ยอดขายของ Uniqlo ดีแค่ไหน!

UNIQLO เป็น แบรนด์เสื้อผ้า ยอดฮิตจากประเทศญี่ปุ่นก่อตั้งโดย มร.ทาดาชิ ยาไน มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ในระดับโลก UNIQLO เองก็เป็นแบรนด์ขายดีมีกำไรติด 1 ใน 10

เช่นกัน UNIQLO มีคู่แข่งสำคัญทั้ง Nike , ZARA , H&M , Louis Vuitton , Adidas ซึ่งในปี 2017 ที่ผ่านมา Brand Finance ได้จัดอันดับให้ UNIQLO มีมูลค่าในตลาดเป็นอันดับที่ 6 ด้วยมูลค่าแบรนด์ 10,169 ล้านบาท

ความน่าสนใจของ UNIQLO คือเป็นแบรนด์ของเอเชียแต่สามารถตีตลาดต่างประเทศได้อย่างน่าสนใจซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มองว่า UNIQLO มีจุดเด่นในตัวเองที่คนทำธุรกิจน่าเอามาเป็นแบบอย่างได้โดยหากพิจารณาเฉพาะเทรนด์แต่งกายแบบไม่ใช่เสื้อผ้ากีฬา UNIQLO ก็น่าจะติดอันดับมาเป็น 1 ใน 3 ของโลกได้สบายๆ

แบรนด์เสื้อผ้า

ภาพจาก goo.gl/vjuBmf

โดยทางบริษัทนอกจากแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง UNIQLO ก็ยังมีแบรนด์อย่าง GU , JBRAND และ Theory ที่โด่งดังไม่แพ้กัน UNIQLO เข้ามาในประเทศไทยโดยร่วมทุนกับบริษัท Mitsubishi Shoji และได้เปิดสาขาแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายนปี 2011 หลังจากนั้นก็เดินหน้าขยายเครือข่ายสาขาอย่างรวดเร็ว จนในปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 30 แห่ง

หากพูดถึงการขยายสาขาต่างประเทศของ UNIQLO หลังจากเปิดสาขาแรกในประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มกระจายสาขาไปที่ประเทศจีนและถึงตอนนี้ก็มีสาขาในต่างประเทศกว่า 958 สาขา แบ่งเป็นในจีนแผ่นดินใหญ่ 560 สาขา, เกาหลีใต้ 173 สาขา, เอเชียตะวันออกเชียงใต้ กับโซนโอเชียเนีย 144 สาขา, ในพื้นที่ยุโรป 36 สาขา และในสหรัฐอเมริกา 45 สาขา

ไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมานั้นยอดขายจากต่างประเทศปิดที่ 2.58 แสนล้านเยน (ราว 74,100 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 31% และเป็นครั้งแรกที่ยอดขายในต่างประเทศมากกว่าในญี่ปุนที่เติบโต 8%

y2

ภาพจาก goo.gl/Vvd1Yn

เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 2.57 แสนล้านเยน ผ่านการมีสาขามากกว่า 837 แห่ง แม้ยอดขายในประเทศจะได้อานิสงส์จากความหนาว ทำให้สินค้ากลุ่ม Heattech และ Ultra Light Down ขายดีมาก จนยอดขายจากร้านเดียวกันเติบโต 8%

นอกจากนี้ตัวช่องทางออนไลน์ในประเทศก็เติบโต 26% เช่นกัน แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ยอดขายในประเทศญี่ปุ่นมากกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่ไปทำตลาด เพราะที่อื่นก็เกิดเหตุการณ์นี้เช่นกัน ยกเว้นในสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่สู้ดีนัก และบริษัทพยายามพลิกตลาดให้กลับมากำไรอีกครั้งหนึ่ง

y3

ภาพจาก goo.gl/n4gKNP

หากมองในด้านกลยุทธ์การตลาดที่นำมาใช้แข่งขันนั้น UNIQLO ถือว่าหาเอกลักษณ์ในตัวเองและนำมาเป็นจุดขายได้อย่างดี เพราะในขณะที่ ZARA เน้นนำเทรนด์แฟชั่นดังมาผลิตในแบบตัวเองและออกขายอย่างรวดเร็ว

H&M ก็ใช้กลยุทธ์เน้นการขายสินค้าหลากหลายประเภทครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ส่วน UNIQLO จะไม่ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นที่เกาะกระแสตามเทรนด์ แต่ เน้นเสื้อผ้าที่มีความเรียบง่าย และให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ที่สำคัญคือเน้นเรื่องมาตรฐานการผลิตแบบญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของวัตถุดิบในการผลิต หรือเทคโนโลยี เน้นราคาที่สมเหตุสมผล คุ้มค่าแก่ลูกค้า

y4

ภาพจาก goo.gl/fSGzKQ

ภาพรวมตลอดปี2017ที่ผ่านมาทั้ง H&M และ ZARA ถือว่าชนะ UNIQLO ในด้านรายได้ รายได้ของ H&M นั้นกว่า 800,000 ล้านบาท ส่วน ZARA ก็ได้ไม่น้อยกว่า 920,000 บาท ในขณะที่ UNIQLO มีรายได้รวมประมาณ 575,000 ล้านบาท

แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับว่า UNIQLO สามารถผลักดันแบรนด์ตัวเองให้ติดลมบนกลายเป็นแบรนด์ยอดฮิตในตลาดโลกแม้แต่คนไทยเองก็ยังให้ความนิยม ส่วนหนึ่งเพราะมาจากบริการที่ดีและสินค้าที่มีคุณภาพตามสไตล์ทำธุรกิจแบบญี่ปุ่น ซึ่งก็ต้องมาดูกันต่อในปีนี้ว่า UNIQLO จะดำเนินการตลาดแบบไหนเพื่อสู้กับคู่แข่งในปี 2018 นี้

ขอบคุณข้อมูล goo.gl/HL9W4R

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช