พลัง การตลาด แบบ บอกต่อ ของ SMEs งบน้อย

ภาวะเศรษฐกิจ การตลาด ที่หลายคนกำลังอยู่ในช่วงกินไม่เข้าคายไม่ออก ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจต่างต้องพยายามหาวิธีการที่จะลดต้นทุนรวมถึงภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ

โดยเฉพาะการทุ่มเงินจำนวนมากไปกับการทำตลาดที่อาจจะเป็นของแสลงไปแล้วสำหรับธุรกิจ SMEs แต่วิธีการทำการตลาดแบบไหนที่จะเหมาะกับ SMEs และสามารถสร้างพลังให้กับธุรกิจ SMEs ให้สามารถรักษายอดขาย หรือไม่ก็เพิ่มยอดขายได้ในช่วงสถานการณ์กำลังรัดเข็มขัด

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com ขอนำเสนอกลยุทธ์การทำการตลาดแบบดั้งเดิม แต่มีพลังมหาศาล ไม่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก คือ “การตลาดบอกปากต่อปาก” หรือที่นักการตลาดเรียกกันว่า Word of Mouth Marketing มาฝากท่านผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ที่ต้องการมองหาทางลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ครับ

ทำไมต้องการตลาด “บอกปากต่อปาก”

การตลาด

ภาพจาก http://goo.gl/Dtikiv

เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ไม่ให้ความสำคัญและไว้ใจในตัวโฆษณาเหมือนเดิม อีกทั้งการตลาดแบบบอกปากต่อปากเหมาะกับธุรกิจ SMEs ที่ไม่มีเงินทุนจำนวนมากสำหรับการทำการตลาด โฆษณา และประชาสัมพันธ์

ประการสำคัญการตลาดแบบปากต่อปากเป็นรูปแบบการทำตลาดที่มีการใช้กันมาอย่างยาวนาน ประเทศสหรัฐฯ ก็นิยมใช้กัน และประสบความสำเร็จมามากต่อมาก เพราะหากคุณมีสินค้าและการบริการดีมีคุณภาพ สร้างความแตกต่างในตลาด สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ ผู้บริโภคเหล่านั้นจะเป็นผู้ที่ทำการตลาดและบอกต่อกันเอง ขยายเป็นวงกว้าง

โดยนักการตลาดส่วนใหญ่มักนำกลยุทธ์การตลาดปากต่อปากมาใช้งาน เมื่อต้องการสร้างกระแสให้กับสินค้าและการบริการของตัวเอง เพื่อเพิ่มยอดขายและให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ใช้เงินลงทุนต่ำ แถมแพร่กระจายได้รวดเร็ว

ยิ่งในยุคปัจจุบันวิธีการสื่อสารของผู้บริโภคส่วนใหญ่ใช้สื่อออนไลน์ ทางโซเชียลมีเดียต่างๆ อาทิ Facebook, Line, Twitter, Youtube เป็นต้น

หากคุณเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปากแบบดั้งเดิมเชื่อมต่อโซเชียลมีเดียต่างๆ จะถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก สามารถสร้างกระแสในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิตอลนิยม กดไลค์ กดแชร์ และบอกต่อเป็นกันเป็นทอดๆ อยู่แล้ว

aq2

วิธีการกระตุ้นให้แบรนด์ถูก “บอกต่อ”

การดำเนินธุรกิจทุกประเภทย่อมได้รับผลกระทบจากกระแสการบอกต่อในหมู่ผู้บริโภคไม่มากก็น้อยครับ หลายๆ ธุรกิจ SMEs ได้รับผลดีจากการบอกต่อ และก็มีอีกหลายธุรกิจที่ได้รับผลลบจากการบอกต่อของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน

นักการตลาดที่จะใช้การสื่อสารแบบบอกต่อเป็นเครื่องมือทางการตลาด จะต้องกำหนดวิธีการที่จะกระตุ้นให้เกิดกระแสข่าวบอกต่อในหมู่ผู้บริโภค โดยเริ่มต้นกระตุ้นไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เป็นต้นตอกระจายข่าวต่อๆ ไป และคาดหวังได้ว่าข่าวสารที่บุคลเหล่านั้นจะแพร่กระจายออกไป จะเป็นไปในแนวทางที่ต้องการ ซึ่งวิธีการกระตุ้นการบอกต่อมีดังนี้

aq3

1.กำหนดกลุ่มผู้บริโภคทรงอิทธิพล

เมื่อได้กลุ่มเป้าหมายที่คิดว่าจะเป็นต้นตอกระจายข่าวสารออกไปแล้ว จะต้องทุ่มเทกิจกรรมทางการตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้

เพราะผู้บริโภคบางคนจะมีลักษณะเป็นผู้นำในสายตาผู้บริโภครายอื่นๆ มักจะเป็นผู้ที่ยอมรับผลิตภัณฑ์หรือการบริการใหม่ๆ ได้รวดเร็วกว่าคนอื่น อาจเป็นเพราะมีความรู้ มีอำนาจการซื้อสูง หรือเป็นผู้มีใจเปิดกว้างต่อการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ดังนั้น หากสามารถเข้าถึงคนกลุ่มนี้ และกระตุ้นให้ยอมรับในตัวผลิตภัณฑ์และบริการได้ ก็จะทำให้คนกลุ่มนี้เป็นต้นแบบที่ทรงอิทธิพลในการบอกต่อไปยังผู้บริโภคกลุ่มอื่นๆ ให้เกิดความสนใจและซื้อสินค้า
aq4

2.หาผู้นำให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์

นักการตลาดอาจจะเฟ้นหาผู้บริโภคที่มีความเหมาะสม และกระตุ้นให้มีความรู้ความเข้าใจ คุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ สร้างความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ด้วยการให้ทดลองใช้จริง จนสามารถกลายเป็นผู้นำทางความคิดที่ดีได้

ตอนแรกอาจจะไม่รู้จักผลิตภัณฑ์นั้นๆ เลย แต่พอได้ทดลองใช้ กลับกลายเป็นหลงใหลและชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ทันที นำไปสู่การการบอกต่อคนอื่น ซึ่งธุรกิจประเภทสินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจบริการ

aq5

3.จัดกิจกรรมการตลาดผ่านผู้นำชุมชน

ไม่ว่าจะเป็น นักจัดรายการวิทยุ สื่อมวลชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานกลุ่มแม่บ้าน เป็นต้น เพราะคนกลุ่มนี้จะเป็นแกนกลางในการติดต่อสื่อสารกันภายในกลุ่ม หรือชุมชนตนสังกัดอยู่

ดังนั้น โอกาสที่คนกลุ่มนี้จะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ตนเองชอบไปยังคนอื่นๆ ในชุมชนก็ง่ายขึ้น ซึ่งวิธีการง่ายๆ ถ้าเป็นบริษัทรถยนต์อาจจะจัดกิจกรรมให้ผู้นำแต่ละกลุ่ม

หรือสมาชิกภายในกลุ่มได้ทดลองขับรถฟรีภายใน 1 วัน หรือบริษัทผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว อาจจัดกิจกรรมเชิญกลุ่มแม่บ้านเข้าร่วมแข่งขันการทำอาหาร โดยให้ทดลองใช้อุปกรณ์จริงๆ ถ้าหยิบจับใช้งานคล่องก็จะเกิดการบอกต่อ

aq6

4.จัดโปรโมชั่นให้ลูกค้าบอกต่อระหว่างบุคคล

ถือเป็นวิธีการกระตุ้นการบอกต่อด้วยการจัดโปรโมชั่นให้เฉพาะคนที่เป็นลูกค้า หรือไม่ก็ขอความสนับสนุนจากลูกค้าให้เป็นผู้ช่วยในการแนะนำผลิตภัณฑ์หรือการบริการไปยังกลุ่มเพื่อนๆ หรือผู้บริโภคกลุ่มอื่นๆ ที่รู้จัก

เพื่อเป็นการเพิ่มเครือข่ายของกลุ่มลูกค้าให้กว้างมากขึ้น หรือไม่ก็ให้ลูกค้าแนะนำลูกค้าอื่นมาซื้อสินค้าและบริการเพิ่มอีก 2 คน ก็จะรับส่วนลด รางวัล หรือผลตอบแทนอื่นๆ
aq7

5.นำเสนอโฆษณาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีประเด็นน่าสนใจลงบน Social Network

นับว่าเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้เกิดการกระจายข่าวสารบอกต่ออย่างแพร่หลายในชุมชนอินเทอร์เน็ต ช่องทางนี้นักการตลาดต้องทำการวางแผนอย่างรอบคอบ เพราะการบอกต่อในโลกอินเทอร์เน็ตสามารถส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์และบริการทั้งในด้านดีและด้านลบ

ดังนั้น ควรที่นำเสนอเนื้อหาที่เป็นความจริง พิสูจน์ได้ ไม่หลอกลวงผู้บริโภค ตรงไปตรงมา ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เข้าใจง่าย เพราะถ้าผู้บริโภคไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร ก็อาจทำให้ไม่เกิดการบอกต่อก็ได้

เห็นได้ว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้การสื่อสารแบบบอกต่อมีประสิทธิภาพสูงสุด อยู่ที่การสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายที่ไว้วางใจ เพราะเป็นกลุ่มบุคคลที่คุณรู้จัก คุ้นเคย ชื่นชอบ หรือมีความเชื่อถือ

แต่คุณจะต้องมีเจตนาที่ดี และนำเสนอข้อเท็จจริง ถือเป็นพื้นฐานในการทำตลาดแบบปากต่อปากระหว่างผู้บริโภค จะช่วยให้สามารถแพร่ข่าวสารออกไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ด้วยข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ SMEs ได้รับคามเชื่อถือวางใจจากผู้บริโภค และมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของสังคม ซึ่งจะทำให้ธุรกิจดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช