ปลูกมะกรูด รายได้ครึ่งแสน

หัวหอม ตะไคร้ มะกรูด มะนาว หลายคนมองว่าก็แค่เครื่องแกงที่เห็นอยู่คู่กับครัวไทยมานาน บางทีนานจนเราเคยชินและมองไม่เห็นคุณค่า ทั้งที่จริงพืชเหล่านี้สามารถใช้สร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นอย่างดี โดยเฉพาะมะกรูด ที่ปลูกขายได้ทั้ง “ลูก” “ใบ” และ “กิ่ง” เป็นรายได้ให้กับเกษตรกรปีละหลายแสนบาท

แม้จะไม่ถึงกับเป็นพืชเศรษฐกิจแต่ก็พลิกชีวิตให้กับคนที่สนใจปลูกจริง ทำจริง ให้กลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ www.ThaiSMEsCenter.com รวบรวมเอาเรื่องของมะกรูดที่น่าสนใจทั้งเทคนิคการปลูก วิธีการปลูก ราคาการขาย เป็นข้อมูลให้คนที่สนใจได้ลองศึกษา

ลักษณะของมะกรูด

28

ภาพจาก bit.ly/2O5hACY

มะกรูดเป็นพืชตระกูลส้ม มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สรรพคุณของมะกรูดใช้ได้ดีทั้งใบ ผิว โดยลูกมะกรูดใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารที่นิยมในหลายประเทศเช่น ไทย ลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม เป็นต้น

มะกรูดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีใบคล้าย 2 ใบต่อกันอยู่ ใบแก่จะมีกลิ่นหอมเพราะมีต่อมน้ำมันที่เรียกว่า Hesperitium ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับส้ม ส่วนผลจะมีสีเขียวเข้มคล้ายมะนาว ผิวเปลือกขรุขระ เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมาก นิยมขยายพันธุ์ด้วยการใช้กิ่งตอน

และเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นเราจะขอแยกวิธีการปลูกมะกรูดออกเป็น 2 เทคนิคคือการปลูกเพื่อตัดใบ กับการปลูกเพื่อใช้ “ผล” ซึ่งจะมีวิธีการดังนี้

วิธีปลูกมะกรูดเพื่อตัดใบเชิงการค้า

27

ภาพจาก 1th.me/IPraw

1.พื้นที่

สภาพพื้นที่ต้องมีการระบายน้ำดี น้ำไม่ท่วมขัง มีระดับ pH 5.5-7.0 ดินมีอินทรียวัตถุสูง หรือปรับแต่งได้ด้วยการใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยพืชสดได้ ควรมีการไถพรวนก่อนเพื่อช่วยไม่ให้ดินแน่นแข็งเกินไป

2.การเตรียมแปลงปลูกและระยะปลูก

เนื่องจากระยะปลูกมีความสัมพันธ์กับการเตรียมแปลงและจำนวนต้นปลูก ความกว้างของแปลง 1 เมตร ยกระดับความสูงของแปลง ประมาณ 20-25 เซนติเมตร ความห่างระหว่างจุดกึ่งกลางของแปลง 1.5 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ปลูกแบบสลับฟันปลา การใช้ระยะปลูกที่ห่างกว่านี้ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากการผลิตใบมะกรูดต้องอาศัยกรรมวิธีในการตัดแต่ง ซึ่งเท่ากับเป็นการควบคุมขนาดพุ่มต้นพร้อมกันด้วย

26

ภาพจาก bit.ly/35lldKP

3.กิ่งพันธุ์

สามารถใช้ต้นพันธุ์ที่ขยายพันธุ์จากการเพาะเมล็ด กิ่งปักชำ หรือกิ่งตอนก็ได้ กิ่งที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีการเติบโตที่ช้ากว่าในช่วงระยะแรก อย่างไรก็ตาม ต้นพันธุ์ที่จะนำมาใช้ปลูกจะต้องปลอดจากโรคแคงเกอร์ส้ม ซึ่งโรคนี้เป็นสาเหตุของข้อจำกัดหลักที่ทำให้ไม่สามารถส่งใบมะกรูดไปยังกลุ่มประเทศของสหภาพยุโรปและอีกหลายประเทศได้ หากแพร่ระบาดเข้าไปในแปลงปลูกแล้ว ก็ยากที่จะกำจัดได้

ดังนั้น จึงควรป้องกันมิให้โรคนี้เข้าไปตั้งแต่เริ่มแรกกับต้นพันธุ์ที่ใช้ปลูก โดยใช้วิธีการคัดเลือกกิ่ง และตัดแต่งกิ่ง/ใบ ส่วนที่เป็นโรคออกแล้วนำไปเผาไฟ จากนั้นนำไปแช่ในสารปฏิชีวนะ สเตรปโตมัยซิน ความเข้มข้น 500 ppm เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก่อนนำไปปลูก

4.อายุที่เริ่มให้ผลผลิต

สามารถเริ่มตัดแต่งกิ่งเพื่อจำหน่ายได้หลังจากปลูกประมาณ 4-6 เดือน หากมีการดูแลรักษาที่ดีแล้ว ก็จะสามารถอยู่ได้หลายปี

ต้นทุนในการปลูกมะกรูด “เพื่อตัดใบ”

ปัจจุบัน มีเกษตรกรปลูกมะกรูดในระบบชิด คือใช้ระยะปลูก 2×2 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 400 ต้น ราคากิ่งพันธุ์มะกรูดเสียบยอด ราคาต้นละ 25 บาท พื้นที่ 1 ไร่ คิดเป็นค่ากิ่งพันธุ์ 10,000 บาท เมื่อคิดรวมค่าปุ๋ย ค่าสารปราบศัตรูพืช ค่าระบบน้ำ และค่าจัดการอื่นๆ อีกประมาณไร่ละ 5,000 บาท

รวมเป็นเงินลงทุนในปีแรกประมาณ 15,000 บาท ต่อไร่ ต้นมะกรูดจะเริ่มตัดใบขายได้ในเชิงพาณิชย์เมื่อต้นมีอายุเข้าปีที่ 3 และจะตัดขายได้ปีละ 4 รุ่น ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น ต้นมะกรูดที่มีการดูแลรักษาที่ดีพอประมาณจะมีอายุได้ยืนยาวกว่า 10 ปี

เทคนิคการผลิตผลมะกรูดเชิงการค้า

25

ภาพจาก www.facebook.com/Hormmakrud/

การผลิตผลมะกรูดนั้นจำเป็นต้องใช้หลักการในด้านสรีรวิทยาของการออกดอก จึงมีผลตรงข้ามกับการผลิตใบโดยสิ้นเชิง มีขั้นตอนที่ควรปฏิบัติในหลายส่วนที่ใกล้เคียงกัน เช่น การเตรียมพื้นที่ ต้นพันธุ์ และระบบน้ำ เป็นต้น สำหรับส่วนที่ต่างกันนั้นมีด้านต่างๆ ดังนี้

1.ระยะปลูก

ระยะห่างระหว่างต้นต้องไม่น้อยกว่า 1 เมตร ในแถวเดี่ยว โดยอาจใช้ระยะ 1×1.5 เมตร (ปลูกได้ 1,067 ต้น ต่อไร่) หรือระยะ 1.5×2 เมตร (ปลูกได้ 533 ต้น ต่อไร่) กิ่งที่ตัดแต่งออกอาจใช้เพื่อการผลิตใบได้บ้าง เหตุผลที่ต้องใช้ระยะปลูกที่ห่างกว่า เพราะกิ่งที่จะออกดอกได้ดีต้องเป็นกิ่งในแนวมุมกว้าง หรือเกือบขนานกับพื้น

2.การบังคับการออกดอก

หากปลูกให้ออกดอกตามธรรมชาติแล้ว ก็จะได้ดอกในช่วงฤดูหนาว อายุผลยังไม่ทราบแน่นอน แต่คาดว่าจะใกล้เคียงกับมะนาว คือจากดอกบานถึงเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 4 เดือนครึ่ง อย่างไรก็ตาม จากผลการทดลองใช้สารชะลอการเจริญเติบโตพาโคลบิวทราโซล ร่วมกับการตัดปลายยอดพบว่าสามารถชักนำให้ต้นมะกรูดมีการออกดอกได้ดีมาก โดยต้นมะกรูดเริ่มออกดอกภายหลังการตัดยอด ประมาณ 90 วัน และมีดอกมากที่สุดในช่วงระหว่าง 100-120 วัน

รายได้เกษตกรผู้ปลูกมะกรูด

24

ภาพจาก bit.ly/2O5hACY

เกษตรกรที่ปลูกมะกรูดจะมีรายได้เฉลี่ย ประมาณ 200-300 บาท ต่อต้น ต้นมะกรูดยิ่งอายุมาก ต้นยิ่งโตใหญ่ ยิ่งมีโอกาสขายทำเงินได้มากขึ้น ทั้งขายใบทั้งขายลูก หากขายเป็นกิ่งพันธุ์ ราคาขายไม่ต่ำกว่า 10 บาท หากเป็นกิ่งสวยๆ ขนาดประมาณ 10-15 เซนติเมตร จะขายได้กิ่งละ 15 บาท ส่วนใบมะกรูดขายได้ที่ กิโลกรัมละ 15 บาท ราคาก็ปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นกิโลกรัมละ 20 บาท จนถึงกิโลกรัมละ 35 บาท

โดยทั่วไปเกษตรกรสามารถขายใบมะกรูดได้ในราคา 25 บาท ต่อกิโลกรัม ประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนกรกฎาคม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ราคาซื้อขายใบมะกรูดจะยืนราคาสูงที่ กิโลกรัมละ 25-35 บาท ส่วนผลมะกรูดในช่วงฤดูฝน จะขายได้ในราคาประมาณ ร้อยละ 80-90 บาท

ทั้งนี้มีเกษตรกรหลายรายที่ปลูกมะกรูดสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ สำคัญคือการหาตลาดเพื่อรองรับสินค้า และคุณภาพในการผลิต และหากต่อยอดผลิตภัณฑ์ไม่ใช่แค่ขายผล ขายใบ ขายกิ่ง แต่หากทำเป็นสินค้าจากมะกรูดก็จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งผู้สนใจสามารถหาแหล่งข้อมูลและแหล่งเรียนรู้ได้จากหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีเปิดสอนในเรื่องเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/37zRJe6

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3kEbbfx

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด