หมูเส้นจักกะบุ๋ม ธุรกิจจากฝีมือตลกชื่อดัง อยากสำเร็จต้องตั้งใจทำ!

การทำธุรกิจหลายคนมองคาดหวังไว้สูง บางคนคิดว่าจะต้องเริ่มลงทุนมากๆเพื่อให้เห็นผลเร็ว บางคนคิดว่าธุรกิจที่ทำต้องใหญ่โตจะได้สร้างกำไรสูงๆ แต่ในอีกมุมหนึ่งธุรกิจก็คือความเสี่ยงหากเรายังไม่มีความรู้มากพอต่อให้มีเงินทุนแค่ไหนสุดท้ายก็ไปไม่รอด

ในทางกลับกันคนที่ลงทุนน้อยกว่าแต่ค่อยๆเข้าใจวิธีการลงทุน เข้าใจสินค้าที่ตัวเองทำ แม้เริ่มเปิดตัวจะไม่เป็นที่รู้จักแต่เมื่อเวลาผ่านไปก็สามารถเป็นธุรกิจที่แข็งแรงและมีกำไรได้อย่างมั่นคงเช่นกัน

หมูเส้นจักกะบุ๋ม

www.ThaiSMEsCenter.com เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่อยากให้คนต้องการมีธุรกิจได้ใช้สติคิดและวิเคราะห์ว่าควรจะต้องลงทุนแบบไหนให้เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งวันนี้เรามีหนึ่งตัวอย่างของธุรกิจที่น่าสนใจ

นั้นคือธุรกิจหมูเส้นของพี่จักกะบุ๋ม ที่เรารู้จักกันดีในฐานะของนักแสดงตลกชื่อดัง แต่คุณรู้หรือไม่ว่ากว่าที่พี่จักกะบุ๋มจะสร้างธุรกิจหมูเส้นของตัวเองได้สำเร็จเช่นวันนี้พี่เค้าต้องผ่านการลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน และอย่าคิดว่าการเป็นดาราจะอาศัยชื่อเสียงในการทำตลาดได้เสมอไปหากสินค้าไม่ดีจริงต่อให้ชื่อเสียงดีแค่ไหนลูกค้าเขาก็ไม่สนใจเหมือนกัน

จากตลกคาเฟ่สู่เส้นทางของนักธุรกิจ

ll

คุณนรเศรษฐ์ ชงทรงกลด หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของพี่จักกะบุ๋ม เป็นดาราตลกที่โด่งดังในสายตระกูลเชิญยิ้ม เริ่มเข้าวงการครั้งแรกจากการชักชวนของคุณธงชัย งามจันทร์หรือตู่ ตาหวานที่เห็นบุคลิกอันโดดเด่นในการที่จะพัฒนาให้เป็นตลกมืออาชีพได้

ในยุคที่คาเฟ่ยังเฟื่องฟู จักกะบุ๋ม เชิญยิ้มถือว่าเป็นตลกชั้นนำที่เดินสายเล่นตลกตามคาเฟต่างๆพร้อมกับคณะสร้างรายได้ที่ดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ในระยะหลังที่ธุรกิจคาเฟเริ่มซบเซา ตลกหลายคนก็เริ่มหันไปแสดงละครหรือทำธุรกิจของตัวเองมากขึ้น

ซึ่งพี่จักกะบุ๋มด้วยฝีไม้ลายมือในการแสดงที่ดีก็ทำให้มีงานในวงการบันเทิงเข้ามาไม่ขาดสายไม่ว่าจะเป็นละครตามช่องต่างๆ แต่ที่สร้างชื่อได้อย่างดีก็คือซิทคอมอย่างบ้านนี้มีรัก ที่หลายคนติดใจกับบทบาทของสกลในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

พี่จักกะบุ๋มก็เริ่มมองการลงทุนในการสร้างธุรกิจของตัวเองซึ่งพี่จักกะบุ๋มเองก็ยอมรับว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้มีธุรกิจมากมายที่เคยผ่านมือตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นร้านสเต็ก ร้านกาแฟ หรือแม้แต่การทำปลาร้าหวาน ซึ่งแต่ละธุรกิจที่ทำนั้นพี่จักกะบุ๋มก็ยอมรับว่าทุ่มเทให้กับงานทุกอย่าง

แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจยังไม่ประสบความสำเร็จนั้นเพราะยังไม่ใช่ในสิ่งที่เป็นตัวตนของเราเอง และการที่เรายังไม่เข้าใจในสินค้าที่เราจะขายได้ดีพอ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเทคนิคสำคัญที่ไม่ใช่แค่มีเงินทุนแล้วคิดจะทำธุรกิจอะไรก็ได้

หมูเส้นจักกะบุ๋ม ต่อยอดความคิดจากธุรกิจครอบครัว

j6

ธุรกิจหมูเส้นแม้ไม่ใช่สินค้าแปลกใหม่นักรวมถึงในตลาดก็มีหลายแบรนด์ที่เปิดตัวสินค้าประเภทนี้อยู่ก่อนแล้วแต่จุดแข็งของหมูเส้นจักกะบุ๋มคือการที่พ่อแม่ของพี่จักกะบุ๋มได้บุกเบิกธุรกิจนี้อยู่ก่อนแล้ว

ซึ่งพี่จักกะบุ๋มเองก็มองเห็นว่าตลาดยังเติบโตได้อีกมาก หากรู้จักการทำตลาดให้น่าสนใจ ประกอบกับประสบการณ์ที่เคยผ่านการทำธุรกิจต่างๆมาอย่างดีการลงทุนในธุรกิจหมูเส้นครั้งนี้จึงได้เปรียบอย่างมาก

ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดของพี่จักกะบุ๋มนั้นเราจะลองไล่เรียงมาเป็นลำดับขั้นของการเติบโตดังนี้

j5

1.ต้องลองตลาดก่อน

แม้หมูเส้นจะเป็นสินค้าที่ใครก็รู้จักแต่ก็ใช่ว่าทุกยี่ห้อจะขายดี หมูเส้นของพี่จักกะบุ๋มก่อนจะเริ่มเติบโตก็ผ่านการลองตลาดมาก่อนเช่นกัน ครั้งแรกที่เริ่มขายพี่จักกะบุ๋มเอามาลองตลาดแค่ 300 กล่อง เริ่มเปิดตลาดด้วยการให้ลูกค้าได้ชิมหมูเส้นเพื่อจะได้รู้รสชาติ สัดส่วนการชิมกับการขายเป็น 30:70 พี่จักกะบุ๋มบอกว่ามันก็ต้องแลกเพื่อให้คนรู้จักสินค้าเรามากขึ้น

2.สร้างเทคนิคการขายใหม่ๆให้ตรงใจผู้บริโภค

จากสินค้าล็อตแรกกับการขายบ้างให้ชิมบ้างใช้เวลาขายอยู่เกือบ 3วันกว่าจะหมด ซึ่งจุดที่พี่จักกะบุ๋มเก็บมาเป็นแนวทางอีกอย่างคือพัฒนาเทคนิคการขายที่ล็อตที่สองต้องดีกว่าล็อตแรกนั้นคือวิธีเข้าถึงลูกค้าว่าต้องพูดแบบไหนให้คนสนใจ วางสินค้าอย่างไรให้คนหยิบจับง่าย เทคนิคเล็กๆน้อยแต่ก็ถือว่าได้ผลและยอดขายก็เริ่มดีขึ้น

3.ขยายตลาดให้มากกว่าการขายแค่หน้าร้าน

เมื่อสินค้าเริ่มติดตลาดมีคนสนใจมากขึ้นพี่จักกะบุ๋มก็เริ่มหาจุดวางสินค้าที่เป็นพวกร้านค้าของฝาก ซึ่งเทคนิคการวางคือไม่เน้นปริมาณแค่จุดละ 10-20 กล่องแต่กระจายไปหลายๆที่ ซึ่งก็ถือว่าได้ผลน่าพอใจจากที่เคยวางแต่ละจุด 10-20 กล่อง ทางร้านก็ขอรับสินค้าเพิ่มเป็น 50-100 กล่อง นอกจากร้านของฝากทั่วไปยังเพิ่มบริการส่งสินค้าทางไปรษณีย์ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางที่ขายสินค้าได้ดีมากๆ

สร้างธุรกิจหมูเส้นเป็นSMEs ขนาดย่อมแต่ยอดขายดี

j4

หากนับเวลาการทำหมูเส้นตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่จนมาถึงรุ่นของพี่จักกะบุ๋มนี้ก็กว่า 10 ปีที่ปัจจุบันถือว่าเป็นธุรกิจระดับSMEs ที่เริ่มเติบโตมากขึ้นมีการจัดตั้งเป็นโรงงานขนาดย่อมมีแรงงานประมาณ 40 คนพร้อมเครื่องจักรอำนวยความสะดวกในการผลิตแบบง่ายๆ แต่ทั้งตัวโรงงานและสินค้าต่างได้รับมาตรฐานการตรวจสอบจากหน่วยงานราชการและมีใบอนุญาติถูกต้องเรียบร้อย

ปัจจุบันยอดการขายนั้นช่องทางหลักๆ คือส่งให้ลูกค้าทางไปรษณีย์ประมาณ 3,000 กล่อง/สัปดาห์ ยังไม่รวมกับที่ขายปลีกตามหน้าร้านอีกประมาณสัปดาห์ละ 1,000 กล่องเฉลี่ยต่อสัปดาห์มีออร์เดอร์ต้องส่งสินค้าประมาณ4,000 กล่องซึ่งหมูเส้นของพี่จักกะบุ๋มจะทำไซด์เดียวกันทั้งหมดคือปริมาตร 300 กรัม/กล่อง ขายส่งราคากล่องละ 160 บาท

j3

ซึ่งลูกค้าสามารถนำไปขายต่อได้ในราคา 200บาทสามารถสร้างกำไรได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้พี่จักกะบุ๋มยังเปิดโอกาสให้คนที่สนใจอยากมีหมูเส้นเป็นแบรนด์ของตัวเองสามารถสั่งผลิตแล้วทำแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาได้

หรือสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นขายแต่ยังมีเงินทุนไม่มากพี่จักกะบุ๋มแนะนำว่าขั้นต่ำที่ขายส่งคือ 30 กล่องแต่หากใครตั้งใจและอยากเริ่มทำธุรกิจนี้จริงๆ แต่มีเงินไม่มากก็มาปรึกษากันได้อาจเริ่มต้นไม่ถึง 30 กล่องก็ตามแต่ความสามารถของแต่ละคน

5 เทคนิคการขายสไตล์จักกะบุ๋ม

j2

และเพื่อให้ทุกคนที่อยากเริ่มทำการค้าสามารถมีธุรกิจที่แข็งแรงได้เร็วขึ้นพี่จักกะบุ๋มแนะนำเทคนิคสำคัญไว้ 5ประการดังนี้

  1. เราต้องรู้จักสินค้าตัวเองดีก่อนก่อนที่จะขายให้คนอื่น
  2. เริ่มลงทุนจากน้อยๆแล้วค่อยขยายให้โตขึ้นในอนาคต
  3. ต้องมองหาช่องทางการตลาดอื่นๆมาเสริม
  4. รู้จักการปรับตัวให้ตามยุคสมัย โดยเฉพาะกับการใช้เทคนิคในโซเชี่ยล
  5. สร้างสีสันให้กับร้านค้าอย่าปล่อยให้เงียบเฉยๆ

ธุรกิจกับอาชีพนักแสดงสามารถเดินคู่กันได้

j1

ข้อดีของการทำธุรกิจนั้นพี่จักกะบุ๋มบอกว่ามันทำให้เรารู้ว่าแต่ละเดือนเราจะมีรายได้เข้ามาเท่าไหร่และก็เป็นการทำงานที่เราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ แต่อาชีพนักแสดงปัจจุบันก็ถือว่าเป็นงานที่ดีแต่นักแสดงก็จะมีระยะเวลาของแต่ละคนเช่นกัน

ดังนั้นนักแสดงเองก็ต้องมองหาสิ่งที่มั่นคงในระยะยาวนั้นก็คือการทำธุรกิจ อย่างพี่จักกะบุ๋มก็มองว่าธุรกิจหมูเส้นเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้และในอนาคตก็ยังพัฒนาให้เป็นธุรกิจที่โตมากขึ้นกว่าเดิมได้เช่นกัน

สนใจการทำธุรกิจหรือต้องการขายหมูเส้นจักกะบุ๋ม

  • โทร.087-6665119

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3ta6i30

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด