ใครเจ๋ง! ไปรษณีย์ไทย vs Kerry Express

แม้ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ มากมาย แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีธุรกิจได้รับอานิสงค์จากวิกฤติดังกล่าว นั่นคือ “ธุรกิจขนส่งพัสดุ” เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ และ Work From Home ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยหลีกเลี่ยงออกนอกบ้าน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาซื้อสินค้าทางออนไลน์กันมากขึ้น

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในปัจจุบันประเทศไทยมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจบริการขนส่งพัสดุเกิดขึ้นมากมาย ทั้งแตกไลน์จากธุรกิจเดิมเข้ามาแย่งส่วนแบ่งจากการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีมูลค่ากว่า 294,000 ล้านบาท แบรนด์ไหนให้บริการขนส่งพัสดุด่วนได้ราคาถูก รวดเร็ว ปลอดภัย และคุณภาพดี ยิ่งมีลูกค้าและผู้ใช้บริการกันอย่างคับคั่ง ดันรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด

โดยเฉพาะแบรนด์ต่างชาติ Kerry Express กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของแบรนด์สัญชาติไทยอย่าง “ไปรษณีย์ไทย” ทั้งสองแบรนด์นี้มีความโดดเด่นอย่างไร ใครเจ๋งกว่ากัน วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีข้อมูลมานำเสนอให้ทราบ

“ไปรษณีย์ไทย”

u1

ภาพจาก https://goo.gl/TYaEkD

ปัจจุบันไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้นำด้านการขนส่งไปรษณีย์และพัสดุอันดับหนึ่งของเมืองไทย แม้จะมีบริษัทเอกชนมากมายที่ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่ง และเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีพนักงานมากที่สุด เพราะเป็นผู้ให้บริการพื้นฐานที่ประชาชนต้องใช้บริการทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ โดยมีเกือบ 1,500 สาขา มีผู้นำจ่าย 3,500 จุด รวมแล้วมีร่วม 5,000 เพื่อเชื่อม 5,000 จุดเข้าด้วยกัน

จากสถิติการให้บริการของไปรษณีย์ไทยในด้านการขนส่งไปรษณีย์และพัสดุในประเทศไทย พบว่าในปีในปี 2563 ให้บริการไปรษณียภัณฑ์ธรรมดา 1,609.42 ล้านชิ้น, พัสดุไปรษณีย์ 7.26 ล้านชิ้น, บริการพิเศษ 388.46 ล้านชิ้น ขณะที่บริการธนาณัติในประเทศ จำนวน 2.83 ล้านชิ้น และ Pay at Post จำนวน 3.31 ล้านชิ้น

ที่สำคัญไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้นำด้านการขนส่งไปรษณีย์และพัสดุขนาดใหญ่ ด้วยจำนวนพนักงาน 31,465 คน (ณ เม.ย. 563) แบ่งเป็น พนักงานประจำ 18,436 คน ลูกจ้างประจำ 3,105 คน และลูกจ้าง 3,324 คน และความเป็นรัฐวิสาหกิจ

จุดแข็งของไปรษณีย์ไทย

u4

ภาพจาก https://goo.gl/ZgBojR

สำหรับจุดเด่นของไปรษณีย์ไทยที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการ คือ มีสาขาจำนวนมากทั่วประเทศ, ราคาค่าส่งแบบธรรมดามีราคาถูก, การส่งแบบ EMS สามารถตรวจสอบสถานะพัสดุได้ทางอินเตอร์เน็ต, มีการให้บริการแบบ Drive Thru (เฉพาะบางสาขา) ที่สำคัญแม้ผู้ใช้บริการจะให้ที่อยู่ผิด แต่บุรุษไปรษณีย์สามารถนำจ่ายได้ถูกบ้าน

ขณะเดียวกัน ในช่วงการระบาดโควิด-19 ไปรษณีย์ไทยได้อำนวยความสะดวกให้ภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ บริการฝากส่งพัสดุที่บ้าน Pick up Service, การจำหน่ายสินค้าของดีทั่วไทยบนแพลตฟอร์ม Thailandpostmart.com, การพัฒนารถขนส่งควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพสินค้า รวมถึงบริการส่งยาให้ถึงที่บ้านโดยที่ไม่ต้องไปโรงพยาบาล

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยในฐานะที่เป็นหน่วยงานขนส่งของชาติ ได้มีมาตรการช่วยเหลือและสนับสนุนประชาชน ผู้ประกอบการ พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ ด้วยบริการขนส่งพัสดุทั้งในและต่างประเทศ เช่น บริการยิ้มสู้-19 ส่งสิ่งของเหมาจ่ายราคาประหยัด อัตราค่าบริการ 19 บาทราคาเดียว น้ำหนักไม่เกิน 1 กิโลกรัมต่อชิ้น อีกทั้งยังสามารถใช้บริการร่วมกับบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ได้ผ่าน Application Wallet@Post ค่าธรรมเนียม 10 บาท/ชิ้น

บริการไปรษณีย์ไทย

u3

ภาพจาก https://goo.gl/gDxYh8

  1. บริการ EMS ในประเทศ “ส่งด่วนมั่นใจ ตรวจสอบได้ 24 ชั่วโมง” บริการจัดส่งเอกสารและสิ่งของ เพื่อให้ถึงผู้รับภายในประเทศอย่างรวดเร็ว ตรวจสอบสถานะสิ่งของฝากส่งทางไปรษณีย์ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยระบบ TND
  2. บริการ eCo-Post บริการฝากสิ่งของทางไปรษณีย์ในประเทศ สิ่งของที่ฝากส่งมีน้ำหนักหนักสูงสุดไม่เกิน 10 กิโลกรัม สามารถตรวจสอบสถานะได้ รองรับความต้องการส่งของมากกว่า 2 กิโลกรัม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า e-Commerce
  3. บริการโลจิสโพสต์ พลัส “ส่งสิ่งของใหญ่ในราคาประหยัด” อำนวยความสะดวกในการจัดส่งสิ่งของขนาดใหญ่น้ำหนักตั้งแต่ 20-200 กิโลกรัม ในเวลาที่รวดเร็วขึ้นภายใน 3-7 วันทำการ
  4. บริการคูเรียร์โพสต์ (Courier Post) บริการขนส่งด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ด้วยมาตรฐานความรวดเร็วระดับสากลภายใต้สโลแกน “เหนือชั้นทุกการส่งตรงสู่ทุกมุมโลก” ด้วยเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุม 107 ประเทศปลายทาง
  5. แอปพลิเคชั่น Wallet@POST ผู้ใช้งานสามารถเติมเงิน จ่ายเงิน โอนเงิน และถอนเงิน รวมถึงการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ของไปรษณีย์และสินค้าอื่นๆ โดยสามารถเติมเงินได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ
  6. บริการธนาณัติออนไลน์ “โอนเงินด่วน รับเงินเร็ว” ส่งและรับเงินได้ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศภายในเวลา 15 นาที
  7. บริการ EMS WORLD “ส่งด่วน ทั่วโลก โทร.1545” บริการจัดส่งเอกสารและสิ่งของเพื่อให้ถึงผู้รับในต่างประเทศทั้งในรูปแบบ Document และ Package โดยระบบการขนส่งเฉพาะบริการ EMS World เท่านั้น
  8. บริการโลจิสโพสต์เวิลด์ บริการจัดส่งสิ่งของขนาดใหญ่ระหว่างประเทศ (ทางอากาศ) ตั้งแต่ 20 – 200 กิโลกรัม ฝากส่งได้ที่ทำการไปรษณีย์ 346 แห่งที่เปิดให้บริการ
  9. บริการ ePacket บริการระหว่างประเทศที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจระหว่างประเทศและส่งเสริมธุรกิจ e-Commerce
  10. บริการเก็บเงินทีอยู่ผู้รับ (COD) ผู้ใช้บริการสามารถสมัครและเปิดบัญชี Wallet@POST ผ่านแอปพลิเคชั่น และขอใช้บริการ COD ได้ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศกำหนดวงเงินเรียกเก็บปลายทางสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท/ รายการ
  11. บริการกล่องพร้อมส่ง
  12. บริการจัดส่งสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน และของดีทั่วไทย สั่งซื้อพร้อมชำระสินค้าออนไลน์ได้ทันทีผ่านเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com
  13. Drive Thru Post “ส่งของ…ไม่ต้องลงจากรถ” ฝากส่งได้ 3 ชิ้น/คัน
  14. บริการ Pay at Post “ทุกบิลจ่ายผ่านไปรษณีย์” บริการรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่างๆ
  15. บริการ Bank@Post บริการฝากเงินผ่านไปรษณีย์ไทย โอนเงินระหว่างบัญชี หรือโอนเงินกับธนาคารที่ร่วมบริการ

รายได้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

u6

ภาพจาก https://goo.gl/qQgCy5

  • ปี 2561 รายได้ 29,728.25 ล้านบาท กำไร 3,826.38 ล้านบาท
  • ปี 2562 รายได้ 27,405.86 ล้านบาท กำไร 619.39 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 24,210.95 ล้านบาท กำไร 385.35 ล้านบาท

“Kerry Express”

i1

ภาพจาก https://goo.gl/z4nhtv

ปัจจุบัน Kerry Express เป็นคู่แข่งของไปรษณีย์ไทยด้านการจัดส่งพัสดุด่วนเอกชนในไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2549 ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การส่งพัสดุที่ดีที่สุด

บริษัทมีจุดบริการกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,000 แห่งครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ ซึ่งสามารถรองรับพัสดุได้กว่า 1.9 ล้านชิ้นต่อวัน ตอบรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจค้าส่ง ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เจริญเติบโต ที่สำคัญ Kerry Express ถือเป็นผู้จัดส่งพัสดุเอกชนรายแรกของประเทศไทยที่เปิดให้บริการเก็บเงินปลายทาง (Cash On Delivery) สามารถสร้างกระแสได้รวดเร็ว

หลังจาก Kerry Express เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในนาม บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ได้ปรับรูปแบบการบริหาร ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การบริหารจัดการเพื่อควบคุมต้นทุน การพัฒนาแพลตฟอร์มโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ส่งผลให้การดำเนินงานไตรมาส 2/2564 มีรายได้ 4,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412 ล้านบาท หรือ 9.8% จากไตรมาสก่อนหน้า และกำไรสุทธิ 336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท หรือ 10.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ที่อัตรากำไรสุทธิ 7.3%

ครึ่งปีแรกของปี 2564 Kerry Express มีปริมาณการจัดส่งพัสดุทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์กว่า 167 ล้านชิ้นในครึ่งปีแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้น 10.8% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยมีปัจจัยมาจากกลยุทธ์ด้านราคา ประกอบกับในช่วงการระบาดโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ และทำงานที่บ้าน กระตุ้นให้ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายผ่านออนไลน์มากขึ้น

จุดแข็งของ Kerry Express

i3

ภาพจาก https://goo.gl/CWdTpP

จุดแข็งของ Kerry Express ที่ได้เปรียบบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนรายอื่นๆ ก็คือ คุณภาพการให้บริการ ความรวดเร็ว รวมถึงการจัดส่งพัสดุในราคาถูก ทำให้ Kerry Express เข้าถึงลูกค้ากลุ่มที่ต้องการจัดส่งพัสดุราคาประหยัดมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับการโหวตจากผู้บริโภคทั่วประเทศให้ Kerry Express เป็นแบรนด์ที่หนึ่งในใจผู้บริโภค

โดยบริษัทได้รับรางวัล “Marketeer No.1 Brand Thailand 2020-2021” ในหมวดบริการจัดส่ง/โลจิสติกส์ เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยคะแนน 63.8% ทิ้งห่างอันดับ 2 ซึ่งได้คะแนนเพียง 19.1% โดยมีคะแนนชนะคู่แข่งในทุกภาคทั่วประเทศไทย สะท้อนถึงความเหนือชั้นของแบรนด์ Kerry Express ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดมาอย่างต่อเนื่อง

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 Kerry Express ได้ดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคทั้งต่อพนักงานและลูกค้า ส่งเสริมสุขภาพผ่านแคมเปญ Kerry Prompt กระตุ้นพนักงานให้เข้ารับวัคซีนอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าหยุดชะงัก ไม่ให้เกิดปัญหาการขนส่งพัสดุกับลูกค้าปลายทางล่าช้า แม้จะขนส่งภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่อาจมีข้อจำกัด แต่ Kerry Express ยังขนส่งไปถึงมือลูกค้าได้ทันเวลาและปลอดภัย

เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านการขนส่งพัสดุในอนาคต Kerry Express ได้ยกระดับขนส่งให้เข้าถึงคนไทยทุกพื้นที่ ด้วยแนวคิด Kerry Express Everywhere สอดคล้องกับเทรนด์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค อาทิ การขยายสาขาจุดรับ เพื่อกระจายพัสดุออกไปให้ได้มากขึ้น ปรับแผนการขนส่งแบบกระจาย เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ต่างๆ อย่างอีคอมเมิร์ซ โซเชียลคอมเมิร์ซ เป็นต้น

Kerry Express ยังเตรียมเปิดบริการใหม่ร่วมกับพันธมิตรหลากหลาย ได้แก่ ธุรกิจเกี่ยวกับ Cold Chain หรือระบบคลังสินค้าและขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มากกว่า 30 กิโลกรัมขึ้นไป ล่าสุดได้ต่อยอดสู่ “เคอรี่ วอลเล็ท” พัฒนาระบบวอลเล็ทตอบโจทย์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โซเชียลคอมเมิร์ซที่เติบโตต่อเนื่อง และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อขายสินค้าออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564

บริการ Kerry Express

i2

ภาพจาก https://goo.gl/hTprzZ

  1. บริการส่งพัสดุด่วนก่อนเที่ยง (AM) ลูกค้าจะได้รับพัสดุภายในเที่ยงของวันถัดไป สามารถแจ้งบริการเสริมผ่านเจ้าหน้าที่ได้ที่ เคอรี่ พาร์เซล ช็อปทุกสาขา
  2. บริการส่งพัสดุแบบเก็บเงินปลายทาง (COD) กระตุ้นยอดขายด้วยการเพิ่มช่องทางชำระเงินให้ลูกค้า
  3. ตรวจสอบการจัดส่งพัสดุได้ทุกที่ทุกเวลา ดูข้อมูลพร้อมกับจัดการและติดตามพัสดุทุกที่
  4. เอ็กซ์ตร้าแคร์ บริการเพิ่มวงเงินความรับผิดชอบในความสูญหายและความเสียหายของพัสดุ โดยสามารถเพิ่มวงเงินความรับผิดชอบสูงสุดถึง 50,000 บาท ช่วยรับความเสี่ยงในกรณีพัสดุสูญหายหรือเสียหาย
  5. เคอรี่ ดรอปออฟ บริการส่งพัสดุที่ตอบโจทย์แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ ให้บริการกว่า 10,000 จุดทั่วประเทศ
  6. จัดส่งพัสดุตอนเช้าถึงมือผู้รับภายในวันเดียว
  7. รับพัสดุของคุณด้วยตัวเอง SCL ที่เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ทุกสาขา ช่วยให้ลูกค้ารับพัสดุได้สะดวกสบาย ลดปัญหาพัสดุตีกลับ

รายได้ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

i4

ภาพจาก https://goo.gl/xG5kng

  • ปี 2562 รายได้ 19,894 ล้านบาท กำไร 1,328 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 19,037 ล้านบาท กำไร 1,337 ล้านบาท

จากข้อมูลข้างต้น Kerry Express ถือเป็นคู่แข่งสำคัญที่ไปรษณีย์ไทยจะประมาทไม่ได้ แม้ว่าไปรษณีย์ไทยจะยังคงเป็นผู้นำด้านการขนส่งพัสดุและไปรษณีย์ ด้วยการบริการที่หลากหลายรูปแบบเข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้า แต่หากพิจารณาในด้านการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Kerry Express ต้องยอมรับว่าไม่สามารถดูแคลนได้ ด้วยการบริการรวดเร็ว และการจัดส่งในราคาถูก ทำให้ได้รับความนิยมจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

ดูได้จากปี 2563 มีรายได้ 19,037 ล้านบาท แม้จะน้อยกว่าไปรษณีย์ไทยที่มีรายได้ 24,210.95 ล้านบาท แต่ Kerry Express กำไรมากถึง 1,337 ล้านบาท ขณะที่ไปรษณีย์ไทยมีกำไรเพียง 385.35 ล้านบาทเท่านั้น

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

01

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter


อ้างอิงข้อมูล

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3y4jist

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช