ทำงานมา “หลายปี” ควรทำต่อหรือลาออกไปทำธุรกิจ?

Ladder เว็บไซต์หางานจากประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าพนักงานบริษัทกว่า 81% แกล้งทำเป็นมีความสุขกับการทำงาน และคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำ พนักงานที่แกล้งมีความสุขกว่า 66% เจอปัญหานอนหลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ และกว่า 89% รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเมื่อกลับถึงบ้าน

ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าคนทำงานประจำส่วนใหญ่อยากลาออก “อยากมีธุรกิจของตัวเอง” ถ้าเป็นคนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ อายุงานไม่เกิน 5 ปี การไปแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องคิดมาก แต่ถ้าเราทำงานมานานเช่น 10 ปีขึ้นไปในบริษัทเดียว แบบนี้ถ้าคิดอยากลาออกไปทำธุรกิจของตัวเอง จะเป็นความคิดที่ถูกหรือไม่ถูก ต้องลองมาวิเคราะห์กันดู

แนวคิดตัดสินใจ ทำงานมานาน อยู่ต่อ! หรือ ลาออก ดีกว่ากัน???

1.บริษัทมีอนาคตแค่ไหน??

18

ภาพจาก www.freepik.com

เหตุผลของบางคนที่ยังทำงานอยู่เพราะว่า “ยังไม่มีงานที่ดีกว่า” ทั้งที่ความจริงบริษัทที่ทำอยู่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่อื่นแถมบางที่ยังแย่กว่า บริษัทบางแห่งโบนัสก็ไม่มี โอทีก็ไม่มี เบี้ยเลี้ยง เบี้ยขยันก็ไม่มี แถมเจ้านายก็ยังจู้จี้จุกจิก ทำงานไม่เป็นระบบ ที่สำคัญเงินเดือนก็ไม่สูง แบบนี้เรียกว่าเป็นบริษัทที่ไม่มีอนาคต คนทำงานเพียงแค่อาศัยทำงานไปวันๆ ดังนั้นหากเจอบริษัทแบบนี้อาจมีเหตุผลให้เราตัดสินใจลาออกไปทำธุรกิจน่าจะดีกว่า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยความพร้อมของแต่ละคนด้วย

2.โอกาสก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน

17

ภาพจาก www.freepik.com

เราต้องเทียบปัจจัยเติบโตว่าหากเราทำงานในบริษัทนั้นต่อไป ในระยะเวลาอีก 5-10 ปี เราน่าจะมีโอกาสก้าวไปถึงระดับไหน หากเป็นบริษัทที่มีระบบการทำงานชัดเจน มีการปรับเงินเดือน ปรับตำแหน่ง มีเงินเก็บสะสม คิดว่าถ้าทำงานมานานก็ควรจะทำต่อไปเพราะบริษัทแบบนี้ให้ความมั่นคงได้ แต่ในทางกลับกันหากเจอบริษัทที่ตำแหน่งเราไม่มีทางขยับ เงินเดือนก็ไม่ขยับ ทำงาน 5-10 ปีเงินเดือนก็กระดิกจากเดิมแค่นิดหน่อย แบบนี้ก็เป็นปัจจัยที่ควรบอกให้เราพอแค่นี้แล้วไปหาธุรกิจตัวเองทำจะมีความมั่นคงมากกว่า

3.รายได้คุ้มค่ากับงานที่ทำแค่ไหน

16

ภาพจาก www.freepik.com

คราวนี้ลองนำรายได้ของเรามาเทียบดูความคุ้มค่า ยกตัวอย่างเช่นเราทำงานมา 10 ปี ตอนนี้เงินเดือน 20,000 ในแต่ละปีเราจะมีรายได้ประมาณ 240,000 บาท ไม่รวมโบนัส และเงินพิเศษต่างๆ (หากมี) ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขนี้ยังไม่ได้เอาไปหักค่าใช้จ่ายจิปาถะในชีวิตประจำวันเช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ ลองคิดอย่างละเอียดแล้วดูว่าในแต่ละปี เรามีเงินเหลือเท่าไหร่ และหากลาออกตอนนี้เท่ากับเราจะตัดเงินเดือนส่วนนี้ออกไป และจะมั่นใจได้แค่ไหนว่ากิจการที่เราจะออกไปทำจะสามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่าการทำงานประจำ

4.ปัจจัยทางด้านอายุของตัวเราเอง

15

ภาพจาก www.freepik.com

ในที่นี้เราพูดถึงคนที่ทำงานมานาน นั่นหมายความว่าอายุของคนในกลุ่มนี้ที่คิดจะลาออกต้องไม่ต่ำกว่า 35-45 ปี ซึ่งคนกลุ่มนี้น่าจะทำงานมาอย่างน้อย 10-15 ปี หากอยู่ในบริษัทที่มั่นคงก็ต้องมีตำแหน่งที่สูง เงินเดือนที่สูงกว่าเด็กจบใหม่ เราต้องมาวิเคราะห์ดูว่า ด้วยอายุของเราตอนนี้ไม่ต่ำกว่า 35-45 ปี หากออกไปทำธุรกิจเอง เราจะทำธุรกิจอะไร และเราจะมีแรงกายแรงใจมากพอจะเริ่มต้นในจุดนี้แค่ไหน หรือบางคนได้เริ่มทำธุรกิจควบคู่ไปกับงานประจำ รอให้ธุรกิจเดินหน้าสร้างรายได้จึงค่อยลาออกมาบริหารธุรกิจตัวเองเต็มรูปแบบก็เป็นอีกวิธีที่ทำได้และลดความเสี่ยงได้มากด้วย

5.เงินสะสมตอนเกษียณคุ้มค่าที่จะทำงานต่อแค่ไหน??

14

ภาพจาก www.freepik.com

หลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานบริษัท เพราะบางแห่งมีเงินสะสมที่หักจากเงินเดือนทุกเดือนจะมีการสมทบหรือไม่ก็แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท สิ่งที่ทำให้หลายคนทนทำงานต่อแม้บางทีไม่อยากทำก็เพราะเงินสะสมตอนเกษียณ ซึ่งบางแห่งได้เป็นเงินก้อนที่สูงมาก ขึ้นอยู่กับอายุในการทำงานเป็นสำคัญ

ดังนั้นหากตัวเราอายุมากในระดับหนึ่ง และมีความคิดจะทำธุรกิจหรือลาออก อย่าลืมเอาเหตุผลข้อนี้มาหักลบกันดูว่าเราควรอยู่ต่อเพื่อสะสมเงินเกษียณให้มากขึ้น หรือหากไม่มีเงินสะสมก้อนนี้ก็อาจทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะจำเป็นที่ต้องรีบขยับขยายเพื่อหาเงินทุนไว้ใช้ในยามแก่ชรา

ทั้ง 5 ข้อเป็นคำถามที่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนคิดจะลาออก ซึ่งยังมีเหตุผลอีก 5 ข้อที่บอกตัวเราได้เลยว่า “อย่าคิดลาออกไปทำธุรกิจ” ถ้าเรารู้สึกดังนี้

13

ภาพจาก www.freepik.com

1.ไม่รู้เป้าหมายในอนาคต ไม่มีการวางแผนเรื่องการทำธุรกิจเอาไว้แต่เนิ่นๆ และคิดจะไปเริ่มหลังจากที่ลาออกแล้ว

2.ลาออกเพราะอยากมีเวลา และคิดว่าเมื่อมีเวลาก็จะหางานหรือธุรกิจอะไรทำได้ง่ายๆ

3.อยากลาออก อยากมีธุรกิจ เพราะเงินเดือนที่ได้แม้จะสูงมากแต่ก็ไม่พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ถ้าการคิดลาออกในลักษณะนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ผิดวิธี ทางที่ดีควรไปวางแผนการใช้เงินของตัวเองก่อนจะดีกว่า

12

ภาพจาก www.freepik.com

4.คิดว่าเรารู้จักคนมาก ถ้าลาออกจะมีคนช่วยเหลือเราได้ คนที่ทำงานมานาน อาจมี Connection เยอะก็จริง แต่นั่นก็เพราะเรายังทำงานในบริษัทนั้น คนที่เรา Connection ด้วยจึงติดต่อได้ง่าย แต่หากเราคิดว่าถ้าเราออกมาทำธุรกิจเอง จะสามารถ Connection กับคนกลุ่มนี้ได้ อาจเป็นความเสี่ยงที่เราต้องแบกรับในอนาคต

5.ลาออกเพราะคิดว่าจะใช้เงินที่ได้จากการลาออกมาเริ่มทำธุรกิจ อันนี้ถือเป็นความคิดที่เสี่ยงมาก เพราะเงินที่เราสะสมมานานจากการทำงานควรเป็นเงินที่เราได้ใช้ในยามเกษียณ แต่เมื่อเราตัดสินใจลาออกมาทำงาน ซึ่งการทำธุรกิจไม่มีคำว่าเกษียณ เราควรมีเงินทุนต่างหากที่ไม่เกี่ยวกับเงินสะสม เผื่อที่ว่าหากผิดพลาดในการลงทุนเรายังพอมีเงินทุนเหลือใช้ในยามแก่ชราได้จริงๆ

11

ภาพจาก www.freepik.com

ทั้งนี้ข้อมูลน่าสนใจหากคิดลาออกจริงๆ เราจะต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ว่างงาน โดยไม่ต้องรอหนังสือรับรองการออกจากงาน เพื่อรับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย ตัวอย่างเช่น เรามีเงินเดือนเฉลี่ย 15,000 บาท จะได้รับเงินเดือนละ 4,500 บาท และยังมีสิทธิคุ้มครองต่ออีก 6 เดือน ใน 4 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร เสียชีวิต

นอกจากนี้เงินประกันสังคมที่เราจ่ายในระหว่างทำงาน ส่วนหนึ่งนำไปสะสมเป็นเงินออมชราภาพ โดยสามารถขอคืนได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ส่วนจะได้รับเป็นบำเหน็จหรือบำนาญก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาส่งเงินเข้าประกันสังคม หลังจากลาออกภายใน 6 เดือนเราควรยื่นสมัครเป็นสมาชิกประกันสังคมต่อแบบผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 เพื่อมีสิทธิประโยชน์คุ้มครองรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ และรักษาสิทธิเงินออมชราภาพ


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/2S7mFPH , https://bit.ly/3hGi1CS , https://bit.ly/3f21O9r , https://bit.ly/3oyY2Yi , https://bit.ly/3wpvpjc , https://bit.ly/3u7KvYM

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3q1ubcY

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด