แข่งกันสนุก! กระแสธุรกิจไร้เงินสดในอินเดีย บูมมาก!

ในหลายประเทศมีความพยายามในการผลักดันให้เกิด สังคมไร้เงินสด (Cashless Soiciety) กันมากขึ้น แต่ทว่าการที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ในทันทีทันใดเป็นเรื่องที่ยากมากโดยเฉพาะกับประเทศที่มีประชากรจำนวนมากและมีความหลากหลายทางสังคม

แต่ทั้งนี้ก็ยังคาดหมายว่าในประเทศอินเดียน่าจะเป็นตลาดใหญ่ของการทำธุรกิจแบบ Cashless Soiciety โดยมีความพยายามของธุรกิจจำนวนมากที่จะสอดแทรกและก้าวเข้าไปเป็นผู้นำในเรื่องนี้ก่อให้เกิดการแข่งขันที่เรียกว่าเข้มข้น

www.ThaiSMEsCenter.com จึงได้รวบรวมเอาข้อมูลเหล่านี้มานำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบถึงทิศทางของกระแสเงินสดในโลกยุคใหม่ที่สักวันหนึ่งประเทศไทยเองก็ต้องพูดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเช่นกัน โดยในตอนนี้มี
แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของโลกหลายรายที่เริ่มเข้าไปเปิดตัวทำธุรกิจนี้ในอินเดีย

1. Amazon

สังคมไร้เงินสด

ภาพจาก goo.gl/5043U5

Amazon ได้ใบอนุญาตจาก PPI (Prepaid Payment Instrument) จากธนาคารกลางของอินเดีย ทำให้สามารถเข้าให้บริการด้านการทำธุรกรรม Mobile Wallet ในอินเดียได้ นอกจากนั้นข้อมูลจาก WhatsApp ยังรายงานว่า อินเดียน่าจะเป็นตลาด Mobile Wallet ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

2.PayPal

qq5

ภาพจาก goo.gl/rVqaQp

PayPal เห็นช่องทางในส่วนแบ่งตลาดนี้บ้างเลยกำลังตามรอย Amazon ไปขอใบอนุญาตจากธนาคารกลางของอินเดีย โดยถ้าดูจากข้อมูลของ PayPal พบว่า ปัจจุบันมีฐานลูกค้าอยู่แล้วกว่า 203 ล้านรายในกว่า 200 ตลาดทั่วโลก แต่ถ้าดูในอินเดีย เชื่อว่าต้องมีผู้ใช้บริการบัญชี PayPal อยู่แน่นอน

แต่ส่วนใหญ่ต้องใช้งานต่างประเทศ หรือระหว่างประเทศเท่านั้น เพราะการใช้ PayPal ในอินเดียผ่าน Mobile Wallet ยังไม่มีอะไรมารองรับ ก้าวต่อจากนี้ PayPal จึงมองว่าน่าจะไปจับมือกับ Flipkart ที่เป็นผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ในอินเดียเพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ให้บริการโทรศัพท์มือถือและบริการต่างๆ ในอินเดียร่วมกันได้

3.Paytm รายใหญ่ธุรกิจ Mobile Wallet ในอินดีย

qq4

ภาพจาก goo.gl/rWM9aS

ที่จริงแล้วในอินเดีย มีผู้ให้บริการ Mobile Wallet รายใหญ่ซึ่งครองตลาดไปมากเหมือนกันคือ Paytm ที่มีผู้ใช้อยู่ถึง 200 ล้านราย และเมื่อเร็วๆ นี้ยังมี Jio Money ที่เพิ่งเปิดตัว ดูแล้วจะไปร่วมกับ Paytm สร้างความแข็งแกร่งในตลาด Mobile Wallet ในอินเดีย

อย่างไรก็ตามคงต้องจับตาดูการแข่งขันในตลาด Mobile Wallet ของอินเดียให้ดี เพราะหลังจากนี้จะเกิดแข่งขันกันอย่างเข้มข้นระหว่างทุนในประเทศกับนอกประเทศ เพื่อส่งบริการไปให้กับคนอินเดียอีกจำนวนมาก ทั้งนี้แม้จะมีข้อดีอยู่หลายประการของการเป็นสังคมไร้เงินสดในอินเดียแต่ก็มีสิ่งที่ต้องพึงระวังอยู่3ประการด้วยกันคือ

qq6

ภาพจาก goo.gl/psdpVD

1.ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการเปลี่ยนรูปแบบการเงิน

การดำเนินงานเกี่ยวกับเงินสดนั้นเป็นภาระที่ทำให้ธนาคารกลางและบรรดาธนาคารพาณิชย์ของอินเดียต้องเสียค่าใช้จ่ายถึงราวปีละ 210,000 ล้านรูปี (ประมาณ 3,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) นอกจากนั้นการปรับเปลี่ยนมุ่งไปสู่อนาคตแห่งการไม่ใช้เงินสด ยังทำให้พวกคนหนีภาษีทั้งหลายประสบความลำบากเพิ่มขึ้นมากในการซุกซ่อนรายได้ด้วย

2.กฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น

ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่จะต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัยและการมีเครือข่ายเชื่อมโยงกว้างขวาง อินเดียยังขาดไร้ระเบียบกฎหมายในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค

ถ้าหากพวกเขาเกิดสูญเสียเงินไปโดยไม่ใช่ความผิดของพวกเขาในระหว่างทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ ขณะเดียวกัน พวกเหยื่อของการถูกแอบโจรกรรมข้อมูลไปทำบัตรปลอมนั้น ก็ต้องเสียเวลาเป็นเดือนๆ ทีเดียวกว่าจะได้เงินคืนจากแบงก์ทั้งหลาย

3.ต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนจำนวนมาก

ตัวอย่างเช่น Paytm ที่หนุนหลังโดย Alibaba Group ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตสัญชาติจีน กำลังระดมหาตัวแทนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เพื่อให้บริการแก่พวกพ่อค้าแม่ขายรายย่อยๆ ในอินเดีย ถึงแม้มีราว 1.5 ล้านรายแล้วที่ลงชื่อสมัครใช้บริการ

แต่พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากยังคงมีความรู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัยกันอยู่ดี โดยในเดือนตุลาคม มีบัตรเดบิต 2.3 ล้านใบถูกโจรกรรมข้อมูล และบัตรที่ถูกปลอมแปลงเหล่านั้นได้ถูกใช้จ่ายจากสถานที่ต่างๆ ในประเทศจีน

ขณะเดียวกัน เครือข่ายการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านออนไลน์ในอินเดีย ยังล่มอยู่บ่อยๆ ในระยะหลังเนื่องจากไม่สามารถรับมือกับปริมาณการทำธุรกรรมที่เติบโตขึ้นมา เนื่องจากการประกาศเลิกใช้ธนบัตรฉบับละ 500 และ 1,000 รูปีของรัฐบาล

ทั้งนี้เราจะเห็นได้ว่าแม้ในอินเดียจะเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ดูน่าสนใจอย่างมากแต่การเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใดก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทางเลือกของธุรกิจที่ตั้งเป้าคือการสร้างระบบที่แข็งแกร่งและต้องปรับทัศนคติความรู้ความเข้าใจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

โดยเชื่อว่าหากขับเคลื่อนความคิดเหล่านี้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้และเริ่มเดินหน้าได้อย่างถูกต้องรับประกันได้เลยว่า Cashless Soiciety ในอินเดียจะมีความโดดเด่นและน่าลงทุนเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/KcEKYv

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด