ธุรกิจถุงเท้า ของใช้ที่คนยิ่งทิ้ง คนขายยิ่งรวย สร้างรายได้ 400 ล้านบาท

การเริ่มต้นธุรกิจหลายคนมองแต่ภาพรวมใหญ่ๆ มองแต่สินค้าที่คนทั่วไปพูดถึง เช่น อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า เป็นต้น แต่ถ้าบอกว่า “เราจะขายถุงเท้า” คนส่วนมากน่าจะบอกว่า “เราคิดผิด” เพราะไม่เชื่อว่า “ถุงเท้า” จะสร้างรายได้ที่ดีนัก

แต่ในความเป็นจริง ถุงเท้ามีจำนวนการใช้ที่เยอะมากตัวเลขประมาณการคือ 10-12 คู่/คน/ปี เพราะว่าถุงเท้าถือเป็นสินค้าแฟชั่นแบบหนึ่ง ที่มักจะมีการใช้โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน คนออกกำลังกาย ต่างๆ เป็นต้น

แถมถุงเท้าในกลุ่มลูกค้าสตรียังเป็นสินค้าที่เลือกให้เข้าคู่กับรองเท้าได้อีกด้วย ในประเทศไทยก็มีผู้ผลิตถุงเท้าอยู่หลายยี่ห้อ และที่น่าแปลกคือบริษัทเหล่านี้มักมีประวัติมายาวนาน

ซึ่ง www.ThaiSMEsenter.com มองว่าถุงเท้าเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ขายดีเพราะมีการใช้แล้วทิ้ง เปลี่ยนแปลงบ่อย เข้าทางผู้ผลิตที่คนยิ่งทิ้ง ก็ยิ่งขายดีมากขึ้น

รายได้ดีแค่ไหนในอุตสาหกรรม “ถุงเท้า”

ธุรกิจถุงเท้า

ภาพจาก facebook.com/CarsonCollectionTH

ถุงเท้าในเมืองไทยมีมีหลายแบรนด์ แต่ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง คงต้องพูดถึง Carson ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน ธุรกิจของ Carson ก่อตั้งเริ่มตั้งแต่ปี 2516 โดยคุณสุพจน์ ศรีโรจนันท์ ที่ยุคนั้น เป็นช่วงที่อุตสาหกรรมสิ่งทอในประเทศไทยกำลังเฟื่องฟู ใช้ชื่อบริษัทในขณะนั้นว่า สหไทยพัฒนภัณฑ์ โดยเริ่มต้นใช้กรรมวิธีการทอที่มีคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น ที่เน้นสินค้าให้มีความยืดหยุ่น มีรูปทรงที่แข็งแรงไม่ย้วยง่าย กลายมาเป็นสโลแกนติดปากทุกวันนี้ว่า Carson ฟอร์มดีไม่มีย้วย

เหตุผลที่ธุรกิจถุงเท้ายังปรับตัวให้อยู่รอดได้ทุกยุคสมัยแม้สังคมจะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงแค่ไหนก็ตาม คือการปรับสินค้าให้ถูกใจลูกค้าต่อเนื่อง มีสินค้าให้เลือกหลายแบบ ทั้งถุงเท้าเด็กในวัยต่างๆ ถุงเท้านักเรียน ถุงเท้าทำงาน รวมถึงนวัตกรรมที่ใช้ในการผลิตถุงเท้าที่ดียิ่งขึ้นแช่น ผลิตถุงเท้าด้วยเส้นใยแอนตี้แบคทีเรีย เพื่อลดกลิ่นอับชื้น เมื่อต้องใส่ถุงเท้าเป็นเวลานาน เป็นต้น หรือการเพิ่มลวดลายการ์ตูน หรือสีสันลงในถุงเท้าเพื่อให้ดูมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น เพื่อจะเลือกใส่สู่กับชุดไหนอย่างไรก็ได้

รายได้ของการขายถุงเท้าอย่างแบรนด์ Carson ก็ถือว่าไม่ธรรมดาประมาณ 455 ล้านบาทต่อปี แม้ในความจริงจะมีสินค้าหลายชนิดที่ผนวกรวมกันเป็นยอดขาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Carson เริ่มสร้างแบรนด์มาจากถุงเท้า ส่วนการต่อยอดไปเป็นสินค้าอื่นนั้นก็หลังจากถุงเท้าได้รับความนิยมและเป็นแบรนด์ที่ฮิตติดใจคนไทยไปแล้ว

ออกแบบถุงเท้าลายกันลื่นรูปตัวการ์ตูน เจ้าแรกในประเทศ

6

ภาพจาก facebook.com/carsonthailand/

ความคิดสร้างสรรค์ของ Carson คือสูตรเด็ดที่ทำให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง เริ่มจากผลิตถุงเท้าพื้นเทากันเปื้อนเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง ซึ่งต่อมามีการพัฒนาไอเดียด้วยการทำลายกันลื่นรูปตัวการ์ตูน

ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกในประเทศที่คิดค้นรูปแบบสินค้านี้ ตัวการ์ตูนที่ฮิตมาก็คือ en 10 ซึ่งคาร์สันติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ตรงจาก Cartoon Network เป็นสีสันที่ทำให้การไปโรงเรียนของเด็กๆ สนุกสนานมากขึ้น

จนได้รับรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมจาก Cartoon Network เพราะเป็นสินค้าแบรนด์เจ้าแรกๆ ที่นำตัวการ์ตูนเข้าไปในโรงเรียนได้สำเร็จ ก่อนจะตามมาด้วยคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Disney Princess, Pony Marvel เป็นต้น

5

ภาพจาก facebook.com/carsonthailand/

เมื่อถุงเท้ากลายเป็นสินค้าฮิตติดตลาดคนจำได้ ก็เริ่มมาต่อยอดเป็นสินค้าอื่น โดยตั้งใจพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ความเป็นครอบครัว ภายใต้คอนเซปต์ นุ่ม สบาย สินค้าตัวต่อมาคือชุดชั้นชายคาร์สัน ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามาก มีการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ จากนั้นก็พัฒนาเป็น Carson Kids แบรนด์ชุดชั้นในเด็ก และกำลังเป็นแบรนด์ที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับคาร์สัน

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่องว่างการตลาดที่ไม่ค่อยมีแบรนด์ไหนลงเล่นในสนามสินค้าสำหรับเด็กอายุ 3 – 13 ปี และที่สำคัญ ผู้ปกครองไว้ใจในคาร์สันอยู่แล้ว และทุกวันนี้คาร์สันมีสินค้าที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนจำนวนมากนอกจากถุงเท้าทั่วปไป ยังมีถุงเท้าทำงาน ชุดนอน ชุดชั้นใน และสินค้าสำหรับเด็กต่างๆ ด้วย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการทำธุรกิจ

4

ภาพจาก facebook.com/CarsonCollectionTH

  1. นำเสนอสินค้าเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยวิธีผู้บริโภคพูดกับผู้บริโภค ใช้ภาษาง่ายๆ ในการสื่อสาร
  2. นำเสนอสินค้าผ่านคาแรคเตอร์นักแสดงวัยรุ่นเพื่อกระตุ้นให้เห็นว่าสินค้านั้นตามเทรนด์ตลอดเวลา
  3. ต้องมีความคิดนอกกรอบ คิดหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า
  4. ให้ความสำคัญกับพนักงานทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ระดมความคิดของพนักงานทั้ง 2 รุ่นในการพัฒนาสินค้า
  5. พัฒนาสินค้าให้มีราคาที่หลากหลาย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม

ซึ่งจะเห็นได้ว่าในตลาดนัดบางแห่งก็มีการขายสินค้าอย่างถุงเท้าแฟชั่น ซึ่งบางส่วนก็เป็นสินค้าของคาร์สันเช่นกันซึ่งในโลกของถุงเท้าแฟชั่นราคาประหยัดอย่างร้านแบกะดินและตลาดนัดออฟฟิศซึ่งเป็นแหล่งขายถุงเท้าในราคา 3 คู่ 4 คู่ 5 คู่ 100 บาท ที่ไม่มีการทำแบรนด์ของคาร์สันชัดเจนเพราะต้องการให้ลูกค้าทั่วไปได้ใช้ถุงเท้ามีคุณภาพในงบประมาณจำกัด

3

ภาพจาก facebook.com/CarsonCollectionTH

สิ่งที่เห็นได้ชัดจากธุรกิจของคาร์สันคือคาแรคเตอร์ในตัวเองที่ชัดเจน และจุดยืนที่มั่นคง เมื่อธุรกิจวางคอนเซปต์ตัวเองได้ชัดจะทำให้การบริหารงานนั้นเดินหน้าได้ง่าย ต่างจากหลายธุรกิจที่ไม่มีความเป็นตัวเอง

เห็นใครดีก็ทำตาม อันไหนดูดีกว่าก็จะทำแบบนั้น สุดท้ายกลายเป็นธุรกิจที่ไม่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง จึงทำการตลาดได้ยาก โอกาสที่จะเติบโตก็ยากเช่นกัน กรณีของคาร์สันจึงถือเป็นต้นแบบการทำธุรกิจที่ควรยกเอาเป็นตัวอย่าง


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3H0TEK3 , https://bit.ly/3FUTmDd

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3g7V09T

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด