เช็คลิสต์ 6 ข้อ เพื่อความมั่นใจ ให้ธุรกิจเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง

ถ้าเราเคยได้ติดตามข่าวสารทางธุรกิจจะพบว่าการทำธุรกิจยุคใหม่นั้นอาศัยการระดมทุนเป็นหลักแต่คำถามคือว่าเขาทำอะไร แบบไหน อย่างไรที่สามารถระดมทุนเหล่านั้นมาตั้งธุรกิจได้

คำตอบของเรื่องนี้ให้มองไปที่เจ้าของเงินเป็นหลักถึงเกณฑ์พิจารณา 6 ประการที่ www.ThaiSMEsCenter.com เรียกว่าคือการเช็คลิสต์ของธุรกิจใหม่ที่นักลงทุนจะมองเป็นสำคัญถ้าเห็นทิศทางที่สดใส มีอนาคตไกล

เขาถึงจะเริ่มต้นให้ระดมทุน เรื่องเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญมากถ้าธุรกิจหน้าใหม่รายไหนยังขาดตกบกพร่องในเรื่องเหล่านี้แทนที่จะเป็นธุรกิจดาวรุ่งอาจกลายเป็นดาวร่วงแบบไม่จำเป็นก็ได้

1. การตลาด (Market)

เช็คลิสต์

ภาพจาก goo.gl/cO56kt

เป็นที่แน่นอนว่าสตาร์ทอัพจะมีกำไรได้จากลูกค้า เพราะฉะนั้นคำถามแรกที่ต้องตอบตัวเองให้ได้คือ ลูกค้าของเราคือใครและใครที่จะยอมเสียเงินให้กับธุรกิจเรา เมื่อเราเจอกับคำตอบแล้วก็ต้องวิเคราะห์ต่อไปอีกว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีจำนวนมากพอหรือไม่? เพราะถ้ากลุ่มตลาดเราเล็กเกินไปโอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตนั้นก็ยาก

นอกจากนี้เราต้องมองถึงคู่แข่งที่สำคัญและไม่ใช่ดีใจถ้าเราพบว่าธุรกิจนั้นๆปราศจากคู่แข่งก็ให้คิดย้อนกลับอีกครั้งว่าทำไมถึงไม่มีใครอยากลงมาแข่งในธุรกิจที่เราต้องการ แต่ถ้ายังมั่นใจก็ให้กำหนดส่วนแบ่งการตลาดมาชัดเจนโดยอาจกำหนดเป็นจำนวนเงินหรือจำนวนคนก็ได้เพื่อจะได้ประเมินดูในช่วงแรกว่าธุรกิจเราใกล้ความสำเร็จที่ต้องการแค่ไหน

2.ความคิดสร้างสรรค์(Idea)

f3

ภาพจาก goo.gl/lYyZ0W

สตาร์ทอัพที่มีไอเดียแปลกใหม่เป็นเรื่องดี แต่ความแปลกไม่ได้การันตีว่าสตาร์ทอัพจะประสบความสำเร็จ เพราะไอเดียที่แปลกจะไม่มีความหมายถ้าช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าไม่ได้ เพราะฉะนั้นสตาร์อัพที่มีแนวโน้มประสบความสำเร็จสูงคือสตาร์ทอัพที่มีไอเดียแปลกใหม่และไอเดียนั้นแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้ได้ด้วย

ยกตัวอย่างของ Uber ในสมัยเปิดตัวใหม่คนมองธุรกิจไม่เข้าใจว่าทำงานอย่างไรให้ผลตอบแทนอย่างไรแต่เมื่อเรียนรู้สักระยะพบว่านี่คือธุรกิจที่แก้ปัญหาของคนในเมืองได้อย่างดีก็มีคนสนใจเข้าร่วมธุรกิจและเข้ามาเป็นลูกค้าจนประสบความสำเร็จได้ดีเช่นทุกวันนี้

3.แผนการหาเงินที่ดี (Business Model)

f2

ภาพจาก goo.gl/z4W6Ji

เงินคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงให้สตาร์ทอัพอยู่รอดและเติบโต ดังนั้นหัวใจสำคัญของการทำสตาร์ทอัพคือแผนการหาเงิน ในโลกของสตาร์ทอัพสินค้าและบริการชนิดเดียวกันอาจใช้วิธีหาเงินไม่เหมือนกัน

ยกตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพที่ทำคอมมูนิตี้เว็บไซต์นั้นมีโมเดลการหาเงินหลายแบบ ทั้งจากการขายโฆษณา การขายคอร์สอบรม การจัดแคมเปญ หรือการขายข้อมูลสมาชิก การจะฟันธงเลือกใช้โมเดลไหนก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละสตาร์ทอัพ หรือในบางครั้งตอนเริ่มแรกอาจเลือกหาเงินด้วยโมเดลหนึ่งแต่เมื่อดำเนินธุรกิจไปเรื่อยๆก็เริ่มมองเห็นช่องทางหาเงินมากขึ้นก็อาจเกิดโมเดลการหาเงินใหม่เพิ่มขึ้นก็เป็นได้

4.จุดแข็งทางธุรกิจ (Unfair Advantage)

f4

ภาพจาก goo.gl/EROGrD

Unfair Advantage คือจุดแข็งที่ธุรกิจเรามีแต่ธุรกิจอื่นไม่มี จุดแข็งของเราอาจเป็นรู้ข้อมูลเชิงลึกโดยข้อมูลนี้คู่แข่งไม่มี หรือการมีพาร์ทเนอร์ที่ควบคุมช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นต้น

ซึ่งการมีจุดแข็งที่ได้เปรียบคู่แข่งจะทำให้เราเติบโตเร็วและเป็นที่หนึ่งของตลาดได้ง่ายรวมถึงกีดกันให้คู่แข่งรายอื่นเข้าตลาดได้ยาก เช่น Agoda มีจุดได้เปรียบคือ โรงแรมทุกแห่งที่ลงขายที่ Agoda จะต้องเซ็นต์สัญญากับ Agoda ว่าจะขายให้ Agoda ในราคาต่ำที่สุด หรือ Grabtaxi จะไม่ให้แท็กซี่ในเครือข่ายเข้าร่วมกับสตาร์ทอัพที่อื่น

5.ระบบการทำงาน(Team)

f5

ภาพจาก goo.gl/CFCUil

จากการเปิดเผยข้อมูลจาก First Round Capital บริษัทที่ลงทุนได้สตาร์ทอัพพบว่า สตาร์ทอัพที่มีผู้ก่อตั้ง 2 คนขึ้นไปมีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากกว่าสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งคนเดียวถึง 163 เปอร์เซนต์ และนอกจากจำนวนผู้ก่อตั้งจะมีผลต่อความสำเร็จแล้ว

คุณสมบัติของคนในทีมก็ส่งผลต่อการเติบโตของสตาร์อัพเช่นกัน โดยสตาร์ทอัพที่ประกอบด้วยทีมงานหลากหลายความถนัดและมีความเชื่อเป็นแรงขับเคลื่อนจะส่งแรงให้สตาร์อัพเติบโตเร็ว

ตัวอย่างนี้เช่นได้ชัดคือ Instragram ที่ก่อตั้งด้วยคนเดียวแต่มีทีมงานคุณภาพแค่ 13 คนซึ่งเป็นวิศวคอมพิวเตอร์ที่มีฝีมือดีสุดท้ายก็พัฒนาโปรแกรมตัวเองจนถูกใจตลาดขายต่อกิจการให้กับFacebook ได้ในที่สุด

6.ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้น (Time)

f7

ภาพจาก goo.gl/Fum2BQ

หากใครเคยฟัง Ted Talk ชื่อ the single biggest reason why startups succeed. ที่ Bill Gross พูด จะเข้าใจความสำคัญของคำว่าเวลาอย่างกระจ่าง โดย Bill Gross ได้ทำงานวิจัยหาเหตุผลว่าทำไมสตาร์ทอัพถึงประสบความสำเร็จ โดยเขาพบว่ามี 5 ปัจจัยด้วยกันที่ส่งผลต่อความสำเร็จของสตาร์อัพได้แก่ ไอเดีย, ทีม, โมเดลธุรกิจ, เงินตั้งต้น และเวลา แต่เมื่อเขาเปรียบเทียบสตาร์ทอัพ 100 แห่งที่รุ่งและสตาร์ทอัพ 100 แห่งที่ร่วง

เขาพบว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดนั้นคือเวลา หากจะยกตัวอย่างของ Z.com กับ Youtube จะเห็นภาพความสำคัญของเวลามากขึ้น Z.com เป็นพื้นที่ให้คนอัพโหลดและดูคลิปวีดีโอออนไลน์ โดย Z.com ไอเดียธุรกิจดี มีทีมงานคุณภาพ ระดมทุนได้

แต่ช่วงนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศสหรัฐอเมริกา Z.com จึงล่วงดับไป อีก 2 ปีถัดมา Youtube ได้ก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลาที่ครอบครัวอเมริกันส่วนมากมีอินเตอร์เน็ตบ้านใช้ และอย่างที่เรารู้กันดีว่า Youtube ประสบความสำเร็จระดับโลก

และนี่คือเช็คลิสต์ 6 ประการที่เป็นสมมุติฐานเบื้องต้นให้กับคนที่กำลังคิดจะตั้งธุรกิจของตัวเองได้ลองมองสำรวจตัวเองอีกสักครั้งหากพบว่าใน 6 ข้อนี้ไม่มีขาดตกบกพร่องหรืออาจจะพร่องไปบ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อย ก็ขอฟันธงไว้เลยว่าธุรกิจของคุณมีโอกาสอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จแต่ในทางกลับกันถ้าพบว่ายังบกพร่องอีกหลายอย่างก็ให้กลับไปทบทวนอีกสักครั้งแล้วค่อยกลับมาเริ่มต้นใหม่จะได้ไม่เสียเวลาและไม่เสียงบประมาณไปกับการลงทุนที่ไม่เกิดผล

ทั้งนี้หากคุณเป็นอีกคนที่มีหัวทางการตลาดแต่ขาดแรงบันดาลใจที่จะเริ่มหรือไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปจะดีกับครอบครัวแค่ไหน ลองมาดูธุรกิจเหลือเชื่อที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ เป็นแรงบันดาลใจให้เรากลับไปทำตามฝันของตัวเองได้ง่ายขึ้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม goo.gl/EQU5ny

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด