เฉลย! จุดคุ้มทุนที่แท้จริงของธุรกิจ คิดยังไง

ปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจ มักประสบกับปัญหาขาดความเข้าใจในเรื่องของ “ จุดคุ้มทุน หรือ Break-Even Point” โดยส่วนใหญ่มักจะมีความเข้าใจว่า เมื่อใดก็ตามที่ตนเองมีรายได้ จากการขายสินค้าและบริการเท่ากับรายจ่ายที่ตนจ่ายออกไป อาจจะคิดกัน เป็นรายเดือนหรือรายปี ก็ถือว่าตนเอง “คุ้มทุน” แล้ว

แต่จริงๆ แล้ว ความเข้าใจดังกล่าวนั้น ก็อาจจะถือว่าเป็นจริงได้ในบางกรณีเท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้ว การ “คุ้มทุน” ในความเข้าใจของผู้ประกอบการมักจะไม่ใช่ “จุดคุ้มทุน” ของธุรกิจที่แท้จริง

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ “จุดคุ้มทุน” ที่แท้จริงเป็นอย่างไร และหลักการคิดจุดคุ้มทุ่มที่แท้จริงว่า เขามีหลักการคิดอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

ความหมายของ “จุดคุ้มทุน”

ii2

ภาพจาก goo.gl/LshXEa , goo.gl/X8oo2e

จุดคุ้มทุน คือ จุดที่รายได้เท่ากับรายจ่ายพอดี หากผู้ประกอบการรายได้มากกว่าจุดคุ้มทุน ส่วนที่เกินคือกำไร โดยการคำนวณจุดคุ้มทุนไม่ได้ยากอย่างที่คิด

มีเพียง 2 ส่วนเท่านั้นที่ต้องเข้าใจ คือ ส่วนของต้นทุนและส่วนของยอดขาย แต่ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจในส่วนของต้นทุนกันก่อน โดยต้นทุนจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ดังนี้

1.ต้นทุนคงที่ (Fix Cost)

ii4

ภาพจาก freepik.com

ต้นทุนคงที่คือต้นทุนที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะมีการขายสินค้าหรือไม่ก็ตาม เรียกง่ายๆ ว่าจะขายได้หรือไม่ก็ต้องจ่ายต้นทุนก้อนนี้ โดยส่วนใหญ่จะแบ่งย่อยออกเป็น 2 ส่วนคือต้นทุนคงที่ในส่วนของการผลิต และต้นทุนคงที่ในส่วนของการขายและบริหาร

1.1. ต้นทุนคงที่ในส่วนของการผลิต เช่น ค่าเช่าที่ดินในส่วนของโรงงานหรือสถานที่ผลิต ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาโรงงานดังกล่าว รวมไปถึงเงินเดือนพนักงานประจำในโรงงานและฝ่ายผลิต เป็นต้น

1.2. ต้นทุนคงที่ในส่วนของการขายและบริหาร เช่น ค่าเช่าอาคารสถานที่สำหรับส่วนของสำนักงาน ค่าสาธารณูปโภคพื้นฐานในส่วนสำนักงาน ค่าภาษีต่างๆ เงินเดือนพนักงานในส่วนงานบริหารจัดการและสำนักงาน รวมถึงต้นทุนที่ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอนโดยที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามยอดขาย

2. ต้นทุนแปรผัน (Variable Cost)

ii5

ภาพจาก freepik.com

ต้นทุนแปรผันคือต้นทุนที่เกิดขึ้นตามจำนวนสินค้าที่ขายไป หรืออธิบายง่ายๆว่าเป็นต้นทุนที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการผลิตหรือขายสินค้าโดยแปรผันตามจำนวนหน่วยสินค้าที่ผลิตหรือจำหน่ายออกไป โดยต้นทุนแปรผันสามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 ส่วนคือต้นทุนแปรผันในส่วนของการผลิต และต้นทุนแปรผันในส่วนของการขายและบริหาร

2.1. ต้นทุนแปรผันในส่วนของการผลิต เช่น วัตถุดิบ (Materials) แรงงาน (Labor) และค่าโสหุ้ยหรือค่าใช้จ่ายในการผลิต (Overhead) อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่ามีดกลึง ค่าวัสดุสิ้นเปลืองต่างๆในการผลิตเป็นต้น และในส่วนของค่าแรงงานนั้นเราจะนำมาคิดในส่วนของแรงงานในการผลิตที่ไม่ใช้การจ่ายเงินเดือนประจำเท่านั้น

2.2. ต้นทุนแปรผันในส่วนของการขายและบริหาร เช่น ค่านายหน้า (Commission) ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการขายหรือให้บริการ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ได้แก่ ค่าโฆษณา ค่าเลี้ยงรับรอง เป็นต้น โดยส่วนใหญ่นโยบายบริษัทมักจะตั้งค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นร้อยละของยอดขายสินค้า จึงถือเป็นต้นทุนแปรผัน

เช่น บริษัทแห่งหนึ่งตั้งค่านายหน้าไว้ที่ 3% ของยอดขายสินค้า หากพนักงานฝ่ายขายสามารถขายสิ้นค้าได้ 100 ชิ้น ในราคาชิ้นละ 100 บาท ก็จะได้ส่วนแบ่งเพิ่มจากเงินเดือนปกติอีก 300 บาทสำหรับการขายในครั้งนี้

ดังนั้น ต้นทุนใดเป็นต้นทุนแปรผันให้มองง่ายๆ ว่า ต้นทุนนั้นๆ เกิดจากจุดไหน หากเกิดจากการผลิตหรือการบริการ โดยมีต้นทุนมากขึ้น ตามจำนวนที่ผลิตหรือให้บริการต้นทุนนั้น เรียกว่าต้นทุนแปรผัน

หากเกิดขึ้นโดยไม่เปลี่ยนแปลงตามยอดขายต้นทุนนั้น เรียกว่าต้นทุนคงที่ เมื่อผู้ประกอบการพอที่จะแยกแยะได้แล้วว่า ต้นทุนเบื้อต้นคิดอย่างไร ลองมาดูวิธีคำนวณหาจุดคุ้มทุนตามสูตรดังต่อไปนี้

ยกตัวอย่าง บริษัทแห่งหนึ่งขายสินค้า A ในราคาชิ้นละ 150 บาท มีต้นทุนแปรผันในการผลิต รวมถึงการขายและบริหารชิ้นละ 100 บาท มีต้นทุนคงที่ทั้งหมดต่อเดือน 200,000 บาท ดังนั้น เมื่อนำมาแทนค่าลงในสูตรจะได้ดังนี้

*ดังนั้น จุดคุ้มทุน = 4,000 หน่วยต่อเดือน

k1

ภาพจาก https://bsid.dip.go.th/th

สรุปว่า บริษัทแห่งนี้จะต้องขายสินค้าให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 4,000 ชิ้นต่อเดือน เพื่อไม่ให้ขาดทุน หากขายได้มากกว่า 4,000 ชิ้นต่อเดือน ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมา คือ ส่วนของกำไร

เมื่อทราบจุดคุ้มทุนแล้ว ผู้ประกอบการจะประเมินความน่าลงทุนในธุรกิจได้ว่า ธุรกิจต้องขายมากแค่ไหนจึงจะคุ้มทุน เปรียบเทียบกับความยากง่ายในการขายด้วย ถ้าต้องขายมากหรือเป็นสินค้าที่ขายยาก ต้องใช้เวลานานกว่าจะขายได้สักชิ้น หรือมีรายจ่ายที่สูงมากทำให้ได้กำไรน้อย และต้องผลิตที่ละมากๆ จึงจะได้กำไร ก็อาจเป็นธุรกิจไม่น่าลงทุน

ดังนั้น เมื่อทราบจุดคุ้มทุนแล้ว ต้องขายสินค้าให้ได้มากกว่า หรือตั้งราคาให้สูงกว่าที่คำนวณได้ เพื่อให้เกิดกำไร หรืออีกวิธีการหนึ่ง คือ ลดรายจ่ายจากต้นทุนคงที่ จะทำให้มีผลต่อรายได้เพิ่มขึ้นโดยตรง หรือลดรายจ่ายแปรผันลงก็ได้เช่นกัน

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน goo.gl/Y32CZE

SMEs Tips
จุดคุ้มทุน คือ จุดที่รายได้เท่ากับรายจ่ายพอดี หากผู้ประกอบการรายได้มากกว่าจุดคุ้มทุน ส่วนที่เกินคือกำไร

อ้างอิงข้อมูล https://bsid.dip.go.th/th

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช