“ พร้อมเพย์ ” ช่วย SMEs ไทย อย่างไร?
บริการ พร้อมเพย์ (PromptPay) หรือเดิมใช้ชื่อว่า เอนี่ ไอดี (Any ID) เป็นการให้บริการโอนเงินและรับเงิน ระหว่างบุคคลและภาคธุรกิจรูปแบบใหม่ โดยไม่ต้องใช้เลขที่บัญชีธนาคาร ใช้เพียงแค่หมายเลขโทรศัพท์มือถือ เลขบัตรประจำตัวประชาชน โดยผู้ที่สนใจสามารถเลือกผูกบัญชีเงินฝากกับธนาคารที่ต้องการใช้เป็นบัญชีในการรับเงิน
บริการพร้อมเพย์ ถือเป็น 1 ใน 5 โครงการของ “แผนยุทธ์ศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ” (National e-Payment) โดยจะช่วยให้ระบบการชำระเงินของประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น การจ่ายเงินระหว่างภาครัฐและประชาชนสะดวกสบายง่ายขึ้น รวมถึงการโอนเงินระหว่างประชาชนด้วยกัน หรือระหว่างประชาชนกับภาคธุรกิจมีความปลอดภัยมากขึ้น
วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com ขอนำเสนอข้อมูลและรูปแบบของการบริการพร้อมเพย์ รวมถึงประโยชน์ที่ประชาชนและภาคธุรกิจจะได้รับจากบริการพร้อมเพย์ มาดูกันเลยครับ
เริ่มใช้บริการพร้อมเพย์อย่างไร
ภาพจาก scb.co.th
สิ่งแรกที่ผู้ใช้บริการหรือผู้ประกอบการร้านค้าต้องทำ คือเลือกบัญชีเงินฝากที่ต้องการจะใช้เป็นบัญชีหลักในการรับเงินหลัก โดยต้องเตรียมเอกสาร 3 อย่างเพื่อประกอบการลงทะเบียน
- สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีเงินฝากธนาคาร
- บัตรประจำตัวประชาชน และ
- โทรศัพท์มือถือที่ท่านต้องการลงทะเบียน หลังจากนั้นจึงไปแจ้งลงทะเบียนกับธนาคาร
โดยสามารถใช้ช่องทางบริการ เช่น ATM, Internet Banking หรือ Mobile Banking หรือไปที่สาขาธนาคารเจ้าของบัญชีที่สะดวกก็ได้ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 และใช้บริการได้จริงเดือนตุลาคม 2559
หัวใจสำคัญของบริการพร้อมเพย์ คือ บริการที่จะทำให้ใครๆ ก็สามารถโอนเงินมาให้เราก็ได้ โดยไม่ต้องถามเลขที่บัญชีเงินฝากธนาคาร ช่วยเพิ่มความสะดวกด้วยการจัดให้มีระบบข้อมูลกลาง หรือ “ถังข้อมูล”
เชื่อมเลขบัญชีเงินของทุกธนาคาร, หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และเลขประจำตัวประชาชนไว้ด้วยกัน และต่อไปหากจะโอนเงินให้ใครจะสามารถใช้ 2 หมายเลขนี้ในการอ้างอิงแทนได้ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผู้รับเงินจะใช้บัญชีเงินฝากของธนาคารใด
ประโยชน์ของบริการพร้อมเพย์ ต่อ ภาคธุรกิจ
ภาพจาก www.kasikornbank.com
1.การโอนเงิน-รับโอนเงิน มีความสะดวกสบายมากขึ้น
ประโยชน์ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด คือ ผู้ใช้บริการไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือเจ้าของร้านค้า รวมถึงประชาชน จะมีความสะดวกขึ้นมาก สามารถโอนเงินให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงได้โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่เรามักจะจำได้หรือบันทึกไว้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ในส่วนของการรับเงินจากภาครัฐ เช่น เงินสวัสดิการ เงินช่วยเหลือ เงินคืนภาษี ก็จะสามารถรับตรงเข้าบัญชีได้ด้วยเลขประจำตัวประชาชนที่ผูกไว้กับบัญชีเงินฝากธนาคาร และที่สำคัญประชาชนมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน สามารถเปลี่ยนแปลงยกเลิกการผูกบัญชีได้ง่าย และสามารถเลือกใช้บริการได้อย่างอิสระ
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน เช่น กรณีจ่ายเงินค่าซื้อสินค้า ถ้าเจ้าของร้านค้าเปิดใช้บริการพร้อมเพย์ ลูกค้าไม่มีเงินสดในตอนนั้น ก็สามารถที่จะโอนเงินด้วยบริการพร้อมเพย์ให้กับเจ้าของร้านได้ หรือถ้าคุณนั่งแท็กซี่ บางครั้งอาจจะไม่มีเงินสดติดตัว แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายลงทะเบียนในระบบ ก็สามารถชำระเงินผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือได้
2.ช่วยลดการใช้เงินสด และไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก
จะเห็นได้ว่าบริการพร้อมเพย์ จะช่วยลดการใช้เงินสด ไม่ต้องพกเงินสดในการซื้อของทั้งลูกค้าและเจ้าของร้านค้า หรือทำธุรกรรมทางการเงินกับทางธนาคาร ตรงนี้จะเพิ่มความรวดเร็ว ถูกต้อง และสามารถตรวจสอบรายการย้อนหลังได้
ถ้าประชาชนและเจ้าของธุรกิจร้านค้าปรับเปลี่ยนมาใช้ e-Payment ในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จะมีส่วนช่วยลดต้นทุนของระบบการชำระเงินโดยรวม และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศได้ด้วย
3.เสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงินถูกลง
ภาพจาก krungsri.com
ปกติการโอนเงินต่างธนาคารระหว่างบุคคลจะเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 25-30 บาทต่อครั้ง แต่การโอนเงินในระบบพร้อมเพย์ระหว่างบุคคลด้วยกัน จะไม่เก็บค่าธรรมเนียมหรือฟรีค่าธรรมเนียมใน 5,000 บาทแรก, 5,000-30,000 บาท
เก็บค่าธรรมเนียมน้อยกว่า 2 บาทต่อรายการ, 30,000-100,000 บาท เก็บน้อยกว่า 5 บาทต่อรายการ, 100,000 บาทขึ้นไปตามแต่ละธนาคาร จะเก็บน้อยกว่า 10 บาทต่อรายการ ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้บริการมีเงินเหลือในบัญชีมากขึ้น
4.ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ
เป็นที่ทราบกันดีว่า การทำธุรกรรมด้วยเงินสด จะมีค่าใช้จ่ายในด้านการขนส่ง รถติด จราจรติดขัด สถาบันการเงินต้องเพิ่มจำนวนบุคลากร และค่าน้ำมันจากการขนส่ง โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ต้องเดินทางออกไปจับจ่ายใช้สอยหรือซื้อสินค้าเอง รวมถึงให้คนไปส่งเช็ค-รับเช็ค ล้วนเสียค่าใช้จ่ายเป็นเป็นต้นทุนการทำธุรกิจทั้งนั้น
ดังนั้น หากคุณไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าจากบริการรูปแบบใหม่ ควรหันมาใช้บริการพร้อมเพย์ เพื่อช่วยลดต้นทุนของระบบเศรษฐกิจ เพราะในอนาคตอาจจะต้องมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมเงินสดที่มีต้นทุนแพงขึ้นแน่นอน
“พร้อมเพย์” จะช่วยลดพฤติกรรมการใช้เงินสดของประชาชนและภาคธุรกิจ ช่วยลดต้นทุนแบงก์ลงเพราะไม่ต้องใช้คนตามแบงก์สาขา ส่วนประชาชนก็ได้ประโยชน์จากการโอนเงิน-รับเงินที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นในอัตราค่าธรรมเนียมที่ถูกลง
ดังนั้น การทำธุรกรรมการเงินในระยะต่อไปจะต้องสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนโครงสร้างเศรษฐกิจยุคดิจิตอล