12 ขั้นตอนจากลูกจ้างสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจขั้นเทพ!

เชื่อว่าหลายๆ คน อาจจะ เบื่องานประจำ ที่กำลังอยู่ อยากจะลาออกไปทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งก็มีอยู่ 2 ขั้นตอนทีคนส่วนใหญ่ทำกัน คือ ลาออกงานเลยแล้วไปสร้างธุรกิจของตัวเอง

และยังไม่ลาออกจากงาน แต่วางแผนไปเรื่อยๆ ในการสร้างธุรกิจให้เป็นรูปเป็นร่างแล้วค่อยลาออก โดยอันหลังจะเป็นหลักประกันความเสี่ยงได้ดีกว่า เพราะยังมีเงินประจำอยู่

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอ 12 ขั้นตอน ก้าวจากการเป็นลูกจ้างสู่การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ เพื่อเป็นแนวทางให้กับบรรดาพนักงานประจำ ที่ต้องการอยากเป็นนายตัวเอง หรือเจ้าของธุรกิจในอนาคตครับ

1. กำหนดสิ่งที่อยากทำ

mm2

เมื่อเราอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เราต้องค้นหาหรือถามตัวเองว่าอยากทำอะไร หรือชอบอะไรเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าเรารักในสิ่งที่อยากทำด้วยแล้ว ก็จะทำให้ธุรกิจที่จะทำประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะเราจะตั้งใจทำอย่างเต็มความสามารถ

2. มองโอกาสของธุรกิจ

mm3

ถือว่าสำคัญมาก แม้ว่าเราชอบหรืออยากจะทำอะไร แต่ถ้าทำไปแล้วไม่มีลูกค้า ไม่มีคนซื้อ ก็ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้น การที่คิดจะทำธุรกิจอะไร ต้องวิเคราะห์ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย ว่าลงทุนวันนี้ แล้วพรุ่งนี้ลูกค้ายังจะซื้อเราอีกไหม หรือธุรกิจที่เราชอบในวันนี้ อีก 1- 2 ปีข้างหน้า ยังจะได้รับความนิยมอยู่หรือไม่ เราต้องมองโอกาสของธุรกิจด้วย

3. สอบถามลูกค้าเพื่อหาไอเดีย

mm1

เชื่อมโยงกับข้อ 2 เพราะก่อนจะลงทุนทำธุรกิจอะไรให้ประสบความสำเร็จ อยากแรกต้องดูเทรนด์ตลาดและความต้องการของผู้บริโภคด้วย อาจทำแบบสอบถามหรือพูคุยกับลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ โดยตรง หรือสอบถามทางช่องทางออนไลน์ก็ได้ ว่าลูกค้าชอบสินค้าหรือบริการที่เราอยากจะทำหรือไม่ เพื่อเป็นการแนวร่วมเดียวกัน ถ้าสอบถามหลายๆ คนบอกว่าไม่ชอบ เราก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจก่อนที่จะลงทุนจริงๆ จังๆ ได้ทันเวลา

4. วางแผนการตลาดและแผนธุรกิจ

y4

การตลาดที่ได้รับความนิยมในวันนี้ คือการใช้ช่องทางสื่อสารผ่านทางออนไลน์ โดยเฉพาะ Social Media ต่างๆ เพราะสาสามารถเจ้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีที่สุด ขณะเดียวกันเราต้องจัดทำแผนธุรกิจ ระบุรายละเอียดต่างๆ ว่าเป้าหมายของธุรกิจคืออะไร เราต้องทำงานอะไรบ้างให้ประสบความสำเร็จ แผนธุรกิจจะครอบคลุมโครงสร้างส่วนต่างๆ ของธุรกิจ

5. เริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กๆ

mm10

เป็นการทดลองการทำธุรกิจ ว่าจะไปได้หรือไม่ได้ เหมือนเป็นการลองผิดลองถูก ถ้าเจ๊งก็ไม่ต้องเสียเงินงบประมาณจำนวนมาก แต่ถ้าไปรอดหรือได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดและลูกค้า ก็ค่อยๆ ขยับขยายธุรกิจให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ที่สำคัญเหมาะสำหรับช่วงที่เรายังทำงานประจำอยู่ ยังปลีกตัวไปทำเต็มตัวไม่ได้ ต้องทำขนาดเล็กๆ ไปก่อน

6. ประเมินธุรกิจ และปรับเปลี่ยน

mm11

หลังจากที่เราได้ทดลองเริ่มต้นธุรกิจไปแล้ว พอผ่านไปได้ประมาณเดือนกว่าๆ ก็ลองมาวิเคราะห์ธุรกิจดูว่า ผลกาตอบรับจากตลาดและลูกค้าเป็นอย่างไร ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกวันหรือไม่ หรือคงที่ หรือยอดขายตก เมื่อเราเห็นภาพก็จะสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขได้ทันท่วงที โดยนำเอาข้อเสนอแนะจากลูกค้ามาปรับปรุงให้ตอบโจทย์ลูกค้า จะดีที่สุดครับ

7. รวบรวมทีมงาน

mm6

มาถึงตรงนี้ ถ้าความคิดในการทำธุรกิจของเราจะเป็นไปได้มากที่สุด ผลการตอบรับจากช่วงทดลองทำการตลาด ได้รับผลการตอบรับดี ต่อไปเราต้องคิดว่าถ้าเราออกจากงาน เพื่อมาทำธุรกิจของเราเต็มเวลา เราจำเป็นต้องทีมงาน เพื่อการขยายธุรกิจให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นทีมงานการตาด การเงิน การผลิต การบริการลูกค้า เป็นต้น

8. การหาแหล่งเงินทุน

mm7

ถ้าเราคิดจะทำธุรกิจขาดเล็ก เราอาจใช้เงินเก็บจากการทำงานประจำมาใช้จ่ายช่วง 1- 2 เดือนแรกก่อนก็ได้ ถ้าหากมีเงินเก็บจำนวนมาก แต่ถ้าอยากทำธุรกิจที่มันใหญ่ขึ้น เพราะมีตลาดและลูกค้ารองรับอยู่แล้ว ก็อาจจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงแหล่งเงินทุนจากญาติพี่น้อง

9. วางโครงสร้างบริษัท

mm9

ในเวลาเดียวกัน ถ้าเราจะเดินหน้าธุรกิจจริงๆ ต้องมองด้วยว่าจะจัดตั้งบริษัทในรูปแบบไหน เช่น บริษัทคนเดียว หรือหุ้นส่วน หรือจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล เป็นต้น เพื่อที่จะได้รับการดูแลตามกฎหมายอย่างถูกต้อง

10. ลาออกจากงานประจำ

mm4

เมื่อธุรกิจพร้อมแล้ว ให้ลาออกจากงานประจำวัน เพื่อทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่อย่าลืมว่าในการออกมาทำธุรกิจของตัวเองนั้น ในวันข้างหน้าเราอาจจะต้องได้พบเจอกับหัวหน้าเก่า เจ้านายเก่า หรือเพื่อนร่วมงานเก่าๆ ดังนั้น ก่อนการลาออกต้องบอกเจ้านายและเพื่อนร่วมงานให้ดี ไม่บาดหมางใจกัน เพราะอนาคตธุรกิจอาจต้องพึ่งพาช่วยเหลือกัน

11. ตั้งงบประมาณในการทำงาน

mm8

ช่วงเวลาที่เราทำงานประจำ อาจจะไม่สามารถจัดสรรเรื่องงบประมาณในการทำธุรกิจได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเราออกจากงานประจำมาบริหารกิจการของเราอย่างเต็มที่แล้ว อยากแรกเราต้องบริหารงบประมาณในการทำธุรกิจ แยกออกเป็นแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การตลาด การจำหน่าย การขนส่ง รวมเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท เป็นต้น

12. ปรับขนาดธุรกิจตามแผนการตลาด

mm5

สุดท้ายคือ การทำธุรกิจให้เป็นไปตามแผนงานหรือแผนธุรกิจที่เราได้เขียนเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าออกจากงานแล้วธุรกิจไปได้สวย แต่ตอนแรกแผนธุรกิจเขียนเล็กๆ เราก็ต้องมาปรับขนาดธุรกิจให้เท่ากับแผนการตลาดในปัจจุบัน

เช่น ถ้าสินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ เราก็ต้องปรับขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับตลาดต่างประเทศ เช่น อาจต้องเพิ่มทีมงานด้านต่างประเทศโดยเฉพาะ รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตที่มากขึ้นด้วย

ทั้งหมดเป็นขั้นตอนในการก้าวไปสู่ในการเป็นเจ้าของกิจการ หรือการเป็นนายตัวเอง ในขณะที่เรายังเป็นลูกจ้างอยู่ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันมาก เพราะการวางแผนเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่งเรายังทำงานประจำ จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลาออกจากงานมาเริ่มต้นธุรกิจเลย อย่างน้อยเราก็มีเงินทุนหมุนเวียนในขณะที่เราเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ อยู่

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เริ่มต้นธุรกิจ www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php


SMEs Tips

  1. กำหนดสิ่งที่อยากทำ
  2. มองโอกาสของธุรกิจ
  3. สอบถามลูกค้าเพื่อหาไอเดีย
  4. วางแผนการตลาดและแผนธุรกิจ
  5. เริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กๆ
  6. ประเมินธุรกิจ และปรับเปลี่ยน
  7. รวบรวมทีมงาน
  8. การหาแหล่งเงินทุน
  9. วางโครงสร้างบริษัท
  10. ลาออกจากงานประจำ
  11. ตั้งงบประมาณในการทำงาน
  12. ปรับขนาดธุรกิจตามแผนการตลาด

อ้างอิงข้อมูล www.entrepreneur.com/article/247194 

plann01

 

ท่านใดสนใจอยากให้ร่างสัญญาแฟรนไชส์โดยถูกต้องตามหลักกฎหมายแจ้งความประสงค์ได้ที่
โทร : 02-1019187, Line : @thaifranchise

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช