2040 วันสิ้นรถใช้น้ำมัน

กระแสของยานยนต์โลกกำลังมุ่งไปทาง “รถยนต์ไฟฟ้า” จะกินเวลานานขนาดไหน 5 ปี 10 ปี 20 ปี ยังไม่มีใครทราบได้อย่างแน่ชัด แต่หลายๆ ประเทศทางฝั่งยุโรป ได้ประกาศออกมาจัดเจนแล้วว่า จะยุติการจำหน่าย รถ ที่ใช้น้ำมัน เบนซินและดีเซลในปี  2040 (พ.ศ.2583) นับจากนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 23 ปี เท่านั้น แล้วประเทศไทยล่ะ! พร้อมแล้วหรือยัง?

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com ขอพาคุณผู้อ่านไปดูว่า ประเทศใดบ้าง ที่มีจะยกเลิกการใช้รถที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมรถยนต์โลก ทำนายว่า การเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2020 และในช่วงนั้นรถยนต์ไฟฟ้าจะแข่งขันกับรถยนต์ที่ใช้ น้ำมัน ดีเซลหรือเบนซินได้ในหลายปัจจัย อย่างเช่นต้นทุนการผลิต

1.อังกฤษ

158

ภาพจาก goo.gl/gccmMJ

เตรียมประกาศห้ามผลิตรถยนต์และรถตู้ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินในประเทศตั้งแต่ปี 2040 เป็นต้นไป เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ จะตั้งกองทุนมูลค่า 255 ล้านปอนด์ หรือราว 11,100 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ปัญหามลพิษที่ปล่อยออกมาจากยานพาหนะที่ใช้ น้ำมัน ดีเซล

โดยกองทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณ 3,000 ล้านปอนด์ หรือราว 131,000 ล้านบาทในการปรับปรุงคุณภาพอากาศ รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ก่อนที่จะถึงเส้นตายตามที่ศาลสูงกำหนด

2.จีน

159

ภาพจาก goo.gl/72ir7X

จีนเตรียมออกมาตรการห้ามผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงาน น้ำมัน โดยเชื่อว่าภายในปี 2025 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 5 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด

ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดว่ามาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด แต่ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว พร้อมระบุว่า มาตรการนี้จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในจีน

ในปัจจุบัน จีนเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเมื่อปี 2016 ยอดการผลิตรถยนต์ในจีนสูงถึง 28 ล้านคัน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลก

จีนตั้งเป้าหมายภายในปี 2025 ราวๆ 1 ใน 5 ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วประเทศ จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด โดยคาดว่าในปี 2019 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดจะโตขึ้นร้อยละ 8 และในปี 2020 จะโตขึ้นร้อยละ 12

3.ฝรั่งเศส

160

ภาพจาก goo.gl/RtTdfo

ฝรั่งเศสจะเลิกขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลภายในปี 2040 อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะทำให้บรรลุผลได้ตามเป้าของข้อตกลงปารีสเรื่องลดโลกร้อน
นิโคลาส ฮูลอต รัฐมนตรีนิเวศวิทยาคนใหม่ของฝรั่งเศส กล่าวว่า “เรากำลังประกาศถึงการสิ้นสุดการจำหน่ายรถยนต์เบนซินและดีเซลภายในปี 2040 ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการปฏิวัติอย่างแท้จริง”

เขาบอกว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับค่ายรถ แต่อุตสาหกรรมของฝรั่งเศสมีเครื่องไม้เครื่องมือที่เพียบพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง ค่ายรถของฝรั่งเศสมีไอเดียในลิ้นชักมากพอที่จะทำตามสัญญาในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับสาธารณสุขด้วย

4.นอร์เวย์

161

ภาพจาก goo.gl/oznCv2

สำหรับนอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้มีการจำหน่ายได้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าและแบบไฮบริดปลั๊กอินภายในปี 2025

5.เยอรมนี

162

ภาพจาก goo.gl/Hzx7WX

ด้านผู้นำรัฐบาลเยอรมนี เปิดเผยว่า แผนการของเยอรมนีในการห้ามใช้รถเครื่องยนต์สันดาปภายในจะมีรายละเอียดที่ใกล้เคียงกับชาติยุโรปอื่นๆ แต่ไม่ได้ยืนยันช่วงเวลาอย่างเป็นทางการ และเธอระบุว่า เป้าหมายของอังกฤษและฝรั่งเศสที่ต้องการยกเลิกเครื่องยนต์สันดาปภายในในปี 2040 นั้นเป็นทิศทางที่ถูกต้อง

ปัจจุบัน โฟล์คสวาเกน กลุ่มยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนี กำลังประสบปัญหาการโกงมลพิษเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดพันต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2015 ขณะเดียวกัน รัฐบาลเยอรมันก็กำลังตรวจสอบ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดส-เบนซ์ว่าอาจมีการกระทำที่ละเมิดกฎหมายเหมือนกับโฟล์คสวาเกนหรือไม่

6.อินเดีย

163

ภาพจาก goo.gl/F5bKR3

ประเทศอินเดีย หลังจากที่มีการประกาศแผนออกมาอย่างชัดเจนว่า จะเลิกใช้รถยนต์ที่ใช้ น้ำมัน ต่อจากเยอรมันและนอร์เวย์ ที่ได้ประกาศมาก่อนหน้านี้แล้ว ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นได้ของผลวิจัยที่ชี้ว่า ธุรกิจบริษัท น้ำมัน อาจจะหนาวๆ ร้อนๆ ส่อเค้าจะล้มกันเลยทีเดียว

เนื่องจากคนจะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันหมด ตั้งเป้าให้ขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030 การเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้อินเดียกลายเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอันดับ 3 ของโลก ต้องจ่ายเงินซื้อน้ำมันถึงปีละ 150 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะลดความต้องการการใช้น้ำมันลงอย่างมาก

7.เนเธอร์แลนด์

164

ภาพจาก goo.gl/3rm4cM

สมาชิกสภาจากพรรคแรงงานของเนเธอร์แลนด์ ได้เตรียมร่างกฎหมายห้ามการซื้อ-ขาย และนำรถที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลทุกประเภทภายในปี 2025 มองว่าระยะเวลาดังกล่าว เพียงพอที่บริษัทรถยนต์จะเปิดตัวและจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และพลังงานจากไฮโดรเจน และเมื่อถึงตอนนั้น ผู้บริโภคที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์ ที่ใช้พลังงานสะอาด มากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

พรรคแรงงานของเนเธอร์แลนด์ ยังสนับสนุนการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ และผลักดันให้เกิดการใช้จริงภายในปี 2025 เช่นกัน โดยมองว่าเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ หรือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่เกิดจากความผิดพลาดของคนขับรถมากกว่าในปัจจุบัน

เราต้องยอมรับว่า เรื่องรถพลังงานไฟฟ้ากำลังเป็นของ “ร้อน” ในหลายประเทศ รวมถึงบ้านเรา เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ เป็น2 ประเทศแรกที่ประกาศจะห้ามจำหน่ายรถยนต์เบนซินและดีเซลในปี 2025 ขณะที่เยอรมนี และอินเดีย วางเป้าหมายเดียวกันไว้ในปี 2030 ล่าสุดคือ ฝรั่งเศส และอังกฤษ ที่บอกว่าจะยุติการจำหน่ายรถเบนซิน และดีเซลตั้งแต่ปี 2040

มาตรการของทุกประเทศที่ห้ามขายรถใหม่ที่ใช้พลังงานฟอสซิลเท่านั้น หมายความว่า ผู้ไม่มีรถไฟฟ้ายังสามารถใช้รถเบนซินหรือดีเซลได้ต่อไป แต่อาจถูกห้ามวิ่งในเขตเมืองใหญ่ ซึ่งรัฐคาดว่าพอไม่ได้รับความสะดวก แถมยังมีส่วนลดหรือเงินให้เปล่าสำหรับผู้ซื้อรถไฟฟ้ามาล่อใจ เจ้าของรถเก่าก็คงทยอยเปลี่ยนจนรถสันดาปภายในสูญพันธุ์ไปในที่สุด

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ http://www.thaifranchisecenter.com/home.php

อ้างอิงข้อมูลจาก goo.gl/DWxK4v

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช