เจาะกลยุทธ์การขาย มาม่าเจ๊โอว

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปน่าจะเป็น “สินค้ายอดฮิต” ของคนทั่วไป เชื่อว่าทุกบ้านต้องมี มาม่า ไวไว ซื้อติดครัวกันไว้ นี่คือเมนูยามยาก เวลาไม่มีอะไรกิน ต้มน้ำร้อนลวกมาม่า จะใส่วัตถุดิบอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ใส่เลยก็แล้วแต่ ก็อิ่มท้องพออยู่ได้

การจะอัพเกรดมาม่าจากซองละ 5-6 บาท กลายเป็นสินค้าราคาหลักร้อย ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ แต่คำถามคือทำแล้วจะมีลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ใครจะอยากเสียเงินมากินมาม่าชามละหลายร้อย แบบนี้สู้ทำกินเองอาจเสียเงินน้อยกว่า แต่สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้มันก็เป็นไปได้

www.ThaiSMEsCenter.com ขอนำทุกท่านมารู้จักกับสุดยอดเทคนิคการขายของร้าน “เจ๊โอว” ที่เขาไม่ได้มีดีแค่ขายข้าวต้ม หนึ่งในสินค้าสุดฮิตที่วัยรุ่นชอบมากคือ “มาม่าเจ๊โอว” ที่ราคามีตั้งแต่ 120-800 บาทกันเลยทีเดียว

รู้จักร้าน “เจ๊โอว ข้าวต้มเป็ด”

10

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

ใครๆอาจจะรู้จักในชื่อเมนู “มาม่าเจ๊โอว” แต่ที่จริง ร้านเจ๊โอวไม่ได้ขายมาม่าเป็นหลัก ชื่อเต็มๆคือร้าน “เจ๊โอว ข้าวต้มเป็ด” ร้านเปิดอยู่แถว ถ.จรัสเมือง รองเมือง ปทุมวัน ร้านนี้เปิดมากว่า 60 ปี สืบทอดกิจการกันมากว่า 3 ชั่วอายุคน อาจจะด้วยทำเลของร้านที่อยู่ในย่านออฟฟิศ สถานศึกษา จึงทำให้ขายดีมาก

9

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

ในยุคแรกของร้านที่เริ่มจากรุ่นก๋งกับอาม่า เดิมที่ขายแค่ข้าวข้าวต้มเป็ด กระเพาะหมู และเป็ดพะโล้ พอมาถึงรุ่นเจ๊โอว ก็ได้เพิ่มเมนูให้มากขึ้น เช่น ผัดผักบุ้ง เกี่ยมไฉ่ หมูกรอบ จนปัจจุบันกลายเป็นร้านข้าวต้มที่มีเมนูกับข้าวให้เลือกหลากหลาย แนวคิดของร้านในการคิดค้นเมนู ก็แค่เอาความรู้สึกของคนในบ้านมาสร้างเมนูที่ขาย โดยดูว่าคนในบ้านอยากกินอะไร เช่นเมนูผัดผัก จับฉ่าย ยำแซลมอน พวกนี้ก็บรรดาลูกหลานในบ้านเจ๊โอว อยากกิน

8

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

ซึ่งหากเห็นว่ารสชาติและราคามันพอไปได้ ก็จะทำขาย โดยไม่ได้หวังเรื่องกำไรในปริมาณมาก อาศัยมีเมนูที่หลากหลาย จับกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น คนที่มาทานอาหารร้านเจ๊โอว จึงไม่จำเพาะเจาะจงว่าต้อวเป็นใคร นักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน ผู้ใหญ่ มารับประทานอาหารที่ร้านได้โดยมีเมนูน่าสนใจในแต่ละช่วงวัยซึ่งก็ถือเป็นจุดเด่นของร้านเจ๊โอวที่น่าสนใจมาก

มาม่าเจ๊โอว อร่อยสุดพลัง ชามละ 120-800 บาท

7

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

ที่จริงก็คือมาม่าธรรมดาที่ราคาในตลาดขายซองละ 5-6 บาท ทุกบ้านก็มีให้กิน เพียงแต่ร้านเจ๊โอวเขาเอามาเพิ่มเติมวัตถุดิบให้ดูน่าสนใจและดูไม่ธรรมดากลายเป็นสินค้าสุดว้าววววว ที่เปลี่ยนหน้าตามาม่าธรรมดาให้กลายเป็นเมนูสุดพรีเมี่ยม

6

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

ที่สำคัญ อร่อยมาก สิ่งที่ทำให้มาม่าธรรมดากลายเป็นไม่ธรรมดาก็คือ “เครื่องของต้มยำ” ที่มีให้เลือกหลากหลายเป็นวัตถุดิบอย่าง กรรเชียงปู ปลาหมึก กุ้ง หมูชุบแป้งทอด หมูบดก้อน และเพิ่มสีสันให้น่าดึงดูดเข้าไปอีกกับไข่ดิบและมะนาวฝานเป็นชิ้นบางๆ และมีความเก๋คือเสิร์ฟยกหม้อกันเลย ไม่ใช้แค่หน้าตาดีอย่างเดียว คนที่เคยไปทานไม่เคยติในเรื่องของรสชาติส่วนเรื่องราคาก็สมเหตุสมผลกับวัตถุดิบและปริมาณที่ให้มา ราคาจะมีตั้งแต่ 120-800 บาท

ซึ่งนอกจากมาม่าเจ๊โอว ที่อร่อยเลื่องชื่อ เมนูอื่นๆ ของร้านเจ๊โอว ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเช่นปูไข่ แบบไข่ล้นๆ กระดอง นำมาทำปูผัดผงกระหรี่ ยำปูไข่ ปูไข่อบวุ้นเส้น เป็นต้น

7 กลยุทธ์มัดใจลูกค้า สไตล์เจ๊โอว

5

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

1.จัดเมนูตามใจลูกค้า

มาม่าเจ๊โอวเริ่มต้นจากทีแรกก็เป็นแค่มาม่าต้มแบบธรรมดา ทำไปทำมาลูกค้าอยากให้ใส่วัตถุดิบโน่น นี่ นั่น ร้านเจ๊โอว ก็จัดให้ตามใจลูกค้า เริ่มกลายเป็นมาม่าที่หน้าตาน่ากินมากกว่าเดิม ประกอบกับลูกค้าของร้านบางคนทำงานดึก ดูบอลดึก หรืออยากออกมาหาอะไรกินดึกๆ แต่บางทีก็เบื่อข้าวต้มกุ้ยธรรมดา เมนูมาม่าเจ๊โอว จึงเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ตอบโจทย์รอบดึกของลูกค้าได้ดีมาก

2.ดังได้เร็วเพราะกระแสโซเชี่ยล

เป็นผลสืบเนื่องจากข้อแรกเมื่อมาม่าผสมผสานวัตถุดิบใหม่ๆ ดูแล้วอลังการงานสร้าง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะ แช๊ะ และแชร์ ทำให้มาม่าเจ๊โอว เริ่มเป็นที่รู้จักในโซเชี่ยล และเกิดการพูดถึงแบบปากต่อปาก ประกอบกับรสชาติและหน้าตาของสุดยอดเมนูนี้ใครเห็นเป็นต้องอยากลองกินสักครั้ง ราคาหม้อละ 120-800 บาท ถ้ามากันสัก 3-4 คนก็ราคาก็หารกันไปซึ่งแต่ละคนจ่ายไม่มากแต่ได้ความอร่อยคุ้มค่าสุดๆ

4

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

3.คุณภาพของวัตถุดิบสมราคา

อันที่จริงมาม่าแบบพิเศษๆ นี้ก็มีให้เห็นหลายร้าน แต่บางทีเสียงที่บ่นตามมาก็คือคุณภาพไม่สมราคา ซึ่งแตกต่างจากมาม่าเจ๊โอว ที่คัดเอาแต่วัตถุดิบชั้นดีไม่ว่าจะเป็นกุ้งตัวใหญ่สดๆ กรรเชียงปูเต็มๆคำ ซึ่งลูกค้าสัมผัสได้ในเรื่องคุณภาพและปริมาณของวัตถุดิบที่ผสมผสานเข้ามา กลายเป็นจุดขายที่ไม่เน้นกำไรแต่เอาใจลูกค้าจำนวนมาก

3

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

4.เทคนิคเปิดร้าน – ปิดร้าน ให้คนคิดถึง

ร้านเจ๊โอวเปิดขายข้าวต้มเป็นหลักโดยจะเปิดร้านประมาณ 5 โมงเย็นถึง ตี 1 ซึ่งขายดีและมีลูกค้าจำนวนมาก โดยปกติหากขายดีเช่นนี้ ช่วงหยุดเทศกาลหรือโอกาสพิเศษใด ๆ ร้านค้าจะไม่หยุดร้านเพราะถือว่าเป็นเวลาที่จะดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้มากขึ้น

แต่ร้านเจ๊โอวทำในสิ่งที่ตรงข้ามคือเลือกจะหยุดช่วงเทศกาล ไม่ใช่เพราะไม่อยากขาย แต่เจ๊โอวมองเรื่องต้นทุนว่าเทศกาลราคาวัตถุดิบมักแพงกว่าปกติ หรือจะซื้อมาสต๊อกเก็บไว้ ก็จะไม่สดใหม่ ร้านเจ๊โอวใส่ใจเรื่องคุณภาพและอยากให้ลูกค้าได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด และการเปิดปิดร้านแบบนี้ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็นพรีเมี่ยม ที่ไม่ใช่นึกจะมาเมื่อไหร่ก็มา จะไปกินเมื่อไหรก็ได้ ทำให้ร้านค้าดูมี Story ที่เป็นจุดขายมากขึ้น

5.สร้างแพลตฟอร์มโซเชี่ยลของตัวเอง

ร้านเจ๊โอว ข้าวต้มเป็ด เป็นธุรกิจแบบครอบครัว ล้วนๆ ตั้งแต่คนที่คอยคุมการทำอาหาร คนเก็บเงิน หรือแม้แต่คนสร้างแพลตฟอร์มโซเชี่ยล ก็เป็นคนในครอบครัวทั้งสิ้น เพจของร้านก็ไม่ได้เว่อวังอลังการใช้โปรไฟต์ง่ายคือรูปเจ๊โอว พร้อมกับบอกเวลาเปิด ปิดร้าน และการตอบคำถามที่เรียบง่ายแต่รวดเร็ว การโพสต์อัพเดทก็เน้นภาพอาหาร บรรยากาศในร้าน ดูแล้วเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ทำให้มีคนติดตามนับแสนทีเดียว

2

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

6.ขายดีแต่ไม่คิดมีสาขาเพิ่ม

เห็นขายดีขนาดนี้หลายคนเชียร์ให้เปิดสาขา หรือขายแฟรนไชส์ แต่สิ่งที่เจ๊โอวให้ความสำคัญคือ “คุณภาพ” การขยายสาขาอาจทำให้ได้เงินมากขึ้น รวยมากขึ้น แต่จะรับประกันได้ยังไงว่าทุกร้านรสชาติ และคุณภาพจะเหมือนกัน ยิ่งเป็นการขายแฟรนไชส์ด้วยยิ่งคุมยาก หากไม่มีระบบบริหารจัดการที่ดี ลำพังแค่ร้านแรกและร้านเดียวแบบนี้ก็ขายดีและไม่มีเวลาไปคิดทำอย่างอื่น และการมีแค่ร้านเดียวก็ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าถ้าอยากกินต้องมาที่ร้านนี้ ไม่ใช่จะไปที่ไหนก็มีร้านเจ๊โอวทุกที่ เป็นการสร้างภาพลักษณ์และสร้างแบรนด์ของร้านที่แข็งแกร่งมาก

7.ทำธุรกิจด้วยคำว่า “เต็มที่”

ไม่ว่าจะร้านเล็กร้านใหญ่ถ้าเจ้าของร้านใส่ใจและทำ “เต็มที่” ลูกค้าจะประทับใจและเริ่มโฆษณาแบบ “ปากต่อปาก” ให้เราได้อีกทาง ร้านเจ๊โอวก็เช่นกัน ทุกเมนูของร้านกำชับพ่อครัวเสมอว่าเครื่องปรุงต้องใส่เต็มที่ ทำให้เหมือนเวลาทำกับข้าวให้คนที่บ้านกิน เราอยากกินดี กินอร่อยแค่ไหน เราก็ต้องทำแบบนั้นให้กับลูกค้าเช่นกัน

1

ภาพจาก www.facebook.com/RanCeXow/

สิ่งที่ร้านเจ๊โอวจะพัฒนาต่อเนื่องในอนาคตไม่ใช่การขยายสาขา ไม่ใช่การเพิ่มขนาดร้าน จำนวนเมนู แต่สิ่งที่เจ๊โอวอยากทำมากที่สุดคือ “การจัดระบบให้ลูกค้าไม่ต้องรอนาน” เพราะเข้าใจว่าบางคนตั้งใจมาที่ร้านแต่ความที่ลูกค้ามีมาก คิวอาจยาวและรอนาน ซึ่งเจ๊โอวมองว่าถ้าเป็นเราเองก็คงไม่ประทับใจเท่าไหร่ ดังนั้นเรื่องการจัดคิวและลดระยะเวลารอคอยของลูกค้าจึงเป็นโจทย์ที่เจ๊โอวอยากพัฒนาก็เพื่อทำให้ลูกค้าประทับใจและพอใจมากที่สุด


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/38WJVDw
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3930ygR

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด