ระวังธุรกิจที่ปะปนมากับความเศร้าของคนไทย

ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ช่วงเวลาแห่ง ความเศร้า ที่แม้จะเข้าใจแต่ก็ทำใจให้ยอมรับได้ยากเต็มที ตามหลักทางจิตวิทยาแล้วในช่วงที่ความรู้สึกของคนเราเริ่มอ่อนแอเช่นนี้จะทำให้เกิดการตัดสินใจที่ค่อนข้างหละหลวมบางครั้งเป็นการพิจารณาแบบมองข้ามเหตุผล อันเป็นผลสืบเนื่องจากความเศร้าที่ทำให้เราตัดสินใจทำอะไรได้ง่ายเกินไปมากขึ้น

www.ThaiSMEsCenter.com เองก็มีความเศร้าเสียใจไม่ต่างไปจากพี่น้องคนไทยทุกคนแต่ถึงอย่างไรเราก็อยากให้ทุกคนมีสติที่แข็งแกร่งมากขึ้นเพราะธุรกิจบางอย่างก็อาศัยเวลาแห่งความอ่อนแอนี้เข้ามาทำการตลาดจนเราคล้อยตาม

และไม่อาจแยกแยะได้ว่าธุรกิจไหนมาดีหรือธุรกิจไหนมีความอันตรายแอบแฝงงานนี้เราไม่ได้เหมารวมว่าจะต้องเป็นเรื่องเลวร้ายไปทั้งหมดเพียงแต่อยากให้ระวังและควรป้องกันตัวเองให้มากขึ้นโดยเฉพาะการแคมเปญการแจกเสื้อดำโดยมีเงื่อนไขต่างๆที่เราพบได้มากตามเฟสบุ๊คในขณะนี้

จะเรียกว่าฉวยโอกาสช่วงนี้เพื่อมาปั่นกระแสหรือว่ามีเจตนาดีที่แท้จริงก็ตามอย่างไรเราก็ควรระวังไว้ดีกว่าแก้ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือการรีพอร์ตให้กับ Facebook และงด Share โดยเด็ดขาดเพื่อไม่ให้มีผู้พบเห็นอย่างแพร่หลายในวงกว้างและแคมเปญที่ดูจะมีความเสี่ยงในเรื่องเหล่านี้เช่น

1.มีการแจกเสื้อสีดำ

ความเศร้า

ภาพจาก goo.gl/2RG5xj

ลักษณะของเพจต่าง ๆ ที่มักใช้วิธีการแจกเสื้อสีดำเป็นหลักและมีเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ผู้ใช้ Facebook มาร่วมกัน Like และ Share เป็นวงกว้าง ซึ่งมองในแง่ของการตลาดก็นับเป็นการสร้างกระแสที่หวังผลอย่างมาก

หากว่า Share กันเพียง 100 คน ก็จะได้เห็นเป็นวงกว้าง ทั้งที่แท้จริงแล้วอาจจะมีการแจกเพียงไม่กี่ตัว แต่มีคน Share ร่วมพันร่วมหมื่นคน ซึ่งตรงนี้เราต้องดูดีๆ ดูความน่าเชื่อถือและเจตนาอย่างใช้วิจารณญาณค่อนข้างมากทีเดียว

2.ลักษณะการใส่โลโก้โปรโมท

bb8

ภาพจาก goo.gl/rfL9hX

เนื่องจากการใส่โลโก้โปรโมทนั้นเปรียบเสมือนการหากินบนความโศกเศร้าเสียใจของปวงชนชาวไทย จึงถือเป็นสิ่งไม่สมควรอย่างยิ่งหากว่าจะไปสนับสนุนผู้ที่เห็นความทุกข์โศกเสียใจของพสกนิกรชาวไทยเป็นช่องทางทำมาหากินและที่สำคัญ

บางคนที่อยู่ในช่วงเศร้าโศกเสียใจสิ่งใดที่เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวก็อาจถูกพวกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินเพื่อเป็นการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งที่ความจริงอาจไม่ได้นำเงินจำนวนนั้นไปทำการณ์ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

และทั้งนี้ก็จะขอส่งต่อความรู้สำคัญว่าอันตรายอันเกิดจากการใส่ข้อมูลส่วนตัวลงในที่สาธารณะนั้นมีอะไรบ้าง เนื่องจากว่าส่วนใหญ่เพจที่มีการโปรโมทแจกเสื้อจะให้ผู้ที่ต้องการเสื้อฟรีใส่ข้อมูลลงไปในคอมเม้นท์และข้อมูลส่วนตัวที่ใส่ลงไปล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลสำคัญอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุล ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเหล่ามิจฉาชีพอาจมีวิธีการมากมายที่จะดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ได้เช่น

bb6

ภาพจาก goo.gl/1wX1UN

1.การดักข้อมูล

การดักข้อมูลนั้นนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชื่อ นามสกุล ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์เพื่อรับข้อมูลบางอย่างหรือในบางกรณีก็อาจจะนำไปขายต่อเพื่อให้บริษัทบัตรเครดิตใช้ในการส่งโฆษณามาที่คุณก็เป็นได้ จะเห็นได้ชัดว่าการเขียนชื่อนามสกุลลงไปในที่สาธารณะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

2.ผลที่อาจเกิดเมื่อเผยแพร่หมายเลขโทรศัพท์และข้อมูลส่วนตัวในที่สาธารณะ

สำหรับการเผยแพร่ข้อมูลในที่สาธารณะนั้น เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะพบกับหมายเลขโทรศัพท์แปลก ๆ ซึ่งมาขายของเพื่อลดความอ้วน รวมไปถึงการขายคอร์สเสริมความงาม คอร์สเติมความงามใบหน้า

อาจจะมีการขายฟิตเนส อาหารเสริมและประกันภัยซึ่งอาจเป็นการสร้างความรำคาญหรือถ้าเลวร้ายยิ่งกว่าก็อาจเป็นการคุกคามของบรรดาโรคจิตทั้งหลายได้เลยเช่นกน

ด้วยเหตุนี้สิ่งที่ควรทำเมื่อเห็นโพสต์เรียกไลค์เรียกแชร์คือ

1.งดแชร์ งดไลค์

หากว่าคุณเห็นเพียงแค่คนเดียวแล้วไม่แชร์ต่อก็ถือเป็นการตัดวงจรของการโปรโมทเพจแต่เพียงเท่านั้น ในทางตรงกันข้ามหากว่าคุณแชร์หรือไลค์ก็เหมือนกับสนับสนุนมากยิ่งขึ้น

bb5

ภาพจาก goo.gl/VVbcaa

2.กดรีพอร์ทเฟสบุ๊คนั้น

สำหรับสิ่งที่ควรกระทำมากที่สุดหากว่าคุณพบโพสต์เหล่านี้ที่มีการเรียกกระแสให้กดไลค์หรือแชร์ ควรทำการรีพอร์ตด้วยวิธีการง่าย ๆ เริ่มต้นด้วยการกดที่มุมบนด้านขวาของโพสต์

จากนั้นจะมีคำว่า I don’t like this post. จากนั้นให้คลิกคำว่า I think It shouldn’t be on Facebook. และกดที่คำว่า It’s harassment or hate speech. จากนั้นจึงกดที่ People with disability or disease สุดท้ายจึงให้กดคำว่า Block

สำหรับผู้ที่ต้องการกระทำเพื่อไว้อาลัยอย่างแท้จริงนั้นไม่ควรสนับสนุนกดไลค์หรือแชร์ไม่ว่าด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม แม้จะโกรธเคืองหรือประณามการกระทำของเพจเหล่านี้เพียงใด สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้เฟสบุ๊คมากที่สุด ได้แก่ การกดรีพอร์ทเพื่อหยุดทุกอย่างเอาไว้ในวงที่แคบมากที่สุด

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด