เทคนิคหาเงิน 10 ล้าน ก่อนอายุ40

เงิน 10 ล้านไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ และดูจะเป็นฝันที่ใหญ่เกินตัว หลายคนไม่กล้าตั้งเป้าใหญ่ขนาดนี้ ชีวิตนี้ขอแค่ได้เห็นเงินล้านก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากพอแล้ว แต่แนวคิดแบบ “Shoot of $10 million, not to $1 million”

บอกให้เรากล้าที่จะตั้งเป้าหมายว่าฉันอยากมีเงิน 10 ล้าน เพราะถ้าทำไม่ได้ไปไม่ถึงจริงๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเสียหายเพราะอย่างน้อยเราก็ยังมีเงินเก็บหลักล้านแม้จะไม่ถึงเป้าหมายก็ตามที

ช่วงอายุของคนที่ www.ThaiSMEsCenter.com มองว่ามีโอกาสเข้าใกล้เงิน 10 ล้านได้มากที่สุดน่าจะเป็นวัยผู้ใหญ่ตอนปลายเริ่มตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป เพราะคนกลุ่มนี้มีประสบการณ์และมีแนวทางในการทำงาน การลงทุน เรียกว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ โอกาสจะหาเงิน 10 ล้านก็ดูจะง่ายกว่าช่วงอายุอื่นๆ

สมมุติฐานของการมีเงิน 10 ล้าน ไม่ใช่จู่ๆ จะนึกทำแล้วให้มีได้ทันที นี่คือPassion ที่ควรตั้งเป้ามาตั้งแต่ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ เริ่มทำงานตอนอายุ 25 ปี เงินเดือน 20,000 บาท

โดยเฉลี่ยเงินเดือนเพิ่มขึ้นปีละ 6% และได้โบนัส 4 เท่าต่อปี หากเก็บออมทุกเดือน เดือนละ 15% ของเงินเดือน และนำเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทน 2% ต่อปี หากทำแบบนี้สม่ำเสมอจนถึงอายุ 40 ปี จะมีเงินเก็บอยู่ที่ 3.05 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าต่อให้ทำตามวินัยทางการเงินของตัวเองอย่างสุดโต่งเงินเก็บก็ยังไปไม่ถึง 10 ล้าน แล้วทีนี้จะทำอย่างไรให้ได้ 10 ล้าน

1.เพิ่มจำนวนเงินเก็บให้มากขึ้น

เทคนิคหาเงิน

ภาพจาก https://pixabay.com

เทคนิคแรก แนะนำให้เพิ่มจำนวนเงินเก็บให้มากขึ้น โดยเก็บเงินให้ได้มากกว่า 30% ของรายได้ต่อเดือน แต่จะทำยังไงให้เราเก็บเงินได้มากมายขนาดนั้น มี 2 วิธีง่ายๆ มาแนะนำ วิธีแรกคือ ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลง

ลองเริ่มจากการจดบันทึกรับจ่ายเพื่อให้เราเห็นว่า ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างเป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซึ่งสามารถลดหรือตัดทิ้งไปได้ โดยที่ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตของเรามากนัก เช่น การออกไปทานข้าวนอกบ้านที่มีราคาแพงบ่อยครั้ง หากเราสามารถลดจำนวนครั้งในการไปทานข้าวนอกบ้านลงได้ ก็จะช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และทำให้มีเงินเหลือมาเก็บออมได้มากขึ้น

4

ภาพจาก https://pixabay.com

วิธีที่สองคือ ออมก่อนใช้และออมอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีรายได้เข้ามาก็ให้เก็บออมก่อนเลย และพยายามทำให้เป็นนิสัย โดยเก็บออมก่อนใช้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน

ถ้าอยากให้ชัวร์ แนะนำให้ใช้วิธีตัดบัญชีเงินฝากจากบัญชีเงินเดือนทุกเดือนเพื่อนำฝากเงินอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้เรามีวินัยในการออมเงินและมั่นใจได้ว่า เราจะมีเงินเก็บแน่นอนทุกเดือน

2.เพิ่มรายได้ให้ตัวเอง

3

ภาพจาก https://pixabay.com

เทคนิคที่สองคือการเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง โดยหารายได้เพิ่มให้ได้ปีละ 15% แต่คำถามคือแล้วจะทำยังไงเราถึงสามารถหารายได้เพิ่มได้ มี 2 วิธีมานำเสนอ เริ่มจาก

วิธีแรกคือ พัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถของตัวเองเพื่อสร้างผลงานให้โดดเด่น เป็นที่ยอมรับ ซึ่งจะทำให้เราได้เลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้น หรือมีโอกาสได้ทำงานที่ท้าทายซึ่งได้ผลตอบแทนสูงขึ้น

วิธีที่สองคือ มองหาช่องทางเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น โดยแปลงความรู้ความสามารถที่เรามีมาสร้างรายได้ด้วยการทำอาชีพเสริม เช่น ใครมีความสามารถในการถ่ายภาพก็สามารถรับงานถ่ายภาพตามงานต่างๆ อย่างงานรับปริญญาได้

หรือใครมีฝีมือในการทำขนมก็สามารถทำขนมมาขาย โดยใช้ Social Media ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นช่องทางในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้ หากอาชีพเสริมที่เราทำนั้นรุ่ง รับรองว่าจะมีรายได้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

3.เริ่มให้เงินทำงานแทน

2

ภาพจาก bit.ly/2LGxnqZ

เทคนิคสุดท้ายคือ ให้เงินทำงานแทนเรา โดยแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7% ต่อปี ทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่ยังคงเก็บเงินไว้ในเงินฝากซึ่งได้ดอกเบี้ยค่อนข้างน้อยมากๆ

โดยเฉพาะเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.5% ต่อปี ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการลงทุนแบบไม่เสี่ยงนั้นถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ดังนั้น แนะนำให้เริ่มต้นศึกษาการลงทุนด้วยตัวเองตั้งแต่วันนี้ ซึ่งปัจจุบันมีสินทรัพย์มากมายให้เราเลือกลงทุน เช่น

  • สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝาก ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.4% ต่อปี
  • สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงปานกลาง เช่น ตราสารหนี้ ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 5.5% ต่อปี
  • สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้นไทย ทองคำ โดยหุ้นไทยให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 10.4% ต่อปี ส่วนทองคำให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.3% ต่อปี

1

ภาพจาก bit.ly/30iGKRN

ทั้งนี้ อย่าลืมว่า ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต และการลงทุนไม่ใช่การฝากเงิน ดังนั้น เราเองในฐานะของผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน และเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่เรารับได้และระยะเวลาลงทุน

ซึ่งบรรดาเศรษฐีระดับโลกทั้งหลายที่เราเห็นเขามีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน นั่นก็ไม่ใช่เพราะเขาทำธุรกิจอย่างเดียวแต่ทุกคนมีการลงทุนในรูปแบบเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดรายได้ให้เพิ่มพูนได้อย่างทวีคูณ


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

01

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด