แฟรนไชส์ บ้านรักภาษา เปิดรัว 19 สาขา ยกระดับเรียนแบบไฮเทค4.0

สังคมที่เปิดกว้างการเรียนภาษาต่างประเทศไม่ใช่แค่เครื่องประดับสิ่งที่ต้องมีแต่คือสิ่งที่ต้องมีในเด็กทศวรรษที่ 21 เพราะทั้งปัจจุบันและ ในอนาคตคนที่มีทักษะด้านภาษาต่างประเทศย่อมได้เปรียบ

หากยังไม่แตกฉานภาษาอื่นๆอย่างน้อยก็ต้องฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษที่เป็นการสื่อสารสากลได้ เมื่อภาษาเป็นสิ่งจำเป็นในยุคนี้ เราจึงเห็นสถาบันสอนภาษาผุดมาราวกับดอกเห็ด

บ้านรักภาษา

คำถามคือว่าแล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสถาบันไหนสอนแล้วเอามาใช้งานได้จริง หรือในแง่การลงทุนสถาบันไหนที่ทำให้ผู้ลงทุนรู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่คุ้มค่า

www.ThaiSMEsCenter.com ในฐานะที่คลุกคลีอยู่กับแวดวงแฟรนไชส์มายาวนาน มีธุรกิจการศึกษาหลายแบรนด์ที่เราได้เห็นพัฒนาการ ซึ่งต้องยอมรับว่า “แฟรนไชส์บ้านรักภาษา” เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ และเหมาะสมกับการลงทุน ซึ่งเราจะมาแจกแจงกันตรงนี้ อ่านแล้วจะเข้าใจทันที ว่า “บ้านรักภาษา” มีดีและคุ้มกว่าที่คิด

พัฒนาการ 3 ด้านใน 16 ปีของบ้านรักภาษา

10

ย้อนไปในปี 2545 ที่ครูซุ่น ผู้ก่อตั้งธุรกิจได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้ภาษาจีน-อังกฤษ และเริ่มสอนภาษาขั้นพื้นฐานให้กับผู้ที่สนใจและพัฒนามาเป็นลำดับ จนบ้านรักภาษากลายเป็นแฟรนไชส์การศึกษาที่ได้รางวัล Best Practice และรางวัลแฟรนไชส์มาตรฐานตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558

ปัจจุบันธุรกิจบ้านรักภาษาดำเนินกิจการมานานกว่า 16 ปี มี 19 สาขาทั่วประเทศ และเป็นระยะเวลาที่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง และนี่คือพัฒนาการอันน่าสนใจ 3 ด้านในรอบ 16 ปีของบ้านรักภาษา

1.การเรียนที่เน้นประสิทธิภาพให้ผู้เรียนนำภาษาไปใช้ได้จริง

9

เราอาจเคยมีภาพจำไม่ดีกับการเรียนภาษาแล้วสุดท้ายก็ยังฟัง พูด อ่าน เขียนไม่ได้ แต่ที่บ้านรักภาษาเน้นย้ำในจุดนี้ ว่า เรียนแล้วพูดไม่ได้ .. เรียนทำไม เป็นคำถามที่ผู้เรียนทุกคนต้องได้รับการสอนที่เอาความรู้ไปใช้ได้จริง ไม่ใช่เรียนแค่งูๆปลาๆ ให้จบๆไป

ดังนั้น บ้านรักภาษาใช้การเรียนรูปแบบ TPR (Total Physical Response) ในสไตล์ Learning by Doing ที่คิดค้นโดยครูซุ่น โดยนำเอากิจกรรมมาเป็นสื่อกลางในการสอนให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมที่ต้องมีการใช้ภาษาผ่านการเล่นเกมส์ หรือการทำตามคำสั่งต่างๆ อันเป็นที่มาของสโลกแกน “เรียนสนุก ได้ความรู้” ซึ่งพิสูจน์โดยงานวิจัยแล้วว่าเป็นการเรียนที่ได้ผล

ซึ่งผู้เรียนตั้งแต่อายุ 3-12 ปี หากเรียนอย่างต่อเนื่องประมาณ 4 ปี 7 เดือน จะสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและไม่ใช่แค่พูดโต้ตอบได้แต่เอาไปใช้ต่อยอดสอบแข่งขัน ใช้ในการทำงานได้ราวกับเจ้าของภาษาเลยทีเดียว

2.เสริมประสบการณ์ด้วยแคมป์ต่างประเทศ

8

สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาของบ้านรักภาษานอกจากหลักสูตรต่างๆ ยังมีเรื่องกิจกรรมนอกสถานที่โดยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสพบเจอกับสถานการณ์จริงในต่างประเทศ

ที่ผ่านมาบ้านรักภาษามีการจัดแคมป์การเรียนรู้ในต่างประเทศทั้ง อเมริกา ไต้หวัน และจีน แม้จะเป็นทริปไม่นานแต่ประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับถือว่ามหาศาลอันเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้เรียนได้กล้าพูด กล้าคุยกับเจ้าของภาษามากขึ้น

3.ขยายสาขาแฟรนไชส์แบบมีคุณภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ

7

ปัจจุบันบ้านรักภาษามีสาขา 19 แห่งทั่วประเทศ สิ่งที่ครูซุ่นเน้นย้ำคือ “คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ” ดังนั้นทุกสาขาของบ้านรักภาษาต้องมีคุณภาพเต็มเปี่ยม ครูซุ่นกล่าวว่า “ เราต้องวางระบบการอบรมทุกๆ 2 เดือนเพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพให้กับครูผู้สอน

มีการจัดทำแผนการสอนตามหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตรพัฒนาอาจาย์อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายคือเรื่องการประเมินผล ทั้งนักเรียนและคุณภาพของอาจารย์ เราจะไม่โตแบบเชิงปริมาณ เรามีจุดยืนของตัวเองชัดเจนเรื่องนี้”

ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นจริงของแฟรนไชส์ซี บ้านรักภาษาที่ส่วนใหญ่จะต่ออายุสัญญาออกไป รวมถึงการขยายสาขาใหม่ของผู้ลงทุนรายใหม่ที่มีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงต้นปี 2562 ก็มีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่อีกถึง 5 แห่งได้แก่

  1. บ้านรักภาษาสาขาแกรนด์รามอินทรา
  2. บ้านรักภาษาสาขาสมุทรสาคร
  3. บ้านรักภาษาสาขาสตรีวิทยา2
  4. บ้านรักภาษาสาขาภูเก็ต
  5. บ้านรักภาษา สาขาลาว

ซึ่งจะเปิดดำเนินการในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี้ โดยเฉพาะสาขาที่ สปป.ลาว นับเป็นสาขาในประเทศเพื่อนบ้านแห่งแรก อันเป็นการเริ่มต้นกรุยทางสู่ธุรกิจการศึกษาในกลุ่ม AEC ต่อไป

เปิดตัว BanRakPaSa App พัฒนาธุรกิจในยุค 4.0

6

และนอกจากการปรับกลยุทธ์ด้านเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน สิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ในการทำธุรกิจยุคใหม่คือการผสมผสานการใช้เทคโนโลยีที่มีเป้าหมายให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายดายและหลากหลายมากขึ้น

5

บ้านรักภาษาจึงได้เปิดตัว Application On Mobile ในชื่อ ” BanRakPaSa App ” เพื่อเป็นช่องทางใหม่ในการติดต่อสื่อสารระหว่าง โรงเรียนบ้านรักภาษา, สาขา, นักเรียน, ผู้ปกครอง และผู้สนใจทั่วไป ให้สามารถเข้าถึง “บ้านรักภาษา” ได้รวดเร็วและง่ายขึ้น

อีกทั้งยังสามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆผ่านAppได้โดยตรง เช่น ข่าวสาร, โปรโมชั่น, หลักสูตร, สาขา, ความรู้ต่างๆ สำหรับผู้ที่สมัครสมาชิกภายในBanRakPaSa App จะมีมีฟังก์ชั่นการสนทนา ปรึกษา สอบถามข้อมูลต่างๆได้โดยตรงผ่านทางAppได้ทันที

4

สำหรับผู้ที่ดาวน์โหลด BanRakPaSa App ไปใช้งาน จะได้รับการแจ้งเตือนทันทีเมื่อมีข่าวสารใหม่ๆ โปรโมชั่นใหม่ กิจกรรมต่างๆ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ทำให้ผู้ที่ใช้งาน BanRakPaSa App จะไม่พลาดในทุกๆเหตุการณ์สำคัญๆที่จะเกิดขึ้น และภายในAppยังมีคลิปสอนภาษาจีน, ภาษาอังกฤษ ให้บริการดูผ่านAppได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย

ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งซื้อสื่อการเรียนการสอนทางด้านภาษาได้โดยตรงผ่าน BanRakPaSa App ที่สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ทั้งในระบบ IOS และ Android พร้อมกันนี้ในอนาคตบ้านรักภาษามีแผนที่จะพัฒนาApplication “BanRakPaSa App” ให้มีความสามารถมากขึ้นอีกไปและก้าวไปสู่ Learning Management System (LMS) ต่อไป

ค่าแฟรนไชส์ 350,000 คุ้มค่ากันแบบยาวๆ

3

นอกจากการพัฒนาในทุกมิติสิ่งที่ทำให้แฟรนไชส์ซีของบ้านรักภาษาเติบโตอย่างแข็งแรงแท้ที่จริงเริ่มจากพื้นฐานการลงทุนที่ครูซุ่นต้องทำความเข้าใจกับคนที่อยากลงทุนว่าสนใจในงานด้านการศึกษา ไม่ใช่คนที่ทำตามกระแส บวกกับการวิเคราะห์ทำเลเพื่อให้เหมาะสมคุ้มค่ากับการลงทุน

และเพื่อให้แฟรนไชส์ซีมั่นใจมากขึ้น ช่วงแรกจะมีทีมงานของบ้านรักภาษาเข้าไปช่วยในเรื่องการเรียนการสอน เหมือนเป็นพี่เลี้ยง จนผู้ลงทุนสามารถดำเนินธุรกิจเองต่อได้ บ้านรักภาษาก็จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้ตลอดอายุสัญญา

ทั้งนี้ผู้สนใจลงทุนที่เลือกเพียงหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่ง มีค่าแฟรนไชส์ 350,000 บาท แต่หากเลือกเต็มรูปแบบ ที่มีทั้งภาษาจีน+ภาษาอังกฤษ+ภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ

ค่าแฟรนไชส์อยู่ที่ 590,000 บาท ซึ่งการเปิดหลักสูตรที่หลากหลายก็จะเอื้อประโยชน์ในการทำธุรกิจได้มากกว่า โดยงบประมาณการลงทุนประมาณ 500,000-1,000,000 บาท อาจจะมองว่าเป็นตัวเลขที่สูง แต่ถ้าเทียบกับจำนวนความต้องการของผู้เรียนและแนวโน้มของการเป็นธุรกิจที่มั่นคงในอนาคตราคานี้ถือว่าไม่แพงแน่นอน

ตัวอย่างความสำเร็จของแฟรนไชส์ซี บ้านรักภาษา

2

ปัจจุบันจำนวน 19 สาขามีหลายแห่งที่เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านรักภาษา สาขาแจ้งวัฒนะ นวมินทร์ 74 (Max Value)ที่ลงทุนแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งมีนับว่าเป็นสาขาในลำดับต้นๆที่ทำธุรกิจกับบ้านรักภาษาและเติบโตมาพร้อมกัน

หรือจะเป็นแฟรนไชส์ซีสาขางามวงศ์วาน 23 ที่ได้ต่อสัญญา ก็สะท้อนให้เห็นทิศทางของความประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่ที่สำนักงานใหญ่ของบ้านรักภาษาเองก็เป็นตัวอย่างการเติบโตที่ชัดเจน

โดยคอร์สเรียนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์มีผู้เรียนเต็มทุกรอบ ทั้งมีทั้งคอร์สครบเครื่อง เช่น การเตรียมสอบ YCT, HSK, TOEIC ,ADMISSION ,ภาษาอังกฤษสำหรับเด็กและบุคคลทั่วไป ภาษาจีนสำหรับวัยทำงาน ภาษาจีนเพื่อธุรกิจ ภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ ภาษาอังกฤษธุรกิจ เป็นต้น

นักลงทุนที่สนใจซื้อแฟรนไชส์บ้านรักภาษา ควรมีคุณสมบัติเบื้องต้นได้แก่ 1. รักในงานด้านการศึกษา 2.รักเด็ก 3.สามารถบริหารจัดการได้ ทั้งนี้ แฟรนไชส์ซอร์มีการอบรมผู้ประกอบการในเรื่องการบริหารจัดการโรงเรียน และ การบริหารงานวิชาการ

รวมถึงผู้ประกอบการสามารถเลือกครูผู้สอนผ่านจากสำนักงานใหญ่เลยก็ได้ หรือเลือกครูที่รู้จักกันในพื้นที่ของตัวเองก็ได้ แต่ต้องส่งครูมาอบรมกับบ้านรักภาษา เพราะจะทำให้รูปแบบการเรียนการสอนเป็นมาตรฐานเดียวกัน

สำหรับทำเลพื้นที่ในการลงทุนแฟรนไชส์บ้านรักภาษาเป็นปัจจัยที่พิจารณารองลงมา เนื่องจากการศึกษาที่ดีต้องการมาตรฐานคุณภาพทางการเรียนการสอนมากกว่าทำเล

ดังนั้น อาจใช้ตึกแถว หรือ พื้นที่ทำเลของตนเอง คอมมูนิตี้มอลล์ หรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบของพื้นที่ก็มีอยู่บ้าง ส่วนพื้นที่ของตัวเองจุดเด่นคือต้นทุนค่าเช่า โอกาสคืนทุนประมาณ 8 เดือน – 1 ปี แต่หากมีทำเลที่ดีกว่านี้โอกาสคืนทุนก็จะเร็วขึ้น

1

ทั้งนี้บ้านรักภาษาได้พัฒนาธุรกิจตัวเองที่ไม่ใช่แค่สถาบันสอนภาษาให้กับนักเรียนทั่วไป แต่ได้ขยายรูปแบบไปถึงการฝึกอบรมภาษาต่างประเทศสำหรับองค์กรต่างๆ ที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านภาษาจีน และอังกฤษ ซึ่งก็มีคอร์สสำหรับการอบรมพนักงานในด้านภาษาที่ดียิ่งขึ้น นับเป็นการต่อยอดธุรกิจการศึกษาของบ้านรักภาษาที่ครอบคลุมในทุกวงการด้วย

ต้องการลงทุนแฟรนไชส์บ้านรักภาษา
โทร. : 02-9852887, 083-0094999, 063-5855599
E-Mail : kaes19999@gmail.com, kaeshun1999@yahoo.com
website : www.banrakpasa.com
Facebook : www.facebook.com/banrakpasa
Youtube : www.youtube.com/watch?v=QbO7OAtJ9l0

ข้อมูลแฟรนไชส์ บ้านรักภาษา

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3qRw0r1

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด