วิธีทำธุรกิจฟิตเนสให้ปัง!เทคนิคดีจากทั่วโลก

วิธีทำธุรกิจฟิตเนสให้ปัง!เทคนิคดีจากทั่วโลก  จากข้อมูลระบุว่าตลาดฟิตเนสในเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะที่ผู้ใช้บริการหรือจำนวนสมาชิกของยิมต่างๆนี้มีไม่ถึง 1% ของจำนวนประชากรที่มี นั้นหมายถึงโอกาสในการเติบโตของฟิตเนสในเมืองไทยยังมีอีกมาก

สิ่งสำคัญคือคนลงทุนในธุรกิจนี้ต้องรู้จักวิธีทำการตลาด รู้จักกลยุทธ์ในการบริหาร ซึ่งในต่างประเทศธุรกิจฟิตเนสเติบโตสูงมากซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com ได้นำเอาเหตุผลและแนวคิดของการทำธุรกิจฟิตเนสจากต่างประเทศมาเป็นแนวทางสำหรับนักลงทุนเมืองไทยได้ศึกษาว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้เปิดตลาดสุขภาพนี้ได้มากยิ่งขึ้น

3 เหตุผลสำคัญทำไมธุรกิจฟิตเนสถึงเติบโตดีในต่างประเทศ

1.คนวัยทำงานห่วงสุขภาพมากขึ้น

369

ภาพจาก https://goo.gl/H2T2sj

ข้อมูลจาก Global Wellness Institute ระบุว่าประชากรกว่า 3,000 ล้านคนทั่วโลกเป็นกลุ่มใหญ่ที่เป็นวัยทำงาน และ 76% ของคนทำงานเหล่านั้นมีปัญหาด้านสุขภาพ ขณะที่ 52% น้ำหนักเกินหรืออยู่ในภาวะโรคอ้วน

ซึ่งสาเหตุก็มาจากไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เช่น นั่งทำงานหน้าจอนาน เคลื่อนไหวร่างกายน้อย ทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ดื่มจัดและสังสรรค์บ่อย เหล่านี้นำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เมื่อตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเผชิญ คนจำนวนมากจึงเริ่มหันมาออกกำลังกายเพื่อแก้ปัญหา

2.กระแสของโซเชี่ยล

370

ภาพจาก https://goo.gl/d4ggeV

ถ้าย้อนกลับไปยุค 1970 คนที่คลั่งไคล้การออกกำลังกายจะถูกมองว่าแปลก แถมช่วงนั้นแฟชั่นชุดออกกำลังกายไม่มี ไม่เหมือนยุคนี้ที่การไปยิมจะเน้นชุด เน้นอุปกรณ์เสริมที่ทำให้ดูดีเพื่อจะได้ถ่ายรูปโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจที่ดีในกาออกกำลังกาย ธุรกิจฟิตเนสกับธุรกิจผลิตชุดออกกำลังกายชนิดต่าง ๆ จึงเติบโตไปด้วยกัน

3.ค่ารักษาพยาบาลที่แพงมากในยุคนี้

372

ภาพจาก https://goo.gl/LQpidk

หลายคนเลือกที่จะป้องกันดีกว่าแก้ไข จึงนำมาสู่การออกกำลังกายที่สร้างเสริมสุขภาพให้ตัวเองแข็งแรงอันเป็นวิธีบริหารจัดการรายได้ของตัวเองทางหนึ่งที่พยายามให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ซึ่งการป่วยแต่ละครั้งในปัจจุบันมีค่าหมอ ค่ารักษาพยาบาลที่สูงมาก การดูแลสุขภาพตัวเองจึงเป็นทางเลือกป้องกันที่ดีทางหนึ่ง

วิธีทำธุรกิจฟิตเนสให้ปังรับกระแสนิยม

1.ปรับขาดให้เป็น “มินิยิม”

367

เป็นกลยุทธ์การทำฟิตเนสของจีนที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาฟิตเนสในจีนผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ทั้งในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น นำไปสู่การพัฒนาจากยิมขนาดใหญ่กลายเป็น “มินิยิม” ซึ่งยิมเหล่านี้ตั้งอยู่ตามข้างถนน รูปทรงคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ ขนาดตั้งแต่ 4 ตรม. 8 ตรม. 18 ตรม. ไปจนถึง 28 ตรม.

ข้างในติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ทีวี เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องออกกำลังกาย เช่น ลู่วิ่ง จักรยาน อุปกรณ์ยกน้ำหนัก รองรับผู้ใช้บริการคราวละ 1 คน หรือหลายคนแล้วแต่ขนาดของยิม
โดยคิดราคาเป็นนาทีหรือชั่วโมงตามแต่ต้องการ เริ่มตั้งแต่ 1 หยวน ถึง 16 หยวน

2.ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำธุรกิจและไม่เก็บค่าสมัครรายปี

ในจีนลูกค้าฟิตเนสสามารถสั่งจองการใช้งานผ่านแอปพลิชันสมาร์ทโฟน เลือกยิมสาขาที่สะดวก เมื่อชำระค่าบริการผ่านแอปฯ ก็จะได้รับรหัสเพื่อเปิดประตูยิมเข้าไปใช้บริการ รวมถึงฟิตเนสขนาดเล็กในจีนส่วนใหญ่ใช้ระบบแบบใช้งานเมื่อไหร่ก็จ่ายเมื่อนั้นไม่จำเป็นต้องเสียค่าสมาชิกรายปีที่เป็นเงินก้อนใหญ่ จึงทำให้ธุรกิจฟิตเนสเติบโตได้เร็วมาก

3.โมเดลยิมราคาประหยัด

368

ดูเหมือนว่ายิมราคาประหยัดจะได้รับความสนใจจากคนส่วนมากเช่นใน อังกฤษสมาชิกฟิตเนสในอังกฤษเพิ่มจาก 9.2 ล้านคนในปี 2016 มาอยู่ที่ 9.7ล้านคนในปี2017ขณะที่จำนวนยิมมีจำนวนกว่า 6,500 แห่ง ส่วนหนึ่งเพราะมีต้นแบบจาก udget gym หรือยิมราคาประหยัดที่คิดค่าสมาชิกไม่เกิน 20 ปอนด์ต่อเดือน

เทียบกับยิมระดับพรีเมียมบางแห่งที่คิดทั้งค่าธรรมเนียมแรกเข้า 400 ปอนด์และค่าบริการรายเดือนอีก 200 ปอนด์ ถือว่าประหยัดและตอบโจทย์คนยุคนี้ได้ดีกว่ามาก ทำให้ยิมในลักษณะนี้มีสมาชิกกว่า 800,000 คนจากทั้งหมด 172 สาขา

4.สร้างความแปลกใหม่ในการออกกำลังกาย

ธุรกิจฟิตเนสในสหรัฐอเมริกาได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี 2012 มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นราวปีละ 1 ล้านคนซึ่งก็คาดการณ์ต่อไปว่าในปี 2022 อัตราการเติบโตของฟิตเนสจะอยู่ที่ 1.5%ต่อปี และด้วยความที่ธุรกิจฟิตเนสค่อนข้างอยู่ตัวดีแล้วทำให้ยิมเหล่านี้ต้องสร้างคอร์สออกกำลังที่แตกต่างดึงดูดลูกค้ามากขึ้น

เช่น Barry’s Bootcamp & Solidcore เป็นยิมที่เน้นการออกกำลังกายเหมือนการฝึกในค่ายทหาร และการเน้นความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว หรือcryotherapy หรือสปาเยือกแข็งที่บำบัดความเจ็บปวดและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และกระกระตุ้น biceps กล้ามเนื้อมัดที่อยู่ด้านหน้าต้นแขนด้วยไฟฟ้า เป็นต้น

5.ต้องพยายามนำเทรนด์ไปสู่อนาคต

373

ภาพจาก https://goo.gl/n5Kmhr

การออกกำลังก็เป็นเหมือนสินค้าหนึ่งที่ต้องมีพัฒนาการนอกจากการสร้างความแปลกและแตกต่างก็ยังต้องคิดค้นสิ่งที่นำหน้าไปสู่อนาคตด้วย เช่นในสหรัฐบางยิมเอาใจกลุ่มคนออกกำลังรุ่นใหม่ด้วยการสร้างคอร์สออกกำลังกายแบบที่ไม่ค่อยมี เช่นพิลาทิส โยคะ TRX และ HIIT

ร่วมถึงการใส่ใจในความเป็นสังคมผู้สูงอายุที่ชัดเจนมากขึ้นจึงมีการทำคอร์สออกกำลังแบบ aqua resistance หรือการออกกำลังกายในน้ำได้รับความนิยมอย่างมากในประชากรสูงวัยด้วยเช่นกัน

ยุคนับแต่นี้ต่อไปเทรนด์สุขภาพถือว่าเป็นการลงทุนที่น่าสนใจไม่ใช่แค่เรื่องฟิตเนสหรือออกกำลังเท่านั้น แม้แต่เรื่องอาหารและนวัตกรรมใหม่ๆที่ต้องมีโจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีและห่างไกลโรคภัยมากขึ้น ตลาดสุขภาพนี้ยังมีมูลค่าอีกมหาศาลขึ้นอยู่กับว่าใครจะค้นหาวิธีการเจอก่อน ซึ่งคนๆนั้นก็คือมหาเศรษฐีคนต่อไปนั่นเอง


SMEs Tips

  1. ปรับขาดให้เป็น “มินิยิม”
  2. ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำธุรกิจและไม่เก็บค่าสมัครรายปี
  3. โมเดลยิมราคาประหยัด
  4. สร้างความแปลกใหม่ในการออกกำลังกาย
  5. ต้องพยายามนำเทรนด์ไปสู่อนาคต

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

ขอบคุณข้อมูล goo.gl/2XMYSq , goo.gl/LkMYG7

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด