10 วิธีหาพนักงานขายของหน้าร้าน!

พนักงานขายของหน้าร้าน เป็นตำแหน่งที่ดูเหมือนจะไม่ยุ่งยากไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะอะไรมาก แค่พูดคุยดูแลการขายหน้าร้าน แต่พนักงานขายหน้าร้านก็เหมือนความประทับใจแรกที่ลูกค้าจะได้เห็นดังนั้นก็ควรมีการเทรนด์และสอนกิริยามารยาทการพูดจาให้ลูกค้าประทับใจ

แต่ทั้งนี้บางร้านมีการเปลี่ยนพนักงานขายหน้าร้านเป็นว่าเล่นเพราะในความจริงพนักงานขายหน้าร้านเป็นตำแหน่งที่เงินเดือนไม่สูงมากจึงมีโอกาสที่ทำให้คนขวนขวายไปหาอาชีพอื่นที่มีรายได้มากกว่า ด้วยเหตุนี้การหาพนักงานขายหน้าร้านบางทีจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาคนสนใจทำ

www.ThaiSMEsCenter.com มีวิธีหาพนักงานขายหน้าร้านเบื้องต้นมาเป็นข้อมูลให้เจ้าของธุรกิจได้นำไปศึกษาว่าหากต้องการพนักงานขายหน้าร้านจริงๆจะมีวิธีแบบไหนอย่างไรที่ใช้ได้ผลกันบ้าง

1.ติดป้ายประกาศรับสมัครงานหน้าร้าน

10

นี่คือวิธีพื้นฐานที่ดูจะง่ายและเห็นได้ทั่วไป เช่น “รับสมัครพนักงานขายหน้าร้าน 1 ตำแหน่ง ผู้หญิง รายได้ดี” แต่ทั้งนี้ใช่ว่าใครก็ได้ที่มาสมัครแล้วเราจะรับทันที สิ่งสำคัญคือควรสัมภาษณ์และดูบุคลิกท่าทางว่ามีความเหมาะสมกับสินค้าที่เราจะขายหรือไม่

เช่นถ้าขายเครื่องสำอางก็ควรเป็นคนที่ดูดี หรือถ้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ควรมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง รวมถึงทรรศนคติในการทำงานว่าเป็นอย่างไรเหมาะสมที่เราจะจ้างหรือไม่ และเมื่อจ้างแล้วก็ควรให้พนักงานรู้สึกว่ามีความสุขกับการทำงานจะได้ไม่ต้องประกาศ          รับสมัครบ่อยๆ

2.ดูคู่แข่งว่าเขารับคนอย่างไร

บางครั้งเราก็ต้องยอมที่จะศึกษาคู่แข่งดูบ้างนอกจากเรื่องสินค้าที่เขามีในร้าน วิธีการขายต่างๆ เราก็ควรศึกษาว่าเขามีวิธีหาลูกจ้างอย่างไร และยิ่งถ้าหามาแล้วลูกจ้างอยู่กับเขาได้นานก็สมควรอย่างยิ่งที่เราจะดูว่าเขาบริหารจัดการพนักงานอย่างไรที่ไม่ต้องเปลี่ยนคนบ่อยๆ หรือในกรณีที่เขาจะจ้างงานหรือหาคนทำงานเขาใช้วิธีอย่างไรที่จะได้คนมีคุณภาพ ซึ่งเราอาจใช้วิธีการเดียวกันกับคู่แข่งก็ได้

3.ประกาศรับสมัครผ่านสื่อออนไลน์

ประกาศรับสมัครผ่านสื่อออนไลน์

ปัจจุบันช่องทางออนไลน์คือการสื่อสารขนาดใหญ่ที่ทำให้เรามีโอกาสพบเจอผู้สนใจสมัครงานได้ไม่ยาก สิ่งสำคัญคือเราต้องระบุคุณสมบัติให้ชัดเจน สิ่งที่ลูกจ้างจะได้รับ รวมถึงรูปแบบการทำงานแบบคร่าวๆ

เพื่อให้เขาตัดสินใจได้ว่าจะมาสมัครหรือไม่ นอกจากนี้การประกาศผ่านสื่อออนไลน์มีทั้งรูปแบบประกาศฟรีและเสียเงินซึ่งเราก็ควรจะลองทั้งสองช่องทางจากนั้นค่อยสกรีนคนที่เข้ามา สมัครอีกครั้งหนึ่ง

4.ใช้ระบบค้นหาข้อมูลผู้หางาน

ไม่เพียงแต่วิธีประกาศหาผู้สนใจทำงานเท่านั้นเรายังใช้วิธีค้นหาข้อมูลคนที่ว่างงาน อยากทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่มีการฝากประวัติข้อมูลตัวเองไว้ในระบบจัดหางาน ซึ่งเราก็สามารถเข้าไปในเว็บไซต์เหล่านี้และพิมพ์สิ่งที่เราต้องการลงไปก็จะปรากฏรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับที่ระบุ เท่ากับว่าเป็นไม่จำเป็นต้องรอผู้สมัครมาหาเราแต่เราวิ่งเข้าหาผู้ที่ต้องการสมัครงานได้เช่นกัน

5.ค้นหาผู้ต้องการสมัครงานที่กรมการจัดหางาน

ค้นหาผู้ต้องการสมัครงานที่กรมการจัดหางาน

กรมการจัดหางานจะรับขึ้นทะเบียนผู้ที่ว่างงาน และผู้ที่ต้องการคนทำงาน โดยส่วนใหญ่จะมีหลากหลายตำแหน่งและหลากหลายระดับวุฒิการศึกษา ในกลุ่มของพนักงานขายหน้าร้านถือว่าไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะอะไรมาก

เพียงแต่รายได้ที่อาจจะไม่สูงมากนักก็อาจทำให้ตัดสินใจร่วมงานได้ยาก แต่อย่างไรก็ตามในบางกรณีที่หางานมีความจำเป็นรีบร้อนหรืออยากหางานอะไรก็ได้ทำไปก่อนก็อาจจะสนใจพนักงานขายหน้าร้านที่เราต้องการก็ได้

6.รับสมัครผ่านโซเชี่ยล

ไม่ใช่แค่ในเว็บไซต์เท่านั้นแต่โซเชี่ยลหมายรวมถึงเฟสบุ๊ค ไลน์ อินสตราแกรม ด้วย ในช่องทางสัมคมออนไลน์เหล่านี้เป็นการโพสต์แบบไม่เสียเงินและข้อความที่เราโพสต์ไว้หากเพื่อนหรือญาติพี่น้องได้เห็นว่าเรามีความต้องการที่จะรับสมัครพนักงานหน้าร้านเขาก็อาจจะช่วยแนะนำว่ามีใครสนใจรวมถึงผู้สนใจสมัครงานบางรายอาจเป็นผู้เห็นเองและติดต่อเข้ามาเองก็เป็นได้

7.ขอความร่วมมือจากพนักงานในการช่วยหา

ขอความร่วมมือจากพนักงานในการช่วยหา

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มักใช้ร่วมกับการหาพนักงานรูปแบบอื่นๆ บางครั้งการให้พนักงานช่วยหาคนที่เราต้องการ ซึ่งพนักงานก็อาจจะแนะนำญาติ พี่น้อง หรือคนที่เขารู้จักและกำลังว่างงานให้มาสมัครงาน

ข้อดีของการได้พนักงานที่รู้จักกับพนักงานเดิมคือทำให้เรารู้ประวัติของพนักงานใหม่ได้ชัดเจนกว่า และทำให้พนักงานใหม่มีความคุ้นเคยและรู้จักกับสถานที่ทำงานใหม่ได้เร็วขึ้นผ่านการพูดคุยกับคนที่เขารู้จัก

8.ติดต่อทางสถาบันการศึกษา/โรงเรียน

บางครั้งสถาบันการศึกษาหรือว่าโรงเรียนต่าง ๆก็มีนโยบายให้นักเรียนได้ฝึกฝนการทำงานหรือเป็นการสร้างรายได้ทางอ้อมให้กับนักเรียนบางทีก็มีโครงการให้เด็กนักเรียนได้มาลงชื่อทำงานซึ่งการเป็นพนักงานขายหน้าร้านถือว่าไม่ได้ใช้ทักษะที่มากจนเกินไปอาจจะเหมาะสมกับนักเรียนที่ต้องการฝึกฝนการทำงาน ซึ่งอาจทำให้ตัวนักเรียนเองมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นอีกด้วย

9.หาเด็กในพื้นที่มาเป็นพนักงานขาย

หาเด็กในพื้นที่มาเป็นพนักงานขาย

อันนี้น่าจะเรียกว่าเป็นการใช้ความสนิทคุ้นเคยชักชวนให้มาทำงาน ต่างจากการหาวิธีอื่นคือเราจะเป็นคนที่รู้จักพนักงานอย่างดีว่าเขาเป็นลูกใคร หลานใคร เป็นคนดี รับผิดชอบแค่ไหน ซึ่งเด็กบางคนอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ทำอะไร เราอาจใช้ช่องว่างนี้ไปขอตัวจากผู้ปกครองเอาช่วยงานขาย ซึ่งก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายคือนายจ้างก็ได้คนขาย ส่วนคนขายก็ได้เงินเป็นรายได้เสริมให้ครอบครัวอีกทาง

10.ใช้ลูกหลานตัวเองจะได้ฝึกประสบการณ์ไปด้วย

ถ้าไม่รู้จะหาพนักงานขายจากที่ไหนได้แล้ว รับสมัครก็ไม่มีคนมาสมัคร หรือมาแล้วก็ยังไม่ถูกใจแนะนำว่าลูกหลานที่เรามีเรามีน่าจะเรียกมาใช้สอยได้ โดยเฉพาะหากเป็นลูกเราเองที่ในอนาคตจะต้องสืบทอดกิจการต่อจากเรา ควรให้เขามาเรียนรู้งานตั้งแต่เบื้องต้นคือการขายจะได้รู้จักว่าการทำงานที่แท้จริงเป็นอย่างไร จะได้ฝึกการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและจะได้ฝึกให้รู้จักคุณค่าของการหาเงินเพื่อให้เด็กได้มีประสบกาณณ์เผื่อที่จะเข้ามาสืบทอดกิจการของเราต่อได้ในอนาคต

สิ่งสำคัญคือเมื่อได้พนักงานมาไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม หากเขาทำงานได้ทำงานดีมีความรับผิดชอบก็ควรอย่างยิ่งที่นายจ้างจะต้องรู้จักรักษาลูกจ้างไว้ไม่ให้ลาออกไปไหน ซึ่งมีวิธีหลายอย่างที่จูงใจได้เช่น การขึ้นเงินเดือน การให้โบนัสยอดขาย การดูแลยามเจ็บไข้ได้ป่วย การที่ธุรกิจมีพนักงานที่ทำงานมานานมีความจงรักภักดีจะทำให้การต่อยอดธุรกิจเป็นไปได้ง่ายดีกว่ารับสมัครเด็กใหม่ ต้องสอนงานใหม่ อยู่ไม่นานก็ลาออกไป วังวนแบบนี้นอกจากธุรกิจจะโตได้ยากยังเป็นเรื่องน่าปวดหัวในการหาคนที่ไม่รู้จักจบสิ้นอีกด้วย


SMEs Tips

  1. ติดป้ายประกาศรับสมัครงานหน้าร้าน
  2. ดูคู่แข่งว่าเขารับคนอย่างไร
  3. ประกาศรับสมัครผ่านสื่อออนไลน์
  4. ใช้ระบบค้นหาข้อมูลผู้หางาน
  5. ค้นหาผู้ต้องการสมัครงานที่กรมการจัดหางาน
  6. รับสมัครผ่านโซเชี่ยล
  7. ขอความร่วมมือจากพนักงานในการช่วยหา
  8. ติดต่อทางสถาบันการศึกษา/โรงเรียน
  9. หาเด็กในพื้นที่มาเป็นพนักงานขาย
  10. ใช้ลูกหลานตัวเองจะได้ฝึกประสบการณ์ไปด้วย

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด