สูตรและวิธีการทำ ข้าวแช่

ข้าวแช่มีต้นกำเนิดมาจากชาวมอญ เป็นอาหารที่ทานเพื่อความเป็นสิริมงคลในวันสงกรานต์ ข้าวแช่เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายตั้งแต่ได้มีการทำถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เรียกว่าข้าวแช่เสวย

ซึ่งข้าวแช่สูตรชาววังนี้ไม่ได้ทำกันง่ายๆ หลักๆคือต้องคัดเลือกพันธุ์ข้าวสารที่ดีที่สุด นำไปซาวล้างถึง 7 ครั้งให้สะอาดบริสุทธิ์ จากนั้นจึงนำมาแช่กับน้ำเย็นลอยดอกไม้ให้มีกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังมีวิธีการทำเครื่องเขียงที่สลับซับซ้อนอีกมากมาย

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข้าวแช่ได้กลายเป็นเมนูในพระราชวังก็ทำให้คนไทยเริ่มรู้จักข้าวแช่มากขึ้นและแพร่หลายลงมาในสังคมทุกชนชั้น จนปัจจุบันข้าวแช่มีการทำจำหน่ายเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านอาหารต่างๆ เช่นร้าน หลายรส (สุขุมวิท 49) , ร้านข้าวแช่แม่ศิริ ,ร้านบ้านประชาชื่น รวมถึงยังเป็นเมนูที่อยู่ในโรงแรมชื่อดังอย่างรอยัลริเวอร์ อีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จึงมองว่าเมนูข้าวแช่นอกจากจะแสดงถึงความเป็นไทยได้อย่างดีเมนูนี้ยังน่าสนใจให้เราทำขายซึ่งเชื่อได้ว่าจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่ดีแน่นอน

วัตถุดิบสำหรับทำข้าวแช่

ข้าวแช่

ภาพจาก https://goo.gl/9Vmnro

  1. ข้าวหอมมะลิ
  2. น้ำสะอาด
  3. ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม เช่น มะลิ กุหลาบ
  4. มะนาว

วิธีเตรียมเครื่องหอมก่อนทำข้าวแช่

362

ภาพจาก https://goo.gl/RNRKTk

  1. เตรียมน้ำสะอาดใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด ในสมัยก่อนจะใส่ในโถกระเบื้อง หรือว่าหม้อดิน เพื่อการระบายอากาศได้ดีทำให้ได้น้ำดอกไม้ที่เย็นชื่นใจ (สมัยก่อนใช้เกร็ดพิมเสนแทนน้ำแข็ง)
  2. เตรียมดอกไม้ที่จะใช้ลอยในน้ำข้าวแช่ โดยดอกไม้ที่นิยมใช้คือ ดอกมะลิ กุหลาบ โดยนำดอกไม้ใส่ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ปิดฝาให้สนิท ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 คืน ทางที่ดีที่สุดคือเราควรทำน้ำข้าวแช่ไว้ล่วงหน้าหน้าอย่างน้อย 1 วัน

การทำข้าวแช่

366

ภาพจาก https://goo.gl/oX6g42

  1. เริ่มจากนำข้าวหอมมะลิมาใส่กระชอน ซาวข้าวแล้วผึ่งไว้ เปิดไฟตั้งน้ำรอให้เดือด แล้วใส่ข้าวลงไปแต่ไม่ใช่ทำให้เป็นข้าวต้ม สังเกตแค่ข้างนอกพอสุกแต่ข้าวไม่บาน
  2. ในช่วงต้มข้าวใกล้ได้ที่ให้บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยขจัดกลิ่นและทำให้ข้าวหมดเมือก ทำให้เม็ดข้าวมีความใส จากนั้นปิดไฟ ตักใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาลอยในน้ำเย็น
  3. มาถึงขั้นตอนการนึ่ง คือตั้งรังผึ้งรองข้าวด้วยผ้าขาวบาง แล้วปิดฝาต้มน้ำให้เดือดเพื่อเป็นการนึ่ง
  4. นำเอาน้ำข้าวแช่ที่เป็นน้ำหอมที่ปรุงจากดอกไม้มีกลิ่นหอมที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นนำฟั่นเทียนอบมาวางบนภาชนะที่ลอยน้ำได้ จุดไฟเตรียมอบฟั่นเทียน ทิ้งไว้ประมาณ 2 คืนเพื่อความหอมของข้าวแช่
  5. ข้าวแช่ที่ได้ที่แล้วเมื่อนำมานึ่งสุกอีกครั้งจะไม่บาน สมัยก่อนการแช่จะทำในหม้อดินเพื่อให้ข้าวแช่เย็นชื่นใจมากขึ้น ปัจจุบันเราอาจใช้ตู้เย็นหรือถังน้ำแข็งร่วมด้วยก็ได้

ทั้งนี้การทำข้าวแช่ต้องรับประทานคู่กับกับข้าวต่างๆ เช่น ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน หัวหอมสอดไส้ ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้ง และเครื่องผัดหวานต่าง ๆ ราคาขายที่ปรากฏในปัจจุบันส่วนใหญ่จะขายแบบเป็นเซต ราคาประมาณ 180-200 บาท/ชุด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีอะไรในเซตนั้นบ้าง

วิธีการรับประทานข้าวแช่

เริ่มจากการนำข้าวสวยตักใส่ชาม ใส่น้ำลอยดอกไม้อบควันเทียนลงไป บางคนอาจจะใส่น้ำแข็งเพิ่มลงไปเพื่อความเย็นชื่นใจ และเมื่อจะกินคู่กับเครื่องเคียงของคาวต่างๆ จะต้องตักกับข้าวเข้าปากก่อน จากนั้นค่อยตักข้าวแช่เข้าปากตามไป จากนั้นก็เคี้ยวรวมกันให้ได้ลิ้มรสชาติและความหอมหวนของข้าวแช่และกับข้าว

เกร็ดความรู้

364

ภาพจาก https://goo.gl/orQ4BG

หลายคนสงสัยว่าในสมัยก่อนไม่มีน้ำแข็ง ไม่มีตู้เย็น แล้วทำไมน้ำขาวถึงแช่เย็นได้ คำตอบคือคนไทยจะนำน้ำลอยดอกไม้ไปใส่ไว้ในหม้อดิน แล้วค่อยตักมาใช้ หรือไม่ก็จัดข้าวแช่ใส่สำรับกระเบื้องเคลือบไปเลย

วิธีนี้จะทำให้น้ำเย็นชื่นใจ ส่วนกับข้าวที่กินเคียงกับข้าวแช่ ก็จะมีลูกกะปิทอด พริกหยวกสอด ปลายี่สนผัดหวาน เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน หัวหอมสอดไส้ ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน หมูสับกับปลากุเลา และเครื่องเคียงที่นิยมรับประทานแกล้มกับข้าวแช่ ก็คือผักสดแกะสลักอย่างสวยงามนั่นเอง

การทำข้าวแช่ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อนหากใครมีหน้าร้านอาหารของตัวเองและอยากลองเพิ่มรายได้ด้วยการทำข้าวแช่แนะนำว่าให้ทดลองทำกินเองดูก่อน ถ้ามั่นใจว่าดีแล้วจึงออกเป็นเมนูให้ลูกค้าเลือก หรือในปัจจุบันเราอาจเลือกใช้ช่องทางตลาดออนไลน์ในการขายข้าวแช่อีกทางหนึ่งด้วยก็ได้

สำหรับท่านใดสนใจอยากเข้าคอร์สเรียนสร้างอาชีพอื่นๆ เรามีให้เลือกหลากหลาย ดูรายละเอียดการอบรมเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaifranchisecenter.com/seminar/index.php หรือ Add LINE id : @thaiseminar

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3cmcLQt

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด