“แมคโดนัลด์-เบอร์เกอร์คิง-เคเอฟซี” กระอัก! UK แบน “อาหารขยะ” ต้นตอโรคอ้วน

ปัจจุบันปัญหาโรคอ้วนในเยาวชนนั้นเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศอังกฤษเลยทีเดียว โดยเมื่อเดือนตุลาคมปี 2018 ได้มีการเผยว่า กว่า 34 เปอร์เซ็นต์ของเด็กวัย 10-11 ขวบ มีน้ำหนักเกินเกณฑ์หรือเป็นโรคอ้วน

โดยสัดส่วนดังกล่าววัดได้จำนวนกว่า 200,000 คน รวมถึงมีการพบโรคเบาหวาน รวมทั้งน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อาจเกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งบางชนิดสูงเช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งไต เป็นต้น

34

ภาพจาก bit.ly/2MhXjcm

อีกทั้งผลการศึกษาจากผลกระทบของตลาดอาหารขยะของสถาบันวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร(UK) ก็พบว่า กลุ่มวัยรุ่นส่วนใหญ่เห็นโฆษณาอาหารขยะทุกวัน ก็เลยเกิดความสนใจและลองไปซื้อกินดู ซึ่งสาเหตุเหล่านั้นเองทำให้กลุ่มวัยรุ่นมีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนมากกว่าถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้ดูโฆษณาอาหารขยะเกินหนึ่งเดือน

โดยจากการรายงานพบว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการหลายๆอย่างสำหรับลดน้ำหนักในสหราชอาณาจักร(UK) ทั้งได้มีการสั่งห้ามให้มีการขนส่งสาธารณะและห้ามอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างน้ำอัดลมมาจำหน่ายในสถานที่ที่เหล่าผู้คนนิยมออกกำลังกาย

อีกทั้งยังกำหนดจำนวนแคลอรี่ที่สามารถอนุญาตให้มีการรับประทานในมื้ออาหารเหล่านั้นได้ ซึ่งสำหรับแคลอรี่ที่กำหนดนั้นน่าจะประมาณไม่เกิน 951 แคลอรี่ ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของกระทรวงสาธารณะสุขในประเทศอังกฤษ

33

ภาพจาก elitedai.ly/2qi2CQI

ซึ่งถ้าหากเป็นดังเช่นที่ว่าไว้จริงอาหารยอดนิยมบนท้องถนนก็อาจจะถูกแบนออกจากสหราชอาณาจักร(UK)ไปเลยก็ได้ คณะกรรมการของระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ หรือ NHS ของอังกฤษเสนอต่อรัฐสภาพิจารณา ให้แบนร้านฟาสต์ฟู้ดอย่าง McDonald’s , Burger King และ KFC ออกจากโรงพยาบาล

ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการต่อสู้กับโรคอ้วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอังกฤษ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลอรี่สูงอย่างเมนูอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง Big Mac meal ของ McDonald’s, Whopper meal ของ Burger King และ KFC Mighty Bucket ของ KFC เป็นต้น

โดยหัวหน้าการแพทย์อย่าง Dame Sally Davies ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกดดัน ร้านคาเฟ่ ผับ และ อาหารที่ให้พลังงานสูงอย่างแฮมเบอร์เกอร์ หรืออาหารที่ทำมาจากไก่ทอดและพิชซ่า ลดปริมาณแคลอรี่ลง ซึ่งนั้นก็หมายความว่า เมนูอาหารยอดนิยมบางอย่าง อาจจะต้องเปลี่ยนหรือตัดออกจากเมนูเพื่อรองรับภายใต้สภาวะแรงกดดันในขณะนี้

32

ภาพจาก www.nandosperiperi.com

ซึ่งร้านของ Nando’s ที่เปิดร้านขายไก่ย่างขนาดใหญ่ที่มีสาขากว่า 1,000 สาขาทั่วโลก ซึ่งปกติจะมีแคลอรี่อยู่ที่ประมาณ 1,185 แคลอรี่ และรวมไปถึงร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง McDonald’s ที่เมนูยอดนิยมอย่าง double quarter pounder with cheese และอาหารทอดจานใหญ่อีกมากมาย

ซึ่งจะมีแคลอรี่อยู่ที่ประมาณ 1,194 แคลอรี ส่วน Big Mac ที่มีทั้งมันฝรั่งทอดและน้ำอัดลมก็เกินขีดจำกัดของจำนวแคลอรี่เช่นกัน ซึ่งเมนูยอดนิยมอย่าง Mighty Bucket For One ของ KFC เองก็มีจำนวนแคลอรี่มากกว่า 1,235 แคลอรี่ ก็ถูกแบนเช่นเดียวกัน

31

ภาพจาก bit.ly/1WKqq6q

โดย McDonald’s ก็ได้บอกเอาไว้ว่า “เชื่อว่าปัญหาโรคอ้วน เป็นเรื่องที่ซับซ้อน และทางเราอาจจะต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ โดยจุดเริ่มต้นของบริษัท คือการมองไปที่การปรับปรุงสูตรอาหารที่ให้ข้อมูลทางโภชนาการแก่ผู้ปกครอง ซึ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา McDonald’s ได้มุ่งมั่นที่จะลดระดับ เกลือ น้ำตาล และไขมัน ในรายการเมนูของ Happy Meal” โดยเขาได้กล่าวต่ออีกว่า

“นอกจากนี้ยังมีข้อมูลโภชนาการที่ได้รับการปรับปรุงรวมอยู่ในบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ ซึ่งจะอยู่ในเชิงของการโฆษณาสำหรับเด็กๆ อีกทั้ง McDonald’s ยังคงเป็นนักการตลาดที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะยังคงต้องเป็นไปตามกฎระเบียบที่เข้มงวดในสหราชอาณาจักร(UK)

โดยบริษัทยังคงมองหาวิธีการที่ตลาดจะสามารถเสริมสร้างอาหารที่ดีต่อสุขภาพและส่งเสริมวิถีชีวิตให้มีสุขภาพดียิ่งกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้เอง McDonald’s ได้ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เราดำเนินการอยู่เสมอ ความต้องการที่จะตอบสนองต่อความต้องการของสังคมและลูกค้าผ่านทางอาหารและประสบการณ์ที่มีให้”

30

ภาพจาก bit.ly/2nT683a

จะเห็นได้ชัดแล้วจากบทความที่กล่าวมาข้างต้นนี้พบว่า เหล่าบรรดาผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใส่ใจในด้านของสุขภาพของตนเองมากขึ้น ดังนั้นแล้วเหล่าบรรดาอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลายจึงต้องเตรียมการรับมือกับมาตรการเหล่านี้ภายในอนาคตข้างหน้า เพื่อที่จะให้ธุรกิจของคุณได้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อๆไป


คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

01

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

ที่มา