เงินทุนมีน้อย! ลงทุนอะไร ดีที่สุด

ปี 2564 น่าจะเป็นปีที่ยากลำบากต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของ COVID ผลกระทบที่ชัดเจนคือรายได้ที่หดหาย หลายคนตกงาน ว่างงาน ทำให้เงินเก็บที่พอมีอยู่บ้างต้องนำออกมาใช้ กลายเป็นเงินทุนที่เคยมีก็เหลือน้อยลงไป จนหลายคนกลุ้มใจว่าไม่รู้จะทำอย่างไรต่อจากนี้

www.ThaiSMEsCenter.com เข้าใจความกังวลของทุกคนเป็นอย่างดีจึงได้รวบรวมวิธีการว่าเราควรทำอย่างไรในยุคที่เงินทุนเรามีน้อย จะนำมาใช้ทำอะไรเพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

เข้าใจคำว่า “ลงทุน” กับ “ทำธุรกิจ” ให้ชัดเจน

1

เมื่อเงินมีน้อยหลายคนคิดลงทุน หลายคนคิดทำธุรกิจ แต่ 2 คำนี้ความหมายไม่เหมือนกัน การลงทุนคือการเอาเงินที่มีไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกันเราอาจมีธุรกิจอื่น หรือทำงานประจำร่วมด้วย การลงทุนเป็นการทำให้เงินงอกเงยมากกว่าที่จะฝากธนาคารกินดอกเบี้ยประจำปีซึ่งหากเงินฝากไม่เยอะแยะคิดกันง่ายๆว่าถ้าเรามีเงินฝาก 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.25% ต่อปี ใน 1 ปีเราจะมีดอกเบี้ย 22,500 บาท เอามาหาร 12 เฉลี่ยต่อเดือนเรามีเงินงอก 1,875 บาท

ทีนี้ถ้าคิดจะลงทุนให้เงินที่มีเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเดิม ก็ต้องมาตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าชอบ หรือสนใจการลงทุนประเภทไหน? มีประสบการณ์ลงทุนธุรกิจหรือไม่? , มีเงินลงทุนมากน้อยเพียงใด? , ต้องการผลตอบแทนเท่าไหร่? และหากขาดทุน จะยอมรับได้ในวงเงินไม่เกินเท่าไหร่? เราต้องมีคำตอบให้ตัวเองในเรื่องเหล่านี้ก่อนที่จะเริ่มลงทุนต่อไปได้

เงินทุนมีน้อย เอาไปทำอะไรได้บ้าง??

1.ไม่ต้องลงทุนแต่เปลี่ยนทิศทางการใช้เงิน

8

ภาพจาก fpixabay.com

หากคิดจะลงทุนโดยที่มีเงินน้อยๆ ไม่ว่าจะเลือกลงหุ้น พันธบัตร LMF RMF ยังไงก็ไม่คุ้มยิ่งมาลงทุนตอนอายุมากๆ ยิ่งไม่คุ้มหากจะลงทุนจริงๆ ก็ต้องมีระยะเวลา ทางที่ดีสำหรับคนมีเงินน้อย ไม่ต้องไปลงทุนอะไร แต่เปลี่ยนทิศทางการใช้เงินตัวเอง ใช้วิธี “เก็บเงินที่เหลือจากรายได้” ไม่ต้องมากแค่ 10% จากรายได้ เพราะเราต้องคำนวณตัวแปรระหว่างทางพวกค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เรื่องนี้อยู่ที่วินัยและต้องใจแข็งสุดๆ อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจคือเก็บเงินตามจำนวนวัน ใน 1 ปีมี 365 วัน เราก็เก็บเงินตามจำนวนวันไปเลย วันที่ 1 เก็บ 1 บาท วันที่ 2 เก็บ 2 บาท เรื่อยไปจนถึงวันที่ 365 ก็เก็บ 365 บาท วิธีนี้คำนวณแล้วถ้าทำได้จริง สิ้นปีมีเงินเก็บถึง 66,795 บาท

2.ซื้อแฟรนไชส์ราคาย่อมเยาว์

4

ใครจะเชื่อว่าการซื้อแฟรนไชส์ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ต่อยอดเงินของเราให้เพิ่มมากขึ้นได้ ข้อดีของแฟรนไชส์คือมีระบบการบริหารจัดการให้เราต่อยอดได้ทันที วัตถุดิบต่างๆ ก็พร้อมจัดส่งให้ ปัจจุบันแต่ละแฟรนไชส์ต่างก็แข่งขันพัฒนาคุณภาพตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทุนที่สามารถเลือกลงทุนกับแฟรนไชส์ที่มีราคาตั้งแต่หลักพันไปถึงหลักหมื่น ยิ่งถ้าเรามีทำเล มีคนในครอบครัวช่วยดูแลแฟรนไชส์ โอกาสประสบความสำเร็จก็ยิ่งมากตามไปด้วย

3.ลงทุนกับทองคำ

7

ภาพจาก pixabay.com

การลงทุนกับทองคำมี 3 รูปแบบที่เราต้องรู้จักคือ

  1. ซื้อทองคำแท่งผ่านร้านทอง เก็งกำไรผ่านการประกาศราคาทองคำจากสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย ที่นิยมซื้อขายทองคำแท่งเพราะค่าบล็อกถูกกว่าค่ากำเหน็จของทองรูปพรรณ
  2. ซื้อขายทองคำแท่งผ่านระบบออนไลน์ ราคาที่ใช้ก็คำนวณจากราคาทองจากต่างประเทศ บริการซื้อขายเกือบ 24 ชั่วโมงตามเวลาต่างประเทศ ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลงที่ตลาดไหนก็ยังซื้อขายทองคำได้ตลอดเวลา
  3. ออมทอง (Gold Saving) เป็นการกำหนดจำนวนเงินที่จะซื้อต่อเดือน การซื้อทองคำในรูปแบบออมทอง จะระบุมูลค่าของเงินที่จะทำการซื้อทองคำในแต่ละเดือนไว้ชัดเจน และนำเงินจำนวนนั้นมาเฉลี่ยซื้อทองคำในทุกวันทำการ เป็นการซื้อทองสะสมอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทองราคาถูกยิ่งได้ปริมาณทองเยอะด้วยเงินจำนวนเท่าเดิม เมื่อเก็บเล็กผสมน้อยผ่านระยะเวลาหนึ่ง เราก็จะได้ทองคำแท่งเป็นสลึง เป็นบาทๆ ได้เช่นกัน

4.ขายสินค้ามือสองตามตลาดนัด

3

ถ้าเรามีเงินทุนสำหรับเริ่มต้นไม่เกิน 10,000 บาท จะให้ไปลงทุนหนักๆ คงได้ไม่คุ้มเสีย “สินค้ามือสอง” คือทางเลือกที่ดีที่สุด และจะประหยัดต้นทุนได้มากหากว่าสินค้านั้นเป็นเสื้อผ้า ของใช้ ที่เรามีอยู่ หรือจะไปรวบรวมมาจากญาติพี่น้องหรือคนรู้จักที่เขาไม่ได้ใช้ เอามาวางขายแบบง่ายๆ ตามตลาดนัด แน่นอนว่านี่คือการลงทุนที่ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน และรายได้ที่เข้ามาก็อาจไม่ได้เป็นกอบเป็นกำ แต่หากเราเริ่มต้นทำไปเรื่อยๆ อาจพบช่องทางที่ดียิ่งขึ้นนำไปสู่กำไรที่มากขึ้นในอนาคตได้ด้วย

5.เปลี่ยนความสามารถตัวเองให้เป็นรายได้

6

ภาพจาก freepik.com

ถ้าเราไม่มีต้นทุนเรื่องเงิน แต่เรามีต้นทุนด้านความสามารถ ก็ใช้จุดแข็งนี้ให้เป็นประโยชน์ได้ เช่น ถ้าเรามีความสามารถด้านภาษาอาจจะเปิดสอนพิเศษให้กับคนที่สนใจ หรือถ้ามีความสามารถด้านศิลปะ ก็อาจจะวาดภาพขาย ทั้งภาพวิว ภาพเหมือน และในยุคนี้ใครที่มีความสามารถด้านการเขียนโปรแกรม หรือกราฟฟิค ก็สามารถรับงานพิเศษมาทำ สร้างเป็นรายได้เสริมให้กับตัวเอง ซึ่งก็มีคนมากมายที่เขาประสบความสำเร็จจากการขายความสามารถตัวเอง บางทีรายได้ดีกว่าการทำงานประจำด้วยซ้ำไป

6.ขายของออนไลน์

5

ภาพจาก freepik.com

แม้จะมีคู่แข่งมาก แต่การขายของออนไลน์ก็ยังเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะใช้ต้นทุนน้อยมาก ถึงขนาดที่บางทีไม่ต้องใช้เลยก็มี โดยเฉพาะตัวแทนขายแบบไม่ต้องลงสินค้า (Drop ship) เพียงไปติดต่อร้านค้าเพื่อนำภาพสินค้ามาโชว์ทางโซเชี่ยลของเรา และเมื่อมีคำสั่งซื้อก็ออร์เดอร์ไปทางร้านให้เป็นผู้จัดส่งสินค้าในนามของเรา รายได้ก็คือค่าคอมมิชชั่นหรือส่วนต่างตามที่ตกลงกัน ซึ่งในปัจจุบันมีเว็บไซต์ขายของออนไลน์มากมายที่ช่วยทำให้เรื่องเหล่านี้ง่ายมากขึ้น

7.ลงทุนอบรมเป็นนายหน้า

4

ภาพจาก freepik.com

ซื้อมาขายไปเป็นการทำกำไรที่ดี แต่การจะเป็นนายหน้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความเข้าใจในเรื่องกฎหมาย ทักษะการต่อรอง การทำเอกสารซื้อขายต่างๆ การเข้าอบรมคอร์สเป็นนายหน้านอกจากจะได้ความรู้เหล่านี้ยังมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคนในแวดวงนายหน้าก่อให้เกิดคอนเนคชั่นที่เปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งอาชีพนายหน้าถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดีโดยค่าตอบแทนเป็นคอมมิชชั่นเฉลี่ยร้อยละ 3 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ซื้อขาย หากมุ่งมั่นจริงจังอาชีพนี้ทำให้เรารวยได้แน่นอน

8.Youtuber

3

ภาพจาก freepik.com

การเป็น Youtuber ในช่วงหนึ่งอาจเป็นเรื่องที่ง่ายใครๆก็ทำได้ โดยเฉพาะในยุคแรกๆ เราสามารถสร้างรายได้จากการเป็น Youtuber ได้เป็นกอบเป็นกำแต่ในระยะหลังที่ Youtube เองก็ต้องการรักษาคุณภาพคอนเทนต์ให้คนติดตาม จึงทำให้เกิดข้อกำหนดและกฏเกณฑ์ใหม่ๆ ที่ดูแล้วทำให้เกิด Youtuber รายใหม่ได้ยาก แต่ถึงอย่างไรหากเรารักและสนใจในการหารายได้จาก Youtube อย่างแท้จริงก็เชื่อว่าไม่น่าจะเกินความสามารถ หากเนื้อหาของเราที่นำเสนอใน Youtube นั้นเป็นไปตามกฏเกณฑ์ที่กำหนดรายได้ก็จะค่อยๆตามมาเช่นกัน

9.ถ่ายภาพขายในเว็บไซต์

2

ภาพจาก freepik.com

เป็นการลงทุนของคนที่มีฝีมือด้านการถ่ายภาพ เราอาจลงทุนเรื่องอุปกรณ์บ้าง และก็ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อถ่ายภาพสวยๆเอามาฝากขายตามเว็บไซต์ ซึ่งก็มีหลายเว็บที่เป็นสื่อกลางในการซื้อขายเช่น shutterstock , iStockphoto , Fotolia , 123RF เป็นต้น สิ่งสำคัญคือเราต้องศึกษาเทคนิคการถ่ายภาพ เทรนด์ของรูปภาพที่ลูกค้าต้องการ ส่วนใหญ่มักจะต้องส่งภาพเข้าไปขายทีละหลายๆ ภาพเพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสเลือก บางคนที่ชำนาญแล้วมีรายได้จากอาชีพนี้ได้อย่างดีทีเดียว

10.ทำแบรนด์สินค้าตัวเอง

1

ภาพจาก freepik.com

ปัจจุบันมีธุรกิจแบบ OEM ที่รับผลิตสินค้าตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะพวกครีม และเครื่องสำอางต่างๆ แต่ถ้าเราไม่ถนัดแนวเครื่องสำอาง แต่สนใจเรื่องเครื่องดื่มเดี๋ยวนี้เขาก็มีรับผลิตสินค้าน้ำผลไม้ในแบรนด์ของเราได้ โดยการลงทุนเบื้องต้นอาจใช้งบประมาณ 5,000-10,000 บาท สำหรับการได้สินค้าล็อตแรก ปัญหาคือเราต้องมีตลาดมารองรับสินค้าเหล่านี้ อาจจะฝากขายตามร้าน หรือขายเองตามตลาดนัด ถ้าเรามีการวางแผนการตลาดที่ดีไม่แน่ว่าเราอาจจะเพิ่มกำลังการผลิตและสินค้าของเราอาจขายดียิ่งขึ้นในอนาคตก็ได้

ข้อดีของยุคนี้คือเรามีการตลาดออนไลน์ที่เป็นตัวช่วยให้คนทุนน้อย ได้ลงทุนง่ายขึ้น บางคนไม่รู้จะทำอะไร หยิบจับเอาของที่มีในบ้านมาไลฟ์ขาย หรือบางคนลงทุนปลูกต้นไม้ ใช้ฝีมือตัวเองผลิตชิ้นงาน แล้วโพสต์ขายในช่องทางโซเชี่ยล ช่วงแรกๆ อาจจะขายไม่ได้ แต่ถ้าตั้งใจทำจริง ขยันทำไปเรื่อยๆ หาวิธีและเทคนิคในการขายออนไลน์ที่ดีขึ้น เชื่อว่าจะขายได้มากขึ้นและมีรายได้มากขึ้น เท่านี้ก็เป็นหนึ่งในวิธีลัดที่เปลี่ยนคนมีเงินทุนน้อยให้มีรายได้มากขึ้นในยุคนี้


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3BkTbQ3

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด