อาชีพเพิ่มรายได้ “การเลี้ยงกบ” ทำง่าย รายได้ดีจริง

ประวัติการเลี้ยงกบในประเทศไทยข้อมูลระบุว่าเริ่มครั้งแรกปี 2496 โดยหลวงสมานวนกิจ ริเริ่มเลี้ยงครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน จากนั้นอาชีพ “เลี้ยงกบ” ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้น กระจายไปสู่เกษตรกรต่างๆ

ผนวกกับการเติบโตของสังคมมากขึ้น เทคโนโลยีดีขึ้น ความรู้ในการเลี้ยงกบก็ได้พัฒนามากขึ้นตามลำดับ จนปัจจุบันอาชีพการเลี้ยงกบสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้เพาะเลี้ยงได้อย่างดี อีกทั้งยังสามารถหาแหล่งความรู้ในการเริ่มต้นได้ไม่ยาก

ด้วยเหตุนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จึงได้รวบรวมข้อมูลวิธีการเลี้ยงกบแบบง่ายๆ สำหรับให้คนสนใจได้ลองเอาไปเริ่มต้น แนะนำว่าการเลี้ยงครั้งแรกควรเริ่มในปริมาณน้อยๆ ค่อยๆ ขยายให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสะสมประสบการณ์ให้มากขึ้นด้วย โดยในที่นี้เราจะยกตัวอย่างของการเลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์ที่ถือว่าง่ายและสะดวกที่สุด

2

ภาพจาก bit.ly/3c07RZd

ข้อดีของการเลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์

  1. เป็นรูปแบบที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุด โดยบ่อที่นิยมจะมาขนาด 3 x 4 เมตร หรือใหญ่กว่า
  2. สะดวกในการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ทำความสะอาดบ่อ ควบคุมโรครวมถึงการจับแบบทยอยจับได้
  3. ดีต่อการอาศัยของกบเพราะบ่อส่วนใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีพื้นที่ที่เป็นพื้นบกสำหรับกบอาศัยอย่างน้อย 70% ของบ่อ ที่เหลือเป็นพื้นน้ำ

ลักษณะบ่อปูนซีเมนต์เลี้ยงกบ

  1. โดยทั่วไปแล้วบ่อเลี้ยงกบจะเป็นบ่อเอนกประสงค์ คือ ใช้ตั้งแต่ผสมพันธุ์ อนุบาลลูกอ๊อด อนุบาลลูกกบ จนถึงเลี้ยงกบขุนหรือกบเนื้อ
  2. บ่อเลี้ยงกบ มักเป็นบ่อซีเมนต์ มีหลายรูปแบบ เช่น ปูกระเบื้อง ทาสีเหลือง มีหลายขนาด เช่น 3×4 , ,4×4 , 4×5 , 4×6 หรือขึ้นกับความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
  3. บ่อเลี้ยงจะมีการเทคานและใช้อิฐบล็อค 4 – 6 ก้อนก่อเป็นผนัง พื้นบ่อมีการเทปูนหนาพอสมควรเพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม ด้านในของบ่อทั้ง 4 ด้าน จะฉาบผิวสูงประมาณ 30- 50 เซนติเมตร
  4. บ่อกบควรตั้งอยู่กลางแจ้งมีแสลนกรองแสงทำเป็นหลังคาและกันแดด รวมทั้งมีตาข่ายกันนกหรือศัตรูที่จะเข้ามาจับกินกบ
  5. มีการวางระบบน้ำ โดยเดินท่อพีวีซีไปยังทุกบ่อ เพื่อเติมน้ำในขณะที่เปลี่ยนน้ำออกจากบ่อ

42

วิธีการเพาะเลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์

  1. การเลี้ยงกบควรเลือกพื้นที่เป็นที่สูงหรือที่ดอน มีลักษณะราบเสมอ ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกต่อการถ่ายเทน้ำ แต่ควรให้ห่างจากถนนเพื่อป้องกันเสียงรบกวน
  2. สร้างบ่อซีเมนต์ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 1.5 เมตร สูง 1 เมตร เพื่อใช้เพาะพันธุ์กบ จำนวน 1 บ่อ และสร้างบ่อขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร จำนวน 3 บ่อ โดยก่อแผ่นซีเมนต์และฉาบด้วยปูนซีเมนต์ ปูนที่ฉาบควรหนาเป็นพิเศษ ตรงส่วนล่างที่เก็บขังน้ำ สูงจากพื้น 1 ฟุต พื้นล่างเทปูนหนาเพื่อรองรับน้ำ และมีท่อระบายน้ำอยู่ตรงส่วนที่ลาดที่สุด
  3. พันธุ์กบที่จะเพาะเลี้ยงควรเลือกกบนาเพราะเจริญเติบโตเร็ว และเป็นที่นิยมของผู้บริโภคกบนาตัวผู้มีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย เมื่อจับพลิกหงายขึ้นจะเห็นกล่องเสียงอยู่ใต้คางแถวมุมปาก ส่วนตัวเมียมองไม่เห็นกล่องเสียง

4

ภาพจาก bit.ly/3c07RZd

การเพาะพันธุ์กบ

ล้างบ่อซีเมนต์ให้สะอาด ใส่น้ำลงไปให้ได้ความลึกประมาณครึ่งฟุต แล้วหาวัชพืชน้ำมาใส่ไว้เพื่อให้ไข่กบเกาะ จากนั้นนำพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์กบ 1 คู่มาใส่ไว้รวมกันประมาณ 2-3 คืน กบจะผสมพันธุ์และวางไข่ในช่วงเวลา 04.00-06.00 น. เมื่อเห็นว่ากบออกไข่แล้ว ให้นำ พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ออกจากบ่อ เพื่อป้องกันไม่ให้แพไข่แตก

การอนุบาลลูกกบวัยอ่อน

40

เมื่อไข่กบฟักออกเป็นตัวอ่อนแล้ว ช่วง 2 วันแรกไม่ต้องให้อาหาร เพราะลูกอ๊อดยังใช้ไข่แดงที่ติดมาเลี้ยงตัวเอง หลังจากนั้นจึงเริ่มให้อาหารเม็ดสำหรับลูกกบวันละ 1 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1 กำมือหรืออาจให้ไข่แดงบดเป็นอาหารแทนก็ได้ ซึ่งเฉลี่ยแล้วใช้วันละ 2-3 ฟองต่อลูกอ๊อด 1 คอกเมื่อลูกอ๊อดมีอายุ 20-30 วัน

จึงเป็นลูกกบเต็มวัย ในช่วงนี้ต้องนำไม้ไผ่มาทำเป็นแพหรือแผ่นโฟมลอยน้ำ เพื่อให้ลูกกบเต็มวัยขึ้นไปอาศัยอยู่ เพราะลูกอ๊อดจะโตเต็มวัยไม่พร้อมกัน อาจมีการรังแกกันจนเกิดแผลทำให้ลูกกบตายได้ ดังนั้น จึงต้องลงมือคัดลูกกบขนาดตัวยาว 2 เซนติเมตร ไปเลี้ยงในบ่อที่เตรียมไว้ บ่อละ 1,000 ตัว

5

ภาพจาก bit.ly/3c07RZd

การดูแลและเลี้ยงกบเต็มวัยจนเป็นกบโต

เมื่อคัดลูกกบนำไปเลี้ยงในบ่อแล้ว ใส่วัชพืชน้ำและวัสดุลอยน้ำลงไป เช่น แพไม้ไผ่หรือแผ่นโฟม เพื่อให้กบขึ้นไปอาศัยอยู่ และนำทางมะพร้าวมาคลุมบ่อเพื่อบังแดดด้วย ในช่วงที่คัดลูกกบลงบ่อซีเมนต์ใหม่ๆ นี้ ให้ใช้อาหารเม็ดสำหรับเลี้ยงลูกกบไประยะหนึ่งก่อน เมื่อกบโตขึ้นจึงค่อยให้อาหารเม็ดสำหรับเลี้ยงกบโตวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ในอัตรา 3% ของน้ำหนักตัวกบ คือ ถ้ากบน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ก็ให้อาหารวันละ 3 กิโลกรัม ในขั้นตอนนี้ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 3 เดือน ก็สามารถจับกบจำหน่ายได้

ต้นทุนการเลี้ยงกบ

การเลี้ยงกบนามีการใช้น้ำไม่มาก และใช้พื้นที่น้อย อาจเลือกเลี้ยงได้ทั้งบ่อดินและบ่อซีเมนต์ขนาดประมาณ 6-12 ตารางเมตร ใน 1 บ่อมีจำนวนกบประมาณ 400-800 ตัว ใช้เวลาเลี้ยง 3-4 เดือนก็สามารถจับขายได้ เมื่อคิดแล้วต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณ 25-30 บาท/กิโลกรัม

3

ภาพจาก bit.ly/3c07RZd

รายได้จากการเลี้ยงกบ

ราคากบจะแตกต่างกันตามพื้นที่และขนาดของตัวกบ ในบางพื้นที่กบที่ทำเสร็จพร้อมนำไปประกอบอาหารราคาประมาณ 120-125 บาท/กิโลกรัม ถ้าเป็นกบที่ยังไม่ได้ทำ กิโลกรัมละประมาณ 80 บาท ตัวอย่างของเกษตรกรบางรายที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงกบสามารถสร้างรายได้ถึงเดือนละหลักแสน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงและความชำนาญในการเลี้ยง ในภาพรวมหากทำจนชำนาญมีรายได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งแสน แต่ในช่วงแรกหากเป็นมือใหม่อาจจะต้องลองผิดลองถูกและอาศัยเรียนรู้จากคนที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว

1

ภาพจาก bit.ly/2RyvdLL

ข้อแนะนำที่สำคัญในการเลี้ยงกบ

  1. การเลี้ยงกบต้องระวังเรื่องความสะอาด ขณะสูบบุหรี่ใกล้บริเวณบ่อ ระวังอย่าให้ขี้บุหรี่ ตกลงไปในบ่อเด็ดขาด เพราะลูกกบจะตายยกบ่อ
  2. การเลี้ยงกบ ต้องคัดลูกกบขนาดเท่ากันไปเลี้ยงในบ่อเดียวกัน ห้ามเลี้ยงลูกกบคนละขนาดเด็ดขาด เพราะลูกกบจะกินกันเอง
  3. การเลี้ยงกบควรกะระยะเวลา 4 เดือน ในการจับจำหน่ายอย่าให้ตรงกับช่วงฤดูฝนเพราะกบราคาถูกอาหารกบ นอกจากอาหารเม็ดแล้ว สามารถใช้เนื้อปลาสับหรือเนื้อหอยโข่งก็ได้
  4. ก่อนที่จะปล่อยแม่พันธุ์กบลงผสมพันธุ์ ต้องสังเกตแม่พันธุ์กบว่าตัวเริ่มฝืด มีปุ่มหนาม แสดงว่าพร้อมจะผสมพันธุ์ หากปล่อยลงไปแล้ว 2-3 วัน ยังไม่เห็นไข่กบ ก็จับพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์มาแยกเลี้ยงอีกระยะหนึ่ง แล้วค่อยนำมาผสมพันธุ์ใหม่

*** เทคนิค วิธีการเลี้ยง และราคาในการจำหน่ายอาจแตกต่างกันในบางพื้นที่ ข้อมูลที่นำเสนอเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น***

ประเทศไทยมีจุดเด่นในเรื่องเกษตรกรรม จุดแข็งของคนไทยคือมีความรู้ในการเพาะเลี้ยง เพาะปลูก สิ่งเหล่านี้เราสามารถพัฒนามาเป็นจุดแข็งสำหรับสร้างอาชีพได้

อาชีพเกษตกรรมที่นอกเหนือจากการเลี้ยงกบ ก็ยังมีสัตว์เศรษฐกิจอีกหลายอย่างที่ให้เราเลี้ยงและมีรายได้ที่ดี สำคัญคืออาชีพเกษตรกรรมเราต้องขยัน ตั้งใจทำจริง และรู้จักผสมผสานการใช้เทคโนโลยีในการหาความรู้ใหม่ๆ และขยายตลาดให้มากขึ้น


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3iAT0qk

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด