รวม 7 วิธีดึงลูกค้าให้กลับมาใช้จ่าย! เมื่อ COVID เริ่มคลี่คลาย

ตัวเลขของผู้ติดเชื้อ COVID 19 ลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสัญญาณเปิดประเทศของรัฐบาลที่คาดว่าจะเอาจริงในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน นับถึงตอนนี้เศรษฐกิจก็เริ่มมีการฟื้นตัวมากขึ้น ดูได้จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง

สะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมที่น่าจะเริ่มขยับขยาย ไม่นับรวมบรรดากิจการร้านค้า ร้านอาหาร และธุรกิจต่างๆ ที่เริ่มกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าการเริ่มฟื้นตัวหลังผ่านการแพร่ระบาด COVID 19 อาจเป็นเรื่องที่คนทำธุรกิจต้องคิดหากลยุทธ์การตลาดอย่างหนักเพราะจากช่วงการแพร่ระบาดที่ผ่านมาส่งผลต่อรายได้ของคนไทยอย่างมาก

ถึงขนาดที่มีการประเมินการขยายตัวของเศรษฐกิจสำหรับปีนี้จะลดลงเหลือ 0.8-1.6% เท่านั้น แน่นอนว่าสิ่งที่ภาคธุรกิจควรต้องรู้คือตอนนี้คนไทยมีกำลังซื้อมากแค่ไหนเพราะจากการแพร่ระบาด COVID ที่ผ่านมาผลการสำรวจระบุชัดเจนว่า คนไทยกว่า 76% มีรายได้ที่ลดลงอย่างมาก

ดังนั้นสิ่งที่คนทำธุรกิจต้องรู้คือจะหาวิธีไหน หรือทำอย่างไร เพื่อดึงลูกค้าให้กลับมาใช้จ่ายได้มากที่สุด และต้องไม่ลืมว่าต่อจากนี้การทำธุรกิจต้องเป็นวิถีใหม่ๆ ที่การตลาดแบบเดิมๆ ไม่สามารถใช้ได้ผลอีกต่อไปเพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของ COVID 19 ทำให้พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

รวมวิธีดึงลูกค้าให้กลับมาใช้จ่ายหลัง COVID เริ่มคลี่คลาย

1.เน้นการใช้โฆษณาที่มีไอเดียสร้างสรรค์ ผ่อนคลายความรู้สึก

วิธีดึงลูกค้า

ภาพจาก https://www.freepik.com

การแพร่ระบาด COVID ที่ผ่านมาทำให้คนไทยเครียดหนักมาก หากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น กิจการที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ควรหันมาใช้การโฆษณาเชิงสร้างสรรค์ที่ทำให้ลูกค้าเห็นแล้วรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกสบายใจ อาจจะเป็นการนำเสนอข้อดีของสินค้าที่เรามี ที่แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าจะช่วยให้รู้สึกดีหรือประทับใจได้มากแค่ไหน

2.การตลาดออนไลน์ต้องมาอันดับหนึ่ง

6

ภาพจาก https://bit.ly/3CWgpwk

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาการตลาดออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจและต่อจากนี้ก็เช่นกัน ธุรกิจไหนที่ไม่หันมาทำตลาดออนไลน์จะมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้ยาก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน และเชื่อได้ว่าการแข่งขันในตลาดออนไลน์ต่อจากนี้จะยิ่งสูง คนทำธุรกิจจึงควรหาวิธีการทำตลาดออนไลน์ที่แปลกใหม่เข้ามาร่วมด้วย เช่น IKEA เปิดแอปพลิเคชัน Virtual Escape Rooms และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ Snapchat มาเล่นเกมแปลงโฉมห้องใหม่ เป็นต้น

3.เน้นกลยุทธ์ Direct to Consumers (D2C) มากขึ้น

5

ภาพจาก https://www.freepik.com

นับจากนี้เราจะได้เห็นกลยุทธ์ Direct to Consumers (D2C) หรือ การขายสินค้าปลีกผ่านช่องทางเจ้าของแบรนด์โดยตรงมากขึ้น แทนที่จะใช้กลยุทธ์ Business to Business (B2B) หรือ การขายสินค้าโดยผ่านคนกลาง หรือผ่าน E-marketplace ต่างๆ เพื่อทำให้ทุกอย่างกระชับ และธุรกิจสามารถปิดการขายได้แบบ door-to-door เช่น การขายเนื้อสัตว์โดยตรงจากฟาร์มส่งถึงมือลูกค้า เป็นต้น

4.ใช้นวัตกรรมเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า

4

ภาพจาก https://bit.ly/39RW8M0

การแพร่ระบาดของ COVID ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เรื่องความสะอาด เรื่องสุขภาพมากขึ้น การทำธุรกิจแบบเดิมๆ ต้องเปลี่ยนโฉมใหม่ ควรหันมาใช้นวัตกรรมเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าเพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาใช้บริการได้มากขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยี Air Touch หรือเครื่องจ่ายเครื่องดื่มแบบไม่ต้องสัมผัส หรือการใช้เครื่องการจ่ายเงินแบบ QR CODE ให้ลูกค้าไม่ต้องใช้จ่ายด้วยเงินสดเป็นต้น

5.ใช้การตลาดแบบบอกต่อ (Referral Marketing)

3

ภาพจาก https://pixabay.com

ยุคนี้เป็นการตลาดออนไลน์เครื่องมือสำคัญที่ใช้ได้ดีเช่น การรีวิวสินค้าหรือบริการผ่านโพสต์ต่างๆของผู้บริโภคตัวจริง การพรีเซนต์สินค้าผ่าน Influencer หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆผ่าน ดาราหรือศิลปินที่ผู้บริโภคชื่นชอบผ่านช่องทางส่วนตัวเช่น ไอจีส่วนตัวหรือ tiktok เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการดึงดูดลูกค้าให้สนใจได้มาก ซึ่งแน่นอนว่าพลังของการตลาดแบบบอกต่อสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายของร้านค้าได้มาก หากไม่ต้องลงทุนไปจ้างรีวิวหรือจ้างพรีเซนเตอร์

6.เน้นขยายฐานลูกค้าเก่ามากกว่าหาลูกค้าใหม่

2

ภาพจาก https://www.freepik.com

ปัจจุบันการหาลูกค้าใหม่ต้องอาศัยต้นทุนที่สูงมากกว่าเดิมเนื่องจากต้นทุนในการโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเช่น ต้นทุนในการโฆณาต่างในเพจ ในไอจีมีราคาเพื่อให้ลูกค้ามองเห็นเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการขยายฐานลูกค้าเก่าคือเราต้องนำเอาสินค้าใกล้เคียงกันมาขายหรือการติดตามลูกค้าเก่าเพื่ออัพเดตสินค้าหรือบริการที่เขาเคยซื้อเราและหากต้องการขยายลูกค้าใหม่ต้องเน้นเรื่องความคุ้มค่าให้มากขึ้น

7.ไม่ควรมั่นใจในการตลาดแบบ Brand loyalty

1

ภาพจาก https://www.freepik.com

สมัยก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของ COVID การใช้การตลาดแบบ Brand loyalty (ความภักดีต่อตราสินค้า) อาจใช้ได้ผล แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ลูกค้ากลุ่มนี้ก็หายไปด้วย เพราะก่อนมีการแพร่ระบาดผู้คนมักออกไปซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าทั่วไป ข้อจำกัดในการเปรียบเทียบราคาจึงมีไม่มากเพราะไม่สามารถเลือกสินค้าแบบเดียวกันโดยเปรียบเทียบราคาจากหลายๆร้านค้าได้แต่พอทุกคนหันมาลองใช้ระบบออนไลน์เราสามารถหาราคาสินค้าชนิดเดียวกันในหลายๆแพลตฟอร์ม ทำให้เกิดการเปรียบเทียบราคาได้ง่าย ความเป็น Brand loyalty จึงหายไปด้วย

การกลับมาอีกครั้งของการทำธุรกิจต้องอยู่ในวิถีแบบ Newnormal ที่หลายอย่างเปลี่ยนแปลงสิ้นเชิง การตลาดแบบเก่าไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พฤติกรรมผู้บริโภคหลังจากนี้ก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก การตลาดยุคใหม่จึงเป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจต้องศึกษาและก้าวตามให้ทัน รวมถึงต้องมีการวางแผนรับมือสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3kMGN5E , https://bit.ly/3B3o3Eo , https://bit.ly/2ZH69tB , https://bit.ly/3CW5XoI , https://bit.ly/3kNPKvf

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3BkPMk4

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด