เปิดกำไร โชห่วย รวยแค่ไหน จาก Pantip

เปิดร้านโชห่วย จะรวยแค่ไหน อันนี้ตอบยาก เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องไล่ดูตั้งแต่ต้นทุนที่แท้จริงของร้านโดยเฉพาะต้นทุนสินค้า การบริหารจัดการ ยอดการขาย ทำเลที่ตั้ง ทุกอย่างล้วนมีผลต่อ “กำไร” ของร้าน

หลายคนบอกร้านโชห่วยเดี๋ยวนี้สู้พวกสะดวกซื้อไม่ได้ ทั้งความทันสมัย รูปแบบบริการ สินค้า และการตลาด คนส่วนใหญ่จึงมองว่าร้านโชห่วยเดี๋ยวนี้เป็นแค่ธุรกิจครอบครัว ทำกันเล่น ๆ ขายกันไปวันๆ พอให้มีเงินทุนหมุนเวียนเพราะสินค้าส่วนใหญ่ไม่เน่าไม่เสียเรียกว่าเป็นธุรกิจที่ดีกว่าไม่มีอะไรทำ

แต่ www.ThaiSMEsCenter.com มีความเห็นที่แตกต่างและคิดว่าร้านโชห่วย ก็ไม่ได้ห่วยสมชื่อตรงกันข้ามคิดดีๆ ทำดีๆ บริหารดีๆ มีกำไรดีๆ ได้เช่นกัน ซึ่งในบอร์ดดังอย่าง Pantip ก็มีหลายคนสงสัยในเรื่องที่เราคิดและมีความเห็นต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย

โชห่วย

สำหรับคนที่สนใจอยากเปิดร้านโชห่วย นอกจากเรื่องหาทำเลที่ตั้ง หาแหล่งสินค้าในการซื้อเข้าร้าน วางรูปแบบการบริหารจัดการในร้าน สิ่งสำคัญที่ต้องทำอีกอย่างก็คือการขออนุญาตโดยหลักๆ จะมีการขออนุญาตและเสียภาษี 3 ประเภทคือ

  1. ภาษีสรรพสามิตร ต้องมีใบอนุญาตและเสียค่าธรรมเนียม ในการขาย บุหรี่ เหล้า-เบียร์
  2. ภาษีสรรพากร ภาษีเงินได้
  3. ภาษีโรงเรือน ภาษีบำรุงท้องที่

กำไรร้านโชห่วย มาจากไหน?

6

ถ้ามองว่าขายของแค่ 5 บาท 10 บาท บางทีเด็กแถวบ้านมาซื้อลูกอม 3 บาท 5 บาท ซื้อนม ซื้อนม ยอดบิลต่อคนบางทีแค่ 10-20 บาท เจ้าของร้านมีกำไรตรงไหน ข้อมูลจาก Pantip มีคนที่แสดงความเห็นว่า มันขึ้นอยู่กับว่าขายอะไร สินค้าบางตัวกำไรไม่ถึง 10% บางชิ้นอาจจะ 50+% คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าร้านของเราขายอะไรได้เยอะ

วิธีการหากำไรจึงต้องเอารายการซื้อของทั้งหมดมารวบรวมพร้อมกับราคาขาย แล้วก็เฉลี่ยทั้งเดือนว่ากำไรจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ แต่วิธีนี้มันก็ไม่ใช่ตัวเลขที่แน่นอน เพราะสินค้าที่ซื้อมาก็ไม่ได้ขายหมดในเดือนนี้ สินค้าที่ขายบางชิ้นก็ยกยอดมาจากเดือนก่อน แต่มันก็จะได้เปอร์เซ็นต์ประมาณการอยู่เฉลี่ย 15% บวกลบได้อีก ก็ขึ้ออยู่กับปัจจัยแวดล้อมที่แต่ละร้านอาจไม่เหมือนกัน

4

หรืออีกกรณีหนึ่ง สิ้นเดือนก็เอายอดขายทั้งเดือนมาลบกับยอดซื้อ แล้วหาร ก็จะได้เปอร์เซ็นต์ของกำไรในเดือนนั้น แต่วิธีนี้ตัวเลขไม่ค่อยจะแม่นยำนัก เพราะบางเดือนอาจมีสินค้าโปรโมชั่น ซื้อของสต๊อกเยอะ ถ้าคิดด้วยวิธีนี้บางทีอาจจะมีกำไรติดลบเลยก็ได้

อีกท่านหนึ่งจาก Pantip เช่นกัน ใช้โปรแกรม excel ในการคำนวณ โดยใช้สูตรที่ว่า

  • ทุน = ราคาขาย / 1.xx
  • xx คือ กำไรเป็น %

เช่น ขายของได้ 1,100 บาท ทุน 1,000 บาท กำไร 100 บาท ได้กำไร 10%

จากตัวอย่าง เราจะรู้ว่าขายของได้ 1,100 บาท อยากรู้ว่าได้กำไรกี่บาท

  • ทุน = 1,100 / 1.10 (สมมุติที่ 10%)
  • ทุน = 1,000 บาท

อีกตัวแปรคือ xx (กำไรเป็น %)

ให้หยิบของที่กำไรต่อหน่วยน้อยที่สุดมาคำนวณดูว่า เราได้กำไรน้อยสุดอยู่ที่กี่ %

  • ขนมต้นทุน 5 บาท เอามาขาย 6 บาท
  • xx = กำไร / ต้นทุน = 1 / 5 = 0.2 หรือ 20%

อย่างไรก็ดีหลักการเบื้องต้นและเป็นหลักของการตลาดที่เราหาข้อมูลเพิ่มเติมได้พูดถึงวิธีการตั้งราคาขายสินค้าว่าต้องเอา ราคาทุน + 20% = ราคาขายสินค้า ซึ่งอาจจะบวกต่ำกว่า 20% หากเป็นสินค้าขายดี ขายไว และขายได้ปริมาณมากๆ หรืออาจจะบวกถึง 30% หากเป็นสินค้าที่นานๆ จะขายได้ และสินค้าที่คนส่วนใหญ่นานจะซื้อสักที

3

อย่างไรก็ตามสินค้าหลายๆอย่างเรามาบวกกำไรตามใจชอบเองไม่ได้ เราต้องขายราคาตามท้องตลาดที่เขาขายกัน ราคาที่เราสามารถมาบวกเองได้ตามที่่เราต้องการ

เราต้องดูราคาจากร้านคู่แข่งด้วย พยามอย่าให้ขายแพงกว่าเขา สรุปโดยรวมเลยสินค้าทั่วไปที่จะต้องบวกกำไรควรอยู่ที่ประมาณ ขอย้ำว่าประมาณนะครับ จะมากจะน้อยกว่านี้ก็ได้ แต่ควรให้ได้กำไรเกาะอยู่ที่ 20%เป็นหลัก

5

และหากจะดียิ่งขึ้นหากร้านโชห่วยมีการปรับปรุงระบบภายในร้าน นำเอาPOS เข้ามาช่วยในการขาย ปรับปรุงภูมิทัศน์ในร้าน จัดวางสินค้าให้เป็นระเบียบ และรู้จักตกแต่งร้าน เพิ่มบริการที่หลากหลาย

และใช้การตลาดแบบออนไลน์ให้เกิดประโยชน์ คำว่าร้านโชห่วยก็จะกลายเป็นอีกธุรกิจที่ยังจะอยู่คู่ชุมชนได้อีกนาน และจะช่วยให้เจ้าของกิจการมีกำไรมากขึ้นอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3bmmjJ5 , https://bit.ly/2SVmvZ8 , https://bit.ly/2SNXqzt , https://bit.ly/2YTTxg6

อ่านบทความเพิ่มเติม https://bit.ly/2A5FuKe

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด