ถ้าโลกไม่ต้องพึ่งน้ำมัน ! ธุรกิจไหนที่ต้องปรับตัว?

น้ำมันเป็นสิ่งที่มนุษย์เรารู้จักกันมานานหลายพันปีพัฒนาต่อเนื่องจนมาเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่โดยปัจจุบันซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันส่งออกได้มากกว่า 260,000 ล้านบาเรลล์หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของปริมาณน้ำมันที่มีในโลก

อย่างไรก็ตามช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีแนวคิดของการหันมาใช้ พลังงานทดแทน ที่ไม่ใช่น้ำมัน และทั่วโลกก็ดูเหมือนจะขานรับกับแนวคิดนี้อย่างดีเป็นสิ่งที่ www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าน่าสนใจเพราะหากโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปถึงจุดนั้นจะต้องมีธุรกิจไหนที่รีบปรับตัวกันบ้าง

แนวโน้มการขานรับโลกยุคใหม่ไร้น้ำมัน!

พลังงานทดแทน

ภาพจาก goo.gl/o4xvcz

ตามรายงานของ Bloomberg กล่าวว่า ภายในปี 2022 ราคาของรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันและในปี 2040 รถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของรถยนต์ทั้งหมด นั้นหมายถึงอัตราการใช้น้ำมันทั่วทั้งโลกจะเหลือแค่ 13 ล้านบาเรลล์ต่อวัน น้อยกว่าในปัจจุบันที่มีการใช้อยู่ประมาณ 95 ล้านบาร์เรลต่อวัน สวนทางกับพลังงานทดแทนอย่างโซลาร์เซลในช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีอัตราลดลงกว่า 160 เท่าตัวปัจจุบันเหลือที่ 22 บาท/วัตต์ในขณะที่จำนวนการติดตั้งทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 32,000 เท่า

ตลาดใหญ่อย่างจีนเองก็มีแนวโน้มการขานรับโลกยุคไร้น้ำมันเช่นกันด้วยรายงานข่าวจากรอยเตอร์ระบุว่า ทางรัฐบาลจีนได้คาดการณ์ไว้ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2016 จะเพิ่มเป็น 6 แสนคัน คิดเป็น 2 เท่าของปี 2015 ซึ่งทางรัฐบาลกำลังเร่งก่อสร้างสถานีสำหรับชาร์จไฟฟ้าให้เพียงพอ

4874455956

ภาพจาก goo.gl/cF1Xpi

ยังไม่รวมประเทศในแถบยุโรปที่มีการกำหนดเส้นตายการใช้ น้ำมัน เชื้อเพลิงในรถยนต์เช่นที่ เยอรมนีได้กำหนดเรื่องนี้ไว้ในช่วงปี 2030-2040 ส่งผลให้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ต้องเริ่มหันมาพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือโซลาร์เซลล์มากขึ้นด้วย

ผลกระทบนี้ธุรกิจไหนต้องรีบปรับตัว?

9585656568989

ภาพจาก goo.gl/9Jcieg

เป็นความจริงที่ว่าเราจะเพิกเฉยกับเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดเพราะแนวโน้มนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่อินเดียได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าในปี 2030 อุตสาหกรรมยานยนต์จะผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น นั้นยังไม่รวมการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับอันเป็นการพัฒนาที่ต่อเนื่องจากเรื่องนี้ขึ้นไปอีกขั้น

ผลกระทบเรื่องนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มโอเปคที่เน้นการขายน้ำมัน ส่งออกเป็นหลัก หากเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ต้องมีการสร้างอุตสาหกรรมใหม่มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะกับซาอุดิอาระเบียที่เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันมานานแสนนาน ดังเราจะเห็นภาพว่าการดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในตะวันออกกลางมากขึ้นก็เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวในเรื่องนี้

ธุรกิจตัวต่อไปที่ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนก็คือสถานีบริการน้ำมัน ทั้งหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังเช่นเราจะเห็น ปตท. มีการลงทุนในธุรกิจ None-oil มากขึ้น ซึ่งต่อจากนี้เราจะเห็นความเป็นคอมมูนิตี้หรือการรุกเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม รวมถึงใช้พื้นที่ศูนย์ “FIT Auto” ในปั๊มเป็นจุดรับส่งพัสดุรองรับการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซตามเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

655689333356563233265656

ภาพจาก goo.gl/EUKWcH

นอกจากนี้สถานีบริการน้ำมันอย่างปั๊มบางจากก็หันมาสนใจในการพัฒนาแบตเตอรี่แต่ไม่ใช่การลงทุนผลิตแบตเตอรี่ แต่ไปลงทุนต้นน้ำของแบตเตอรี่ คือการร่วมลงทุนในเหมืองแร่ “ลิเทียม” ในอาร์เจนตินา และสหรัฐอเมริกา รวมถึงการสร้างธุรกิจชีวภาพที่มุ่งหวังจะเป็นผู้ผลิตและสร้างผลิตภัณฑ์จากเอทานอลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจไบโอฟาร์มาซูติคอล รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงามด้วย

ดังจะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นและไม่ใช่เรื่องที่ควรจะปล่อยให้ผ่านไป โดยเฉพาะในหมวดหมู่อุตสาหกรรมพลังงานหากไม่มีการเร่งปรับตัวความเสียหายที่ตามมาจะประเมินค่าไม่ได้ ธุรกิจที่อยู่รอดต่อจากนี้คือคนที่รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เท่านั้น

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด