โค้ชสิริลักษณ์ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ “กูรูผู้ปลุกยักษ์” ติดไฟชีวิตคนนับล้านให้ลุกโชน

กำลังใจใครว่าไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน พนักงานออฟฟิศ หรือว่านักธุรกิจต่างก็ต้องการกำลังใจที่แตกต่างกันไป ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจแย่คนยิ่งต้องการกำลังใจมากขึ้น

หลายคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตบางทีก็เกิดจากคำพูดดีๆเพียงไม่กี่คำ ตรงกันข้ามคำพูดไม่กี่คำเหมือนกันก็ทำให้คนเราถึงกับล้มเหลวในชีวิตได้ก็มี

โค้ชสิริลักษณ์

www.ThaiSMEsCenter.com ในฐานะที่อยู่ในแวดวงคนทำธุรกิจมานานแม้จะให้ความสำคัญกับเรื่องการเงิน การลงทุน แต่ก็ไม่ละเลยเรื่องของกำลังใจเช่นกัน ปัจจุบันมีนักพูดเก่งๆในเมืองไทยหลายท่านที่ได้ชื่อว่าเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เราอาจมองว่านักพูดเหล่านี้ได้แต่พูด พูด และพูด

แต่อย่าลืมว่าบุคคลเหล่านี้กว่าจะก้าวมาเป็นนักพูดที่จุดไฟให้คนฟังลุกโชนได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่แต่ละคนต้องผ่านร้อนผ่านหนาว มีประสบการณ์ส่วนตัวที่น่าทึ่งจนถึงวันหนึ่งที่คนเหล่านี้อยากจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนชีวิต

ซึ่งหนึ่งในนักพูดที่ชื่อว่าอยู่ในลำดับต้นๆ ของเมืองไทยคือคุณสิริลักษณ์ ตันศิริ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “กูรูผู้ปลุกยักษ์” ติดไฟชีวิตให้คนนับล้าน โดยมีผลงานการพูดในบริษัท และองค์กรต่างๆมานับไม่ถ้วน

จากพนักงานบัญชีสู่นักพูดสร้างแรงบันดาลใจระดับประเทศ

c2

โค้ชสิริลักษณ์ถือได้ว่าเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เป็นนักโมติเวทหญิงที่ได้รับเชิญจากองค์กรใหญ่ๆเพื่อพูดปลุกยักษ์สร้างแรงบันดาลใจให้คนนับล้านเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่ก่อนที่จะมาเป็นนักพูดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยได้นี้

โค้ชสิริลักษณ์ก็ไม่ต่างจากพวกเรานัก คือเริ่มต้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบัญชี แถมเป็นผู้หญิงเรียบง่าย สวมแว่นตาหนาๆ ทำผมบ็อบ เฉิ่มเชย คือถ้าเดินสวนกันในตอนนั้นเชื่อได้เลยว่าเราจะไม่สะดุดตากับผู้หญิงคนนี้แน่นอน

จุดเปลี่ยนที่ทำให้โค้ชสิริลักษณ์เลือกเดินสายนักพูดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 15 ปีก่อนที่โค้ชได้ตามน้องสาวไปฟังบรรยายขายตรงซึ่งโค้ชยอมรับว่าไม่เคยเห็นบรรยากาศในห้องอบรมที่มีคนพูด มีนักขายจำนวนมาก

c3

ซึ่งแต่ละคำพูดรู้สึกเหมือนการสร้างแรงกระตุ้นให้ฮึกเฮิม มีกำลังใจ ซึ่งเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่งที่ไม่เคยเจอในการทำงานประจำ โค้ชบอกว่าตอนนั้นถือเป็นเรื่องใหม่และน่าสนใจมาก และเป็นจุดเริ่มต้นให้ลองทำงานด้านขายตรงควบคู่กันกับการทำงานประจำ ทำให้เกิดการเรียนรู้อยากพัฒนาตัวเองเพื่อสร้างความสำเร็จให้มากกว่าเดิม

โค้ชขวนขวายหาหนังสือดีๆอ่าน หาสัมมนาดีๆไปฟัง ลงทุนจ่ายเงินบินไปเรียนกับกูรูระดับโลกที่ต่างประเทศหลายท่านแล้วนำความรู้ที่ได้รับมาลงมือปฏิบัติ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

มีพัฒนาการในตัวเองและประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มพูดแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ความสำเร็จของตนเองแก่ผู้อื่น ซึ่งในการพูดแต่ละครั้งนั้นสามารถจุดประกายไฟและสร้างแรงบันดาลใจให้คนฟังได้อย่างมากมาย

จุดเปลี่ยนคือหลายสื่อสัมภาษณ์และออกรายการโทรทัศน์แล้วดังเป็นพลุแตก

c4

หลังจากโค้ชเริ่มรู้ว่าตัวเองชื่นชอบและมีpassionในการพูด บวกกับการสะสมประสบการณ์และความรู้จากการทำงาน การเข้าอบรมต่างๆ ทำให้โค้ชเริ่มเดินสายการเป็นนักพูดเต็มตัว เริ่มด้วยการไปบรรยายฟรีให้กับบริษัทห้างร้านต่างๆที่รู้จักกัน

หลังจากที่เดินสายบรรยายมากขึ้นก็มีคนสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีการพูดกันปากต่อปากถึงความสนุกสนานและได้พลังในการฟังบรรยาย มีองค์กรมากมายจากหลากหลายธุรกิจเชิญไปพูดสร้างแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นอีก

ทำให้ชื่อเสียงของโค้ชสิริลักษณ์แพร่หลายมากยิ่งขึ้นไปอีก สื่อต่างๆให้ความสนใจในฐานะ “นักโมติเวทผู้หญิงคนแรกของเมืองไทย” ผู้ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบสุดขั้ว จากนักบัญชีโลกแคบซูเปอร์ซิ้มเฉิ่มเชย กลายเป็นนักพูดปลุกพลังชื่อดัง

c5

ผู้มีสีสันมีลีลาในการบรรยายที่โดดเด่นแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ทำให้มีนิตยสารชื่อดังสัมภาษณ์หลายเล่ม เช่น คอสโมโพลิแทน ดิฉัน ขวัญเรือน GM ฯลฯ นอกจากนี้โค้ชยังมีโอกาสออกหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คของตัวเอง เช่น เมื่อยักษ์ตื่น, ปลุกยักษ์, เร่งสปีดความสำเร็จ, ปลุกพลังความคิดบวก++ ฯลฯ

ทำให้รายการทีวีสุริวิภาที่เป็นรายการชื่อดังขณะนั้นเชิญโค้ชสิริลักษณ์ไปร่วมออกรายการและกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชื่อเสียงของโค้ชสิริลักษณ์โด่งดังราวกับพลุแตก มีบริษัท องค์กร หลายแห่งมาเชิญโค้ชไปเป็นวิทยากรพูดสร้างแรงบันดาลใจมากมาย ถือเป็นการเดินทางในสายนักพูดที่โค้ชมองว่านี่แหละคือตัวตนและชีวิตที่ต้องการอย่างแท้จริง

3 ข้อชี้ชัดฟังโค้ชสิริลักษณ์ทำไมพลังใจลุกโชน

c6

1. มีการศึกษาProfile ของผู้ฟังอย่างละเอียด

ก่อนที่โค้ชจะขึ้นพูดไม่ว่าจะบริษัทหรือองค์กรใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ที่จะเข้ามาฟังว่าคือใคร ทำงานด้านไหน ต้องการอะไร โดยโค้ชกล่าวว่า ถ้าเป็นการพูดให้กับคนที่เป็นนักขายฟัง เช่น นักขายประกัน นักธุรกิจเครือข่าย หรือนักขายทั่วไป จะจุดประกายไฟและปลุกพลังได้ง่ายมาก

เพราะเขาอยากได้กำลังใจและแนวคิดดีๆเอาไปต่อยอดการทำงานเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ยิ่งเขามีพลังมีกำลังใจเขาขายดีมากขึ้นเท่าไร รายได้เขาก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น

กลุ่มนักขายจึงตั้งฟังและมีพลังฮึกเฮิมมาก แต่หากเป็นการพูดให้พนักงานประจำหรือมนุษย์เงินเดือนฟัง ก็ต้องพูดจูงใจในอีกแบบหนึ่ง โดยพูดปรับทัศนคติให้เป็นบวก มองโลกในแง่ดี มองชีวิตในแง่บวก ให้เห็นคุณค่าในภารกิจหน้าที่ของตน ให้มีใจรักในงาน รักลูกค้า รักองค์กร ขยันทุ่มเทในการทำงาน แล้วผลตอบแทนที่ดีเช่นเงินเดือนหรือโบนัสต่างๆจะเกิดตามหลังมา

c7

2. มีเทคนิคการพูดและความรู้จากอาจารย์ระดับโลก

โค้ชสิริลักษณ์ถือว่าเป็นนักพูดที่มีโอกาสได้เรียนรู้กับกูรูด้านความสำเร็จระดับ World Class หลายท่าน เช่น Anthony Robbins, T.Harv Eker, Brian Tracy, Robert Kiyosaki แต่ละท่านก็เป็นนักพูดที่ให้ทั้งความรู้และสร้างพลังได้ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก

ที่สำคัญคือ โค้ชได้นำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปลงมือปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จกับตัวเอง แล้วกลั่นเอาประสบการณ์ความสำเร็จที่ทำได้จริงออกมาถ่ายทอดไม่ได้สอนจากทฤษฎีหรือตำรา ทำให้เนื้อหาของการบรรยายเข้มข้นมีประโยชน์สูงสุดต่อคนฟัง

c12

3. มีสไตล์และเอกลักษณ์การพูดเป็นของตัวเอง เปรี้ยวหวานมันฮาได้ปัญญา

การเป็นนักพูดที่ดีคือต้องเชื่อมกับผู้ฟังให้ได้ ทำให้เขาสนใจและตื่นตัวในการเรียนรู้ ตั้งใจรับฟังในขณะบรรยาย โดยเฉพาะการบรรยายที่ยาวนานกว่า 2-3 ชั่วโมง หรือแม้กระทั่ง 6 ชั่วโมง ก็ต้องดึงผู้ฟังให้ตื่นตัวอยู่เสมอ

และแน่นอนว่าด้วยลีลาการพูดที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นโดนใจ ด้วยบรรยากาศที่ถูกสร้างเอาไว้เป็นอย่างดีในขณะบรรยาย เป็นตัวช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกการบรรยายนั้นมีสีสัน สนุกสนาน เฮฮา ไม่น่าเบื่อ ปลุกกำลังใจให้ลุกโชนได้อย่างต่อเนื่อง เป็นที่ประทับใจของผู้ฟัง และเป็นที่จดจำได้อย่างยาวนาน

3 แนวทางการพูดสร้างแรงบันดาลใจเติมพลังใจให้ลุกโชน

สำหรับการบรรยายของโค้ชสิริลักษณ์จะมีด้วยกัน 3 รูปแบบแตกต่างกันออกไปคือ

c9

1. การพูดสร้างแรงบันดาลใจ (Inspirational Speaking) ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดประมาณ 1-2 ชั่วโมง ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้น แต่ผู้ฟังจะยังคงได้แรงบันดาลใจ ได้พลัง ได้แง่คิดที่ดี และจะได้ทำกิจกรรมที่สนุกสนานเล็กๆน้อยๆระหว่างการฟังบรรยายด้วย

การรับเชิญไปพูดสร้างแรงบันดาลใจลักษณะนี้ มักจะเป็นงานใหญ่ที่ผู้จัดมีวาระการประชุมหลายหัวข้ออยู่แล้ว และต้องการเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ฟัง เช่นงานประชุมใหญ่ของบริษัท ,งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า เป็นต้น

2. การจัดสัมมนารอบผู้สนใจทั่วไป (Public Seminar) เป็นการจัดสัมมนาโดยเปิดขายบัตร ให้บุคคลผู้สนใจทั่วไป เข้าฟัง ซึ่งจะเหมาะกับ บริษัทขนาดเล็กที่พนักงานน้อยกว่า 50 คน , กลุ่มตัวแทนประกันชีวิต , กลุ่มธุรกิจเครือข่าย เป็นต้น หัวข้อที่จัดส่วนใหญ่ได้แก่ “ปลุกยักษ์” “จ้าวสื่อสารโน้มน้าว” “สุดยอดไอเดียเงินล้าน”

3. การจัดสัมมนาภายในองค์กร (In-House Training) เป็นการบรรยายให้กับบุคลากรภายในองค์กรโดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ชอบเชิญไป“ปลุกยักษ์” ให้กับฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด

เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นเหมือนแม่ทัพใหญ่ในการหารายได้เข้าบริษัท โดยปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอก็คือ ทีมขายไม่มีพลัง ขาดความกระตือรือร้น ซึ่งโค้ชจะไปสร้างพลังใจ สร้างความกระตือรือร้น ดึงศักยภาพ และปลุกความฮึกเหิมให้เกิดขึ้นมาใหม่

c10

ทั้งนี้โค้ชสิริลักษณ์ยังได้ให้แนวคิดสำหรับคนที่ท้อแท้หมดหวัง ไม่มีกำลังใจ และอยากลุกมาเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ เป็น 10 แนวคิดสั้นๆที่ทำให้ชีวิตสำเร็จได้ถ้าลงมือทำจริงๆ

  1. สำรวจหาจุดอ่อนตัวเองและแก้ไข
  2. ตั้งเป้าหมายเริ่มจากเล็กไปใหญ่
  3. ลงมือทำทั้งที่ยังกลัวและอาย
  4. การฝึกฝนทำให้มีประสบการณ์
  5. ค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบให้ได้
  6. เปลี่ยนคำดูถูกเป็นพลังใจ
  7. คนอื่นทำได้เราก็ทำได้
  8. มองทุกปัญหาเป็นเรื่องบวก
  9. ไม่มีใครประสบความสำเร็จแต่เกิด
  10. ให้ความสำคัญกับทุกงานที่ทำ

c11

ปัญหาสำคัญในการสร้างกำลังใจคือส่วนใหญ่ใหญ่จะฮึกเฮิมแค่ชั่วครู่ ซึ่งโค้ชสิริลักษณ์ก็กล่าวว่า “คำพูดสร้างแรงบันดาลใจก็เหมือนกับปุ๋ยที่มีระยะเวลาในการทำงาน

ในฐานะคนฟังหากรู้สึกหมดกำลังใจก็หาปุ๋ยมาเติมใหม่สร้างพลังให้ตัวเองก้าวต่อไป กำลังใจที่ดีจะทำให้เรามีพลังแม้เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นแต่ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้”

และนอกจากโค้ชสิริลักษณ์จะเป็นวิทยากรบรรยายในสถานที่ต่าง ๆสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถติดตามผลงานและติดตามอาหารใจ&อาหารสมองจากโค้ชได้ทุกวันที่ช่องทางเหล่านี้

FB : Coach Siriluck Tansiri
ID Line : @CoachSiriluck
Website : www.CoachSiriluck.com
Web ความรู้ออนไลน์ : www.CoachSiriluckOnline.com 

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3iP0DdP

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด