ส่อง! 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง-ร่วง ปี 2563

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ในปี 2563 พร้อมคาดเศรษฐกิจปีหน้าโตร้อยละ 3.1 เกี่ยวกับเรื่องนี้ “นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์” อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดเผยถึงผลสำรวจ 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่งและร่วงในปี 2563 จากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจปี 2562 โดยคาดว่า จีดีพีขยายตัวร้อยละ 2.5 ส่งออกหดตัวร้อยละ 5.1 

รวมถึงปัจจัยด้านอื่นๆ โดยเฉพาะความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนการทำสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีน ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมในปี 2562 ไม่ดีเท่าที่ควร แต่จากการประเมินปัจจัยสนับสนุนและเป็นตัวบั่นทอนธุรกิจในปี 2563 ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะความเสี่ยงสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน

โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะมีโอกาสเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 6 ขณะที่ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะแข็งค่าเฉลี่ย 29.75-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุนของต่างชาติ รวมถึงต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นที่มาจากค่าจ้างขั้นต่ำ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ดาวรุ่งอันดับ 1 ปี 63

อันดับธุรกิจดาวรุ่ง

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยถึง 10 อันดับธุรกิจ ดาวรุ่งในปี 2563 ว่า ธุรกิจแพลตฟอร์ม ถือเป็นธุรกิจเด่นอันดับ 1 สำหรับปี 2563 เนื่องจากมีหลายปัจจัยสนับสนุน ทั้งความหลากหลายและ รูปแบบการให้บริการ รวมทั้งความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการทำธุรกิจออนไลน์มากขึ้น

ประกอบกับประชาชนมีการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในชีวิตประจำวัน, พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จึงหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และมีความคุ้นชินกับการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น, กระแสการพัฒนาแพลตฟอร์มทั่วโลก

9

ทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด โดยธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะ ที่ภาครัฐมีการผลักดันผ่านนโยบายและมาตรการต่างๆ ในธุรกิจแพลตฟอร์มด้านออนไลน์

  • อันดับ 2 ธุรกิจ e-commerce, ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ และอุปกรณ์ รวมทั้งผู้ให้บริการเครือข่าย
  • อันดับ 3 ธุรกิจ เกมส์ และธุรกิจพัฒนา application
  • อันดับ 4 ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์
  • อันดับ 5 ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต, ธุรกิจบริการทางการแพทย์ และความงาม
  • อันดับ 6 ธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจ Street Food
  • อันดับ 7 ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ
  • อันดับ 8 ธุรกิจด้าน fintech และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี และธุรกิจพลังงาน
  • อันดับ 9 ธุรกิจก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน, ธุรกิจที่ปรึกษาด้าน กฎหมาย/บัญชี
  • อันดับ 10 ธุรกิจด้านท่องเที่ยว Hostel modern tourism และ Lifestyle tourism และธุรกิจเครื่องสำอาง-ครีม บำรุงผิว

ธุรกิจเช่าหนังสือ-โทรศัพท์พื้นฐาน ดาวร่วงปี 2563

8

สำหรับ 10 อันดับธุรกิจดาวร่วงในปี 2563

  • อันดับ 1 คือ ธุรกิจเช่าหนังสือ
  • อันดับ 2 ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐาน และเครื่อง โทรสาร
  • อันดับ 3 ธุรกิจร้านให้บริการอินเตอร์เน็ต
  • อันดับ 4 ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร ธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ใช้แรงงานมากและขาย ในประเทศ
  • อันดับ 5 ธุรกิจหัตถกรรม และเฟอร์นิเจอร์ไม้
  • อันดับ 6 ธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิม
  • อันดับ 7 ธุรกิจคนกลาง
  • อันดับ 8 ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ความจำ Storage media เช่น CD, DVD, Blu-Ray, External Hard Drives, Memory Card
  • อันดับ 9 ธุรกิจดั้งเดิมที่ไม่มีดีไซน์และใช้แรงงานสูง
  • อันดับ 10 ธุรกิจสถานศึกษาเอกชน และธุรกิจร้านถ่ายรูป

ธุรกิจร้านกาแฟ-ชาไข่มุกเล็กๆ ทำเลไม่ดี เสี่ยงเจ๊งสูง

7

ภาพจาก bit.ly/2ZbMlu6

นอกจากธุรกิจดาวรุ่ง-ร่วง ในปี 2563 ยังมีธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในปี 2563 เช่น ธุรกิจร้านกาแฟที่ทำเลไม่ดี ไม่มีแฟรนไชส์ และขนาดเล็ก ธุรกิจร้านชานมไข่มุกที่ ทำเลไม่ดี เนื่องจากธุรกิจมีจำนวนมาก และมีการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการตัดราคา

6

ภาพจาก bit.ly/2rbRWnz

ส่วนธุรกิจที่มีความเสี่ยงปานกลาง คือ ธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ธุรกิจเครื่องสำอาง-อาหารเสริม เนื่องจากธุรกิจมีจำนวนมาก มีการแข่งขันสูง และมีต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูง

รวมทั้งธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ทำเลไม่ดี เนื่องจากมี Over Supply รวมทั้งผลจากมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย รวม ทั้งผลจากการบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ปี 63 ปัญหาเพียบ!! ภาครัฐเตรียมเข็นมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเต็มสูบ

5

ภาพจาก bit.ly/34Lfyxa

นายธนวรรธน์ มองว่า ในปี 2563 มีปัจจัยสนับสนุนสำหรับการดำเนินธุรกิจ เช่น มาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐที่ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศราว 41-42 ล้านคน, ภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ, การลงทุนของภาครัฐมีโอกาสเร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน

รวมทั้งการลงทุนของภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC รวมถึงธนาคารกลางทั่วโลกได้มีการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้เข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

นอกจากนี้ กำลังซื้อของประชาชนฐานรากมีเพิ่มขึ้น ตามมาตรการสวัสดิการแห่งรัฐ และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และการประกันราคาสินค้าเกษตร

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยที่บั่นทอนการดำเนินธุรกิจในปีหน้า เช่น ความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงจาก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสถานการณ์ Brexit, เศรษฐกิจจีนในปีหน้า มีโอกาสเติบโตต่ำกว่า 6%, สถาบันการเงินของไทยจะเริ่มใช้มาตรฐานทางบัญชี TFRS9 ซึ่งจะทำให้มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

4

ภาพจาก bit.ly/2Sc51IG

เงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีหน้าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 29.75-30.50 บาท/ดอลลาร์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ

ปัญหา NPL ของสถาบันการเงินที่ส่งผลต่อการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ปัญหาภัยธรรมชาติ และต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ


คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

อ้างอิงข้อมูล
https://bit.ly/34GEtlp
https://bit.ly/2M8lKJ1

แหล่งบทความจาก https://bit.ly/35OFf17

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช