ยุทธศาสตร์ 5 ประการของ Walt Disney สู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของโลกได้ราวกับมีเวทมนต์

การเริ่มต้นธุรกิจอาจเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าคือ ยุทธศาสตร์ เมื่อมีธุรกิจแล้วจะบริหารจัดการอย่างไรให้สามารถอยู่รอดปลอดภัยในกระแสการแข่งขันที่สูงเป็นอย่างยิ่ง

“Walt Disney” คือแบรนด์ที่เราคุ้นหูคุ้นตาแทบทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1923 ปัจจุบันกว่า 93 ปีแต่ชื่อของ “Walt Disney” กลับยังติดอันดับความเป็นแบรนด์ระดับโลกถึงขนาดก้าวมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกจากการจัดอันดับของ Cohn & Wolfe generated a ranking

ในฐานะที่เป็นแบรนด์ก่อตั้งมานานเกือบ 1 ศตวรรษ www.ThaiSMEsCenter.com มีความสนใจในแนวทางและหลักการบริหารจากรุ่นแรกมาถึงรุ่นปัจจุบัน

สิ่งที่ยึดมั่นเหมือนเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ทำให้ “Walt Disney” มั่นคงมาโดยตลอดคือยุทธศาสตร์ 5 ประการที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ควรดูเป็นตัวอย่างเพราะนี่คือธุรกิจที่ยืนหยัดระดับโลกได้นานแสนนานราวกับมีเวทมนต์ทีเดียว

ยุทธศาสตร์

ภาพจาก http://goo.gl/rnK16n

1.วอลต์ ดิสนีย์ มีหัวใจของผู้ประกอบการเต็มร้อย

ในขณะที่สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจยังไม่ดีนักแต่ Walt Disney กล้าลงทุนสร้างดิสนีย์แลนด์ และดิสนีย์เวิลด์แห่งแรกๆ ด้วยเงินส่วนตัวโดยไม่เกรงความล้มเหลว แต่ในขณะที่สวนสนุกทั้งสองนั้นกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก Walt Disney ตัดสินใจขายธุรกิจเหล่านั้นให้แก่บริษัทที่สนใจได้อย่างไม่เสียดาย

ซึ่งการได้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลนี้ ก็เอามาลงทุนในธุรกิจสำคัญต่อไป ด้านผู้บริหารกล่าวว่าเป็นการเอาเงินต่อเงินที่น่าสนใจเพราะ Walt Disney ไม่ใช่ธุรกิจสวนสนุกแต่เป็นธุรกิจบริการที่ต้องสร้างความสุขให้ทุกคนโดยไม่ได้จำกัดรูปแบบ

wa19

ภาพจาก http://goo.gl/Nxwxik

2. Walt Disney คืออัจฉริยะทางด้านเทคโนโลยี

ความสามารถของ Walt Disney ด้านเทคโนโลยีมีมากพอๆกับการเป็นสุดยอดนักเล่านิทานแบบปรัมปรา นี่คือการผสมผสานการเล่าเรื่องจากจินตนาการที่ผ่านเทคโนโลยีได้อย่างกลมกลืน

ทำให้ผู้ชมเกิดความประทับใจเหมือนเป็นการตราตรึงในความทรงจำตลอดกาล Walt Disney มีสารพัดวิธีในการสื่อสารกับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เช่น การทำให้สโนว์ไวท์เป็นแอนนิเมชั่นที่โลดแล่นบนจอภาพยนตร์ เป็นวาไรตี้โชว์บนจอทีวี เป็นตุ๊กตาเด็กเล่น หนังสือการ์ตูน เสื้อผ้า ตุ๊กตา เป็นต้น

wa20

ภาพจาก http://goo.gl/mahGiO

3.ความสามารถของผู้บริหารในยามที่เกิดปัญหารุมเร้า

ยกตัวอย่างในกรณีของ “Toy Story” ซึ่งเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกที่ผลิตจากคอมพิวเตอร์ (Computer-Animated Feature Film) ปรากฏสู่สายตาของผู้ชมทั่วโลก ถือเป็นวิกฤติของ Walt Disney ที่การ์ตูนหลักๆเกิดจากการวาดภาพ แต่ระดับซีอีโอของ Walt Disney เองกลับแปลงจุดด้อยนี้ให้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่แม้แต่คอมพิวเตอร์ก็ยังทำไม่ได้

นั้นคือความเป็นตัวตนของการ์ตูนที่มีมิติ มีความเป็นธรรมชาติ การตลาดของ Walt Disney ไม่แปรเปลี่ยนไปตามคู่แข่งแต่ยืนหยัดในจุดยืนที่มีสร้างกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กจำนวนมาก

แม้ภาพยนตร์ของ Walt Disney หลายเรื่องจะไม่ได้รับรางวัลระดับโลกเพราะถือว่านี่คือการ์ตูนสำหรับเด็กและเยาวชนแต่นั่นคือเป้าหมายหลักที่ทำให้เรื่องราวกลายเป็นที่จดจำของเด็กที่จะโตมาเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต เรียกว่ามองการณ์ไกลได้อย่างฉลาดมากที่สุด

wa26

ภาพจาก https://goo.gl/mMCchT

4.การตัดสินใจที่รวดเร็วของการบริหาร

หลายคนมองว่าปัญหาใหญ่ของ Walt Disney คือการถูกคุกคามจากเรื่องไอที รวมถึงเรื่องของกลุ่มเป้าหมายที่เน้นแต่เด็กและเยาวชน ทำให้บางช่วงเวลาเกิดปัญหาพอสมควร

สิ่งที่ซีอีโอของ Walt Disney ตัดสินใจทำแบบทันทีเพื่อหยุดปัญหาเหล่านี้ไม่ให้บานปลายนั้นคือการตัดสินใจซื้อกิจการของ Capital Cities/ ABC ทำให้ดิสนีย์เป็นเจ้าของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ ABC

ซึ่งเป็นธุรกิจที่สามารถส่งเสริมธุรกิจหลักของ Walt Disney และช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจได้มากมาย จนทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในช่วงระยะเวลาไม่นานนัก

wa22

ภาพจาก https://goo.gl/R0k0rg

5.การตัดสินใจเปิดธุรกิจแฟรนไชส์

ในยุทธศาสตร์ที่มีข้อนี้คือการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลได้อย่างชัดเจนที่สุดซีอีโอของ Walt Disney เชื่อมั่นว่าการเติบโตขององค์กรเกิดขึ้นจาก 2 ส่วนคือ ความคิดสร้างสรรค์ และ ตลาดต่างประเทศ

การปรับพอร์ตธุรกิจไปเน้นธุรกิจแฟรนไชส์ทำให้ Walt Disney มีส่วนแบ่งรายได้จากเสื้อยืดมิคกี้เม้าส์ในห้าง Dolce& Gabbana ที่จำหน่ายถึงตัวละ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ต่อยอดจากวงบอยแบนด์อย่าง The Jonas Brothers ซึ่งสามารถสร้างรายได้ทั้งในรูปของเพลงบนแผ่นซีดี และดิจิตอลดาวน์โหลด บัตรคอนเสิร์ตบนเวทีต่างๆ ที่มีฐานแฟนเพลงนับล้านคน

ในส่วนของประเทศไทยเอง Walt Disney ยังมีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนสูงกว่า 5 พันล้านบาท โดยผู้ประกอบการมักใช้ภาพการ์ตูนจาก Disney มาเป็นส่วนประกอบในการทำธุรกิจเช่นคอตโต้ที่ผลิตกระเบื้องคอลเลคชั่นมิคกี้เม้าส์ , เอสแอนด์พี ผลิตแฮมรูปมิคกี้เม้าส์และบรรจุในกล่องรูปมิคกี้เมาส์อีกเช่นกัน

ความสุดยอดของ Walt Disney ที่นอกจากที่มีธุรกิจทั้งเครือข่ายสื่อมวลชน สวนสนุกและรีสอร์ท ค่าลิขสิทธิ์สินค้าต่างๆทั่วโลก Walt Disney ยังติดอันดับทำเนียบฟอร์จูน 500 ในอันดับที่ 207 มียอดขายมากกว่า 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

wa25

ภาพจาก https://goo.gl/wukb6H

และนี่คือธุรกิจระดับโลกที่มีหลักการทั้ง 5 ข้อเป็นแกนให้ยึดปฏิบัติ สำหรับธุรกิจไทยเองทฤษฏีเหล่านี้ก็เอาไปปรับใช้ได้เพื่อที่สักวันแบรนด์ไทยอาจไปไกลระดับโลกก็เป็นได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://goo.gl/RRGPNS , https://goo.gl/tQTQEV

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด