เจาะลึก Bitcoin นวัตกรรมเปลี่ยนโลก กับ คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา รู้ก่อนรวยก่อน!

โลกของธุรกิจ มีการขับเคลื่อนตัวเองอยู่ตลอดเวลา นวัตกรรมต่างๆ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายสำคัญคือการลดต้นทุนทางธุรกิจให้มากที่สุด เช่น Credit card ที่ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ปี 1950 , ATM ตั้งแต่ปี 1967, Online banking ที่เริ่มเป็นครั้งแรกในปี 1980

สิ่งที่เราได้เห็นคือลำดับขั้นของพัฒนาการจากยุคหนึ่งไปอีกยุคหนึ่งจนมาถึงปัจจุบันที่คนพูดถึงคำว่า “FinTech” และเราก็ได้ยินชื่อของ Blockchain และ Bitcoin ตามมา

www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าทั้ง 3 คำนี้หลายคนยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไรและจะมีประโยชน์อะไรกับการทำธุรกิจ และหากได้ตามข่าวเศรษฐกิจจะยิ่งงงกันไปใหญ่ว่าสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ทำไมมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยและตกลงแล้วนวัตรกรรมใหม่นี้มันดีหรือไม่ดีในเชิงธุรกิจอย่างไร

คุณจิรายุส

วันนี้เราได้พูดคุยกับคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซึ่งเป็นอดีตผู้ร่วมก่อตั้ง coins.co.th (previously co-founder of coins.co.th) ที่จะอธิบายให้เราเข้าใจเทคโนโลยีการเงินตัวใหม่ล่าสุดที่คุณจิรายุส บอกเลยว่า “ใครเข้าใจก่อน รู้ก่อน ลงมือทำก่อน โอกาสเป็นมหาเศรษฐีคนต่อไปนั้นไม่ยาก”

ปัจจุบันเรามีมหาเศรษฐีอย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการสื่อสารด้วยการใช้เฟสบุ๊ค หรือก่อนหน้านั้นมหาเศรษฐีของโลกอย่างสตีฟ จ๊อบส์ที่เข้ามาพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เป็นรายแรก ในอนาคตหากใครเข้าใจคำว่า Blockchain ดีพอก็มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีคนใหม่ของโลกได้เช่นกัน

Bitcoin กับ Blockchain คืออะไร

g3

แท้จริงแล้ว จุดเริ่มต้น Blockchain มากจากความพยายามในการพัฒนาฟินเทคประเภท Bitcoin เพื่อสร้าง Digital currency ที่มีความน่าเชื่อถือ โดย Bitcoin มีจุดเริ่มต้นประมาณปี 2008 โดย Satoshi Nakamoto เป็นผู้สร้างซอฟต์แวร์ Bitcoin โปรโตคอล และปล่อยให้เป็นซอฟต์แวร์ Open-source ในปี 2009

ซึ่ง Bitcoin ก็คือตัวกลางในการแลกเปลี่ยนชนิดใหม่ผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถส่งเงินผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตหรือกระทั่งบัญชีธนาคาร โดยที่ระบบมีการเข้ารหัสขั้นสูงพร้อมทั้งมาตรการความปลอดภัยอื่นๆ Bitcoin ถูกพัฒนาภายใต้เครือข่ายแบบ P2P

ซึ่งหมายความว่า ไม่มีสถาบันหรือองค์กรใดไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือธนาคาร สามารถมีอำนาจควบคุมหรือเอา Bitcoin ไปได้ โดยธุรกรรมของ Bitcoin เป็นสาธารณะ ตรวจสอบได้ และถูกจัดเก็บไว้ในระบบที่เรียกว่า Blockchain

มูลค่าของ Bitcoin นั้นจะไม่ผูกติดกับเงินสกุลใดคล้ายคลึงกับหุ้นหรือทรัพย์สินที่ถูกกำหนดโดยกำลังการซื้อและกำลังการขายในช่วงเปิดตลาด ปัจจุบันที่มูลค่าของ Bitcoin อาจผันผวนมาก เมื่อเทียบกับสกุลเงินและสินค้าโดยทั่วไปเป็นเพราะตลาด Bitcoin ยังมีขนาดเล็กแต่ความผันผวนนี้จะลดลงเมื่อสกุลเงิน Bitcoin เติบโตขึ้น และตลาดมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น

ทั้งนี้โดยทั่วไปเราอาจรู้จัก Bitcoin ว่าเป็นสกุลเงินสักอย่างที่โอนไปโอนมาในเนตได้ซึ่งการที่ Bitcoin มีราคาขึ้นลงตามกำลังการซื้อเช่น ถ้าในขณะนั้น 1 Bitcoin มีมูลค่าเท่ากับ 28,000 บาท เราก็สามารถกำเงิน 28,000 บาท เข้าไปซื้อ Bitcoin จากเว็บที่เปิดให้เราสามารถซื้อได้ และเราก็จะได้ Bitcoin มาประดับกระเป๋าตังค์ที่จับต้องไม่ได้ และถ้าปล่อยไปสักพักนึงราคา Bitcoin อาจจะขึ้นเป็น 30,000 บาท เราก็สามารถเอา Bitcoin ที่เราถือไว้ไปขายและได้เงินมา 30,000 บาทออกมาใช้ได้เป็นต้น

*** จำนวนเงินที่อธิบายเป็นการยกตัวอย่างให้เห็นภาพไม่ใช่มูลค่าจริง ***

อย่างไรก็ตามวิธีการสร้างรายได้จาก Bitcoin โดยหลักก็มีด้วยกัน 2 วิธีคือ

g4

1.การขุด

คือการใช้คอมพิวเตอร์เฉพาะทางในการเปิดโปรแกรมค้างเอาไว้ โดยโปรแกรมจะแสวงหา Bitcoin ที่อยู่ในระบบทั้งนี้ผู้ออกแบบระบบได้เทียบจำลองเสมือน Bitcoin เป็นทองคำที่มีมูลค่า เมื่อขุดขึ้นมาแล้วก็สามารถนำไปใช้จ่ายหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินจริงได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเข้าใจว่าการขุด Bitcoin นั้นต้องอาศัยคอมพิวเตอร์เฉพาะทางที่มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง

2.การเก็งกำไร

ไม่ว่าจะได้ Bitcoin มาจากการขุด หรือแลกเปลี่ยนมาจากเงินจริง หากเก็บเงินสกุล Bitcoin นั้นไว้ แล้วนำกลับมาแลกเปลี่ยนกลับเป็นเงินจริงอีกครั้งในช่วงที่ Bitcoin มีราคาสูงขึ้น ก็จะมีรายได้จากส่วนต่างเสมือนเป็นการเก็งกำไรค่าเงินหรือทองคำนั่นเอง ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยความชำนาญในระดับหนึ่งเช่นกัน

ถึงแม้ว่า Bitcoin จะเป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่าจะพลิกโฉมวงการธุรกิจได้แต่ในปัจจุบันการเข้าถึงและเข้าใจร่วมถึงการขัดต่อกฏหมายในบางประเทศที่ยังไม่เอื้อต่อการใช้ Bitcoin ก็ทำให้เทคโนโลยีนี้ยังไม่แพร่หลายมากนักซึ่งหากจะมองเฉพาะที่ตัวของ Bitcoin เองที่มีผลดีต่อการทำธุรกิจสามารถแยกมาเป็นประเด็นน่าสนใจได้ดังนี้

ประโยชน์ของ Bitcoin ในการพัฒนาธุรกิจSMEs

g5

1.เพิ่มความสะดวกในการโอนเงินข้ามประเทศ

ปัจจุบันการโอนเงินข้ามประเทศนั้นมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงเฉลี่ย 8-15% ทำให้แรงงานที่ต้องการส่งเงินกลับบ้านนั้น ต้องเสียเงินไปกับค่าธรรมเนียมเหล่านี้จำนวนไม่น้อย แต่ด้วยเทคโนโลยีบิทคอยน์การโอนเงินข้ามประเทศจะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากจนแทบจะไม่มีเลยด้วยข้อได้เปรียบทางด้านค่าธรรมเนียมนี้ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมขนาดเล็กหรือใหญ่ก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น

2.โอกาสสร้างกำไรของธุรกิจจากค่าธรรมเนียมที่เกือบจะ0%

โดยปกติการชำระเงินสำหรับลูกค้าต่อธุรกิจในปัจจุบันส่วนใหญ่มักใช้บัตรเครดิต ที่จะมีค่าธรรมเนียมแฝงอยู่ดยผู้ประกอบการที่รับเงินในช่องทางนี้ต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมให้ผู้ให้บริการระบบชำระเงินสูงถึงกว่า 3-5% ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆ ร้านถึงชอบออกโปรโมชั่นโดยให้ลูกค้าจ่ายเงินสดแล้วจะได้ลดราคา หรือ บางร้านถึงขั้นถ้าลูกค้าจ่ายบัตรเครดิตจะถูก Charge เงินบางส่วนเพิ่ม

สมมุติให้เห็นภาพเช่นถ้าเรามีบริษัทแล้วมีกำไรจากธุรกิจ 6%ต่อปี และต้องมาเสียค่าธรรมเนียมให้ผู้บริการบัตรเครดิตอีกปีละ 3% เท่ากับว่ากำไรเราจะหดหายไปกว่าครึ่ง เป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Wikipedia, Expedia, Dell, Microsoft และ Tesla ถึงตั้งใจที่จะรับการชำระเงินด้วย Bitcoin เพราะการชำระเงินในระบบนี้มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากหรือเรียกได้ว่าใกล้เคียง 0% ซึ่งค่าธรรมเนียมที่ลดต่ำแบบสุดๆ นี้เท่ากับจะกลายมาเป็นกำไรที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยได้มากขึ้น

g6

3.เป็นกระเป๋าเงินในโลกอนาคตที่ปลอดภัย

ในบางประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยังไม่พร้อม การเปิดบัญชีธนาคาร และการส่งเงินไปยังจุดต่างๆ มีความเสี่ยงสูง ซึ่ง Bitcoin นี้จะทำหน้าที่เหมือนบัญชีธนาคาร ลูกค้าสามารถฝาก/ถอน/โอน เงินเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์รวมถึงการเติมเงินมือถือ ชำระบิลต่างๆ ได้ผ่านทางมือถือหรือคอมพิวเตอร์อย่างปลอดภัยและสะดวกรวดเร็ว โดยทั้งหมดนี้ใช้เครือข่าย Blockchain เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง

รวมถึงยังสามารถต่อยอดไปสู่ตลาดกู้ยืมเงินที่ระบบของ Blockchain สามารถตรวจสอบข้อมูลอมูลประวัติทั้งหมดที่สามารถช่วยให้ผู้ปล่อยกู้สามารถประเมินความเสี่ยงและเสนออัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมให้กับผู้กู้ได้

4.การขายของออนไลน์ในระหว่างประเทศจะง่ายขึ้นอีกมาก

นอกจาก Bitcoin จะเป็นการทำธุรกรรมที่มีค่าธรรมเนียมต่ำสุดหรือในบางกรณีก็ไม่มีค่าธรรมเนียมเลย Bitcoin ยังแก้ปัญหาเรื่อง Payment ที่เราสามารถซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศกันได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่เรื่องของ Payment ไม่ตรงกันทำให้ไม่สามารถรับชำระเงินต่อกันได้ ซึ่ง Bitcoin จะมาเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ทั้งหมด

g7

5.ไม่มีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ

บิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านบิทคอยน์ แปลว่า เมื่อจำนวนบิทคอยน์ในตลาดถึง 21 ล้านบิทคอยน์แล้วก็จะไม่สามารถมีเพิ่มได้อีก ซึ่งทำให้ไม่มีอัตราการเฟ้อของบิทคอยน์ และในความเป็นจริงอัตราเงินฝืด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ราคาของสินค้าและบริการตกลงสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่าสกุลเงินบิทคอยน์สามารถหารลงไปได้เรื่อยๆ ทำให้ซื้อ-ขายในจำนวนที่น้อยมากๆ ได้ ซึ่งหารลงไปได้เท่าไรก็ไม่สำคัญ เพราะว่ามีอุปทานเท่าเดิม

ตัวอย่างเช่น Zimbabwe ที่เคยเกิดปัญหาภาวะอัตราเงินเฟ้อขั้นรุนแรง ขนาดที่มูลค่าของเงินที่มีในมือแค่เพียงข้ามวันอาจกลายเป็นแค่เศษกระดาษทันที แต่ Bitcoin สามารถเข้าไปช่วยประเทศเหล่านี้ได้โดยทำตัวเปรียบเสมือนค่าเงินทางเลือกที่ใช้กันในประเทศ

อนาคตของ Bitcoin เริ่มชัดเจนและแพร่หลายมากขึ้น

g8

หลังจากที่ Bitcoin ได้ถูกสร้างขึ้น ธนาคารที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อย่าง Santander ของสหราชอาณาจักร ได้ประกาศถึงโครงการนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้กับระบบการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือสากล ซึ่งได้รับการคาดการณ์ว่าจะมาเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจการโอนเงินในไม่ช้า

ส่วนทางฝั่งของทวีปเอเชีย อย่าง Mizuho จากประเทศญี่ปุ่น ก็ได้ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก Fujitsu ในการนำจุดเด่นของเทคโนโลยี Blockchain ที่มีความปลอดภัยสูงมาทดลองสร้างระบบซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศเพื่อลดความยุ่งยากในการแลกเปลี่ยนสิทธิความเป็นเจ้าของและระยะเวลาการดำเนินการจากหลายวัน เป็นเพียงไม่ถึงหนึ่งวัน

มีรายงานข่าว thaitribune online ระบุว่า Bitcoin เริ่มเปลี่ยนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ โดยไม่ผ่านธนาคาร

g9

โดยมีผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ รายหนึ่งในสหราชอาณาจักร ซื้อบ้านหรู 2 หลัง จากบริษัท Go Homes ด้วย Bitcoin ซึ่งเขาได้มาจากการขุด Bitcoin และ การซื้อขายบ้านครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์สำหรับการซื้อขายบ้านด้วย Bitcoin และคาดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องปกติในอีก 5 ปีข้างหน้า

ปัจจุบัน Blockchain ได้ถูกนำไปใช้กับธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เช่น Smart Contracts สัญญาอัจฉริยะ ที่จะช่วยให้การบังคับใช้สัญญาตามข้อตกลงถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติ เพิ่มความน่าเชื่อถือ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ, Digital Identity อัตลักษณ์ทางดิจิตอล ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวงการแแพทย์ เช่น โรงพยาบาลซึ่งปกติจะมีบันทึกเกี่ยวกับคนไข้จำนวนมาก ถ้ามี Blockchain ก็จะปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลได้

จากข้อมูลที่คุณจิรายุสได้อธิบาย รวมถึงการยกตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพมากขึ้นว่า Bitcoin คือการพัฒนาการด้านเทคโนโลยีล่าสุดที่อาจจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ เช่นเดียวกับสมัยก่อนที่คนยังไม่รู้จักไฟฟ้า น้ำมัน รถยนต์ หรืออินเทอร์เนต

แรกๆก็ย่อมจะมีการต่อต้านและไม่ยอมรับแต่หลังจากที่เทคโนโลยีนี้ได้พิสูจน์ตัวเองว่าดีพอที่จะเปลี่ยนโลกได้นั้นหมายถึงการยอมรับและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามหากเรารู้ก่อน ขยับตัวก่อน อาจหมายถึงโอกาสเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีนี้ที่หมายถึงกำไรมหาศาลที่อาจสร้างได้แบบไม่รู้จบด้วย

ต้องการติดต่อพูดคุยเพิ่มเติม

Facebook : www.facebook.com/toppjirayutsrupsrisopa

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3sZJliR

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด