิตในวันนั้น คือคนที่คอยผลักดัน ช่วยให้ Apple เติบโตมาได้ จึงสละหุ้นตัวเองบางส่วนเพื่อขายให้กับพนักงาน Apple
อีกทั้งยังให้หุ้นกับกลุ่มคนที่ช่วยเหลือ Apple ในช่วงแรก ตอนที่ยังมีกันแค่ 3 คน ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากภายในบริษัท Apple เองแล้ว Wozniak ยังให้กลับคืนสู่สังคมด้วยการบริจาคให้กับโรงเรียนต่างๆ รวมถึงสละเวลาส่วนตัวเพื่อสอนเด็กเหล่านั้น ด้วยบทเรียนที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาเองอีกด้วย
3. จงอย่าโยนเวลาที่มีค่าของคุณทิ้งไป ( Don’t throw away your time)
ภาพจาก goo.gl/cFJaLO
สิ่งสำคัญที่ Wozniak กล่าวคือ “หากวันนี้คุณมีเวลาว่างให้ลงมือทำ side project เพื่อสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมา” Wozniak ได้ยกตัวอย่างว่าในขณะที่ตัวเขานั้นอยู่ HP ทำงานประจำ ได้นำเวลาช่วงเลิกงานมาสร้างบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ขึ้นมาได้
ดังนั้นในขณะที่เราอยู่ในวัยที่มีทั้งพละกำลังที่แข็งแรง มันสมองที่พร้อมพัฒนา อย่าเอาเวลาไปเผาทิ้ง ด้วยการดูทีวี ปาตี้ ต่างๆ เพราะนั่นคือเวลาที่เราจะสร้างงานเพื่อตัวของเราเอง
จากสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จของ Stephen Wozniak เป็นพื้นฐานสำคัญของการทำธุรกิจหลายอย่างไม่ใช่ว่า Wozniak จะเป็นอัจฉริยะหรือมีต้นทุนชีวิตที่ดีกว่า
แต่สิ่งที่ Wozniak พยายามแสดงออกมาคือจงบ้าให้เต็มที่กับการทำงานโดยที่ต้องไม่ลืมบุญคุณของคนที่ช่วยเหลือธุรกิจและต้องใช้เวลาที่มีอย่างคุ้มค่าทั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งง่ายๆแต่ความจริงมีคนทำแบบนี้ได้น้อยมาก
แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าความสำเร็จที่เราคาดหวังแท้ที่จริงเราต้องการมากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่แค่คิดแบบเพ้อฝันก็ต้องลงมือทำและทำอย่างจริงจัง ธุรกิจเล็กๆก็พร้อมจะเติบโตได้ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้เช่นกัน
