อาหารปิ้งย่าง! สร้างรายได้ดีแค่ไหน

ในสถานการณ์ที่ COVID 19 กำลังระบาดหลายคนเริ่มมองหาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเอง โจทย์ใหญ่ของการลงทุนในช่วงนี้คือ “เน้นลงทุนน้อย” แต่ต้องเป็นสินค้าขายดี

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าอาหารสไตล์ปิ้งย่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมึกปิ้ง หมูปิ้ง เนื้อย่าง ปลาเผา ถือเป็นเมนูยอดฮิตที่ขายง่ายขายดี และมีลูกค้าให้ความสนใจต่อเนื่อง

สำคัญคือรสชาติ ทำเลในการขาย และการตลาดที่ดี แต่ทั้งนี้หลายคนก็ยังสงสัยว่าอาหารปิ้งย่างเหล่านี้แท้ที่จริงแล้วรายได้ดีแค่ไหน เหมาะสมกับการลงทุนเหมือนอย่างที่คิดหรือไม่ ขอบอกก่อนว่างานนี้เราเน้นเป็นการเปิดร้านขนาดเล็ก ลงทุนไม่มาก ไม่ใช่ร้านปิ้งย่างขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก

แยกประเภทอาหารปิ้งย่าง รายได้ดีแค่ไหน

พูดถึงอาหารปิ้งย่าง ก็มีหลายอย่าง ที่คุ้นเคยมากๆ ก็หมูย่าง เนื้อย่าง ลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมึกปิ้ง ปลาเผา การเปิดร้านปิ้งย่างเหล่านี้สามารถลงทุนได้เลย อุปกรณ์ไม่มาก แค่เตาปิ้งย่าง น้ำจิ้มรสเด็ด วัตถุดิบสำหรับปิ้งย่าง สำคัญคือการหมัก เทคนิคการปิ้งย่าง การทำตลาด การเขาถึงลูกค้า ทีนี้ลองมาแยกประเภทดูว่าแต่ละอย่างสร้างรายได้ดีแค่ไหน

1.หมูปิ้ง

14

ต้นทุนของหมูปิ้งขึ้นอยู่กับราคาหมูในท้องตลาด ซึ่งเนื้อหมู 1 กก. ทำได้ประมาณ 70 ไม้ (โดยประมาณ) นอกจากนี้ยังมีต้นทุนข้าวเหนียว ราคากิโลกรัมละประมาณ 30 บาท โดยข้าวเหนียว 1 กก.นึ่งใส่ถุงได้ประมาณ 25-30 ถุง ต้นทุนอื่นๆ ก็เช่น ค่าแก๊ส น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ รสดี น้ำมันหอย น้ำมันพืช เบ็ดเสร็จต้นทุนส่วนนี้ต่อวันประมาณ 40 บาท ต้นทุนเตาถ่านหมูปิ้ง และถ่านสำหรับปิ้ง รวมเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 800 -1,000 บาท

  • รายได้ของหมูปิ้งคิดที่ 200 ไม้ ราคาขายไม้ละ 5 บาท ถ้าขายได้หมดมีรายได้ 1,000 บาท
  • รายได้ของข้าวเหนียวประมาณ 30 ถุง ขายถุงละ 5 บาท ถ้าขายได้หมดมีรายได้ 150 บาท

มีรายได้รวมประมาณ 1,200 บาท หักลบต้นทุนเหลือกำไรต่อวันประมาณ 200-400 บาท แม้จะดูว่าเป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ การทำตลาด การพัฒนาสินค้า ซึ่งไม่แน่ว่าบางวันเราอาจขายได้มากกว่า 200 ไม้ รายได้เราก็จะดีมากขึ้น

2.ปลาหมึกปิ้ง

57

การลงทุนเปิดร้านปลาหมึกปิ้งอุปกรณ์ส่วนใหญ่หาได้ทั่วไปหยิบจับเอาอุปกรณ์ในครัวมาใช้ก็ได้เพื่อลดต้นทุน ที่ต้องลงทุนหลักๆคือเตาปิ้งย่าง และปลาหมึกสดซึ่งปลาหมึกก็มีให้เลือกหลายแบบ สำหรับการเปิดร้านใหม่ ก็ใช้หมึกกระดอง ทั่วไปๆ แล้วค่อยขยับขยายไปหาปลาหมึกอย่างอื่นมาขายเพิ่มรวมต้นทุนเบื้องต้นสำหรับการเปิดร้านปลาหมึกปิ้งแบบง่ายๆ ใช้งบครั้งแรก ประมาณ 2,000 – 3,000 บาท

สำหรับการเสียบปลาหมึกโดยรวมนั้นให้เสียบเนื้อปลาหมึกเข้าไปก่อน 2-3 ชิ้น แล้วค่อยเสียบหนวดปลาหมึกเข้าไป สำหรับไข่ปลาหมึกถ้าเป็นไข่ขนาดใหญ่ให้เสียบประมาณ 3 ลูก/ไม้ ขนาดกลางประมาณ 4 ลูก/ไม้เป็นต้น ราคาขายของปลาหมึกปิ้งนั้นส่วนใหญ่เริ่มตั้งแต่ 15-30 บาท

การตั้งราคาขายส่วนใหญ่อิงตามราคาของวัตถุดิบที่มีการปรับขึ้นลงในแต่ละวัน รวมถึงต้องดูกำลังซื้อของคนในพื้นที่ด้วย เช่นปลาหมึกปิ้งไม้ละ 10-15 บาทอาจเหมาะกับตลาดแถวหน้าโรงงาน โรงเรียน ชุมชนต่างๆ ซึ่งหากเอาปลาหมึกที่ราคาแพงแล้วขายไม้ละ 70-80 บาท อาจไม่เหมาะกับกำลังซื้อในย่านนั้น ซึ่งรายได้ของปลาหมึกปิ้ง ถือว่าค่อนข้างดีมีรายได้เฉลี่ยต่อวันไม่ต่ำกว่า 300-500 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลการขาย คุณภาพสินค้า และบริการเป็นสำคัญ

3.เนื้อย่าง

58

การเปิดร้านขายเนื้อย่างปัจจุบันทำได้ง่ายเพราะมีแฟรนไชส์ที่สนับสนุนวัตถุดิบให้เราพร้อมปิ้งย่างขายได้ทันที รูปแบบของแฟรนไชส์จะจัดส่งเนื้อที่ผ่านการหมักมาเป็นอย่างดี สอนเทคนิคการย่างให้พร้อม เราเพียงแค่ลงทุนเรื่องอุปกรณ์เบื้องต้น ซึ่งได้แก่เตาย่าง ส่วนอุปกรณ์ที่เหลือก็สามารถหยิบมาจากในครัวเอามาช่วยเปิดร้านได้ การลงทุนเบื้องต้นประมาณ 3,000 บาท

ลองคำนวณรายได้จากวัตถุดิบที่ส่งมาจากแฟรนไชส์จำนวน 500 ไม้ ถ้าขายในราคาไม้ละ 10 บาทเท่ากับจะมีรายได้ทันที 5,000 บาท เรียกว่าคืนทุนในทันที ซึ่งรายได้ 2,000 ที่ว่านี้เมื่อนำมาหักลบต้นทุนอื่นๆ แล้วก็ยังถือว่าเหลือมาก

ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 500-1,000 ถ้าเราขายดีตลอดทั้งเดือนเท่ากับจะมีรายได้ประมาณ 15,000 -30,000 บาท ซึ่งถือว่าน่าสนใจมาก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการขาย ทำเลในการขาย การบริหารจัดการ และคุณภาพสินค้าเป็นสำคัญด้วย

4.ปลาเผา

12

ปลาเผาอาจดูเป็นการเปิดร้านที่ต้องใช้ความชำนาญและมีประสบการณ์ในการทำพอสมควร ซึ่งคำว่าปลาเผาส่วนใหญ่คือปลาเผาเกลือที่มีการยัดเอาสมุนไพรไว้ในพุงของปลา โดยต้องคว้านไส้ออกจากตัวปลาให้หมดก่อนจึงค่อยยัดสมุนไพรดังกล่าวลงไป เสน่ห์ของปลาเผาคือรับประทานคู่น้ำจิ้มรสเด็ด และเป็นอาหารที่ไม่มีพิษภัย ไม่มีไขมัน รับประทานเพื่อสุขภาพก็ได้ด้วย

ราคาขายของปลาเผาส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ตัวละ 80-100 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของปลา โดย ปลาหนัก 1 กิโลกรัมถึงกิโลกรัมครึ่งอาจขายได้ในราคา 180- 200 บาท ส่วนปลาหนัก 2 กิโลกรัมถึง 2 กิโลกรัมครึ่งอาจขายได้ถึง 280- 300 บาท

ซึ่งร้านส่วนใหญ่จะมีการจัดชุดเป็นเซตไว้ให้ลูกค้าในแต่ละเซตก็จะมีปลาเผา มีขนมจีน มีผัก และน้ำจิ้มรสเด็ด บางร้านที่ขายดีแต่ละวันอาจขายได้กว่าวันละ 20-30 ตัว ขึ้นอยู่กับทำเลในการขายและคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ

รายได้ของการเปิดร้านขายปลาเผา ต้นทุนสำคัญคือ “ราคาปลาสด” ที่ซื้อมาเผา ถ้าได้แหล่งที่มีราคาถูกจะทำให้เรามีโอกาสได้กำไรมาก บางคนที่มีบ่อปลาของตัวเองก็หันมาเปิดร้านปลาเผาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้านอกเหนือจากการขายปลาสดส่งตลาดทั่วไป

5.ลูกชิ้นปิ้ง

13

อาหารปิ้งย่างที่เห็นบ่อยที่สุดก็คือพวกลูกชิ้นปิ้ง ไส้กรอกปิ้ง เสน่ห์ของลูกชิ้นปิ้ง แตกต่างจากลูกชิ้นทอดตรงที่ส่วนใหญ่จะทานคู่น้ำจิ้มรสเด็ด น้ำจิ้มซีฟู้ดก็ได้ แต่ต้องระวังในการปิ้งอย่าให้ไหม้เกรียมเพราะจะทำให้ลูกค้าไม่อยากซื้อกิน งบในการลงทุนส่วนใหญ่ประมาณ 3,000 บาท เป็นค่าวัตถุดิบอย่าง ลูกชิ้น ไส้กรอก น้ำจิ้ม ไม้เสียบลูกชิ้น เตาปิ้งย่าง ถุงพลาสติก โต๊ะสำหรับการขาย เป็นต้น

โดยลูกชิ้น 1 ถุงราคาประมาณ 60-65 บาท จะเสียบไม้ละประมาณ 3-4ลูก ได้ประมาณ 20 ไม้ หากขายในราคาไม้ละ 5 บาท จะได้เงินประมาณ 100 บาท กำไรเฉลี่ยต่อถุงประมาณ 30-40 บาท นอกจากนี้อาจเพิ่มความน่าสนใจให้กับร้านเพิ่มสินค้าให้มากขึ้น นอกจากลูกชิ้น ไส้กรอก อาจมีอย่างอื่นร่วมด้วย เช่นปูอัด เต้าหู้ เป็นต้น จะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าแม้ว่าจะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นแต่ก็ทำให้มีโอกาสขายได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาด COVID 19 จะลากยาวไปถึงแค่ไหน และจะหนักหนาสาหัสเพิ่มมากขึ้นเพียงใด การมองหาอาชีพเสริม การเปิดร้านง่ายๆ ให้เราขายของและมีรายได้เพิ่มเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ซึ่งเราควรเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง ชั่วโมงนี้ไม่เน้นลงทุนสูงแต่เน้นขายง่าย ขายดี ซึ่งร้านอาหารปิ้งย่างมีความน่าสนใจอย่างมาก


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3bgbSub , https://bit.ly/2JVzwkm , https://bit.ly/2LttnfH , https://bit.ly/3nriY14 , https://bit.ly/3q4IoDH

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3oJyKWP

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด